ในตอนนั้นเอง เย่เหลียนอีได้ส่งคนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว หลานเสี่ยวถางนั้นถูกลักพาตัวไปแล้วจริง ๆ ส่วนคนที่กระทำการลักพาตัวเธอไป นั่นก็เป็นโอหยางจวิ้นแห่งตระกูลเพอร์เซลล์นั่นเอง!
สือมูเฉินเห็นฉากทั้งหมดแล้ว นัยน์ตาเคร่งขรึมขึ้นในทันที “คุณแม่ครับ เรื่องนี้ควรที่จะเป็นออเนอร์ที่ควรจะเข้ามาตัดสิน หรือว่าควรที่จะแจ้งความครับ?”
“แจ้งความไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนักหรอกจ้ะ” เย่เหลียนอีเอ่ย “กฎหมายทางฝั่งนี้ ไม่เพียงแต่จำเป็นที่จะต้องฟังหลักฐานด้วยแล้ว อีกทั้งยังจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการสอบสวนที่นานมาก ๆ อีกด้วย เกรงว่าถึงแม้ว่าจะช่วยถางถางออกมาได้แล้ว เธอก็คงจะต้องคลอดเจ้าตัวน้อยแล้วแน่ ๆ เลย!”
สือมูเฉินเองก็พอมีความรู้ทางด้านกฎหมายของอเมริกาอยู่บ้าง ดังนั้นจึงพยักหน้าขึ้นลงไปมา “ถ้าอย่างนั้นแล้วก็คงจะต้องใช้อำนาจส่วนตัวลงมือแล้วล่ะครับ!”
เย่เหลียนอีพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเรื่องระหว่างตระกูลใหญ่สองตระกูล พวกเรากลับบ้านกันไปก่อน แล้วไปบอกกับคุณพ่อของฉันกันก่อนเถอะ”
ทั้งสองคนกลับไปที่ออเนอร์แล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเย่ซีโจวนั้นรับรู้เรื่องที่หลานเสี่ยวถางถูกจับตัวไปเรียบร้อยแล้ว
เขายืนอยู่ที่ระเบียง ก่อนจะสูบซิการ์ลึก ๆ ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับสือมูเฉินว่า “มูเฉิน คุณรู้สึกว่าบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยจัดการดูแลง่ายหรือเปล่า?”
สือมูเฉินเอ่ย “บริษัทใหญ่ ราวกับว่าเป็นอวัยวะหนึ่งในห้าที่มารวมตัวกันของอาณาจักรธุรกิจ ย่อมต้องจัดการดูแลไม่ง่ายอยู่แล้วครับ แต่ทว่า ของมากมายนั้นมาจากระบบควบคุมเพียงแค่ระบบเดียว บวกเข้ากับเป้าหมายที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าบนรายละเอียดทั้งหมดนั้นจะถูกเบี่ยงเบนไป แต่อย่างน้อยทิศทางนั่นก็ยังคงดีอยู่ครับ ดังนั้นแล้วจะบอกว่ายากก็ไม่ยากมากนัก”
“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ” เย่ซีโจวสบตามองไปยังลานกว้างไกล ๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความนิ่งเงียบและขึงขังที่สั่งสมมาตลอดหลายปี “คุณอยู่ในตำแหน่งสูง ก็คงจะทราบสินะ ของมากมาย ทำได้เพียงแค่มองจากภาพโดยรวมเท่านั้น”
เขาพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ใบหน้าหลังควันสีขาวนั้นเลือนรางเล็กน้อย ก่อนที่น้ำเสียงสำเนียงอเมริกันที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงเม็กซิโกเล็กน้อยจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ในออเนอร์เอง ถึงแม้จะบอกว่าผมนั้นวางมือแล้ว แต่ทว่า ก็มีคนสนิทไม่น้อย อีกทั้งยังมีสหายร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ที่เคยผ่านสงครามกันมามากมายด้วย แล้วก็แม่ม่ายของพวกเขา”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งต่อมาว่า “ถ้าหากว่าทั้งสองตระกูลทำสงครามกันขึ้นมาแล้ว มันจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมาก ผู้คนมากมายเป็นเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงขึ้น ๆ ลง ๆ เช่นนี้ดังนั้นจึงไม่มีข้าวกินจนต้องหิวตายอยู่ที่ถนน แต่ไม่ได้จะบอกว่าออเนอร์จะสู้ในศึกนี้ไม่ได้หรอกนะ อีกทั้งยังไม่ต้องพูดเลยว่าพวกเรานั้นจะแพ้ให้กับตระกูลเพอร์เซลล์ด้วย แต่ทว่า ถ้าหากว่าสงครามเริ่มต้นขึ้นแล้ว อันที่จริงเราทั้งสองฝ่ายนั่นแหละคือตระกูลที่แพ้ มักจะเป็นลูกหลานของผมมาโดยตลอด ชีวิตในท้องของเธอ มันส่งผลกระทบจนสะเทือนมาถึงหัวใจของผม แต่ทว่า ผมนั้นที่รับหน้าที่เป็นพ่อทูนหัวของออเนอร์ ถึงแม้ว่าคิดอยากที่จะช่วยเธอออกมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทว่าก็ยังคงต้องคำนึงถึงผู้คนมากมายในออเนอร์ด้วย”
สือมูเฉินสบตามองชายชรา ใบหน้าของเขามีร่องรอยของอายุปรากฏให้เห็น อีกทั้งที่หน้าผากกว้างยังคงมีหลักฐานที่เคยผ่านความเป็นความตายคงหลงเหลือเอาไว้อยู่ด้วย
เมื่อฟังคำพูดทั้งหมดที่เย่ซีโจวเอ่ยขึ้นมาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ยิ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาก ก็ยิ่งมีเรื่องมากมายให้ต้องคำนึงไตร่ตรอง จะทำอะไรตามใจตนเองไม่ได้
“อีกทั้งในตอนแรกที่มีการสัญญาเรื่องการแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเพอร์เซลล์ ก็ยังเป็นตระกูลใหญ่ทั้งหมดในอเมริกาที่เป็นพยานในการเซ็นสัญญาด้วย” เย่ซีโจวเอ่ย “มองจากมุมนี้แล้ว พวกเรานั้นจะต้องได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากการเสียเปรียบนี้อย่างแน่นอน”
“คุณปู่ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ” นัยน์ตาของสือมูเฉินเผยความแน่วแน่ให้ได้เห็น “เสี่ยวถางเองก็เป็นภรรยาของผม เธอถูกคนลักพาตัวไป ผมที่เป็นสามีของเธอ ย่อมจะต้องทุ่มเทอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะช่วยเธอกลับมาให้ได้อย่างแน่นอนครับ ไม่ได้เป็นเพราะว่าตระกูล อีกทั้งก็ไม่ได้จะเป็นเพราะจะต้องการผลประโยชน์อะไรเลยครับ แต่เป็นเพราะว่า โอหยางจวิ้นลักพาตัวภรรยาของผมไป อีกทั้งในท้องของภรรยาของผม ก็ยังมีเลือดเนื้อเชื้อไขของผมด้วย!”
“ใช่แล้ว!” เย่ซีโจวสบตามองสือมูเฉิน ก่อนจะยกมือขึ้นไปตบเบา ๆ เข้าที่ไหล่ของเขา “มูเฉิน คุณพูดไม่ผิด นี่สมควรที่จะเป็นจิตใจที่เข้มแข็งและศักดิ์ศรีของผู้ชายคนหนึ่ง! ถึงแม้ว่าออเนอร์จะไม่สามารถแสดงท่าทีออกไปได้อย่างชัดเจนมากนัก แต่ทว่า ถ้าหากว่าคุณต้องการความช่วยเธอ ตัวผมเอง ก็จะสนับสนุนคุณตลอดเวลา!”
“ครับผม ขอบคุณนะครับคุณปู่!” สือมูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ผมอยากที่จะไปแนะนำตัวกับตระกูลเพอร์เซลล์จริง ๆ จัง ๆ ครับ รวมถึงแผนที่ของสำนักงานใหญ่ของพวกเขาด้วย”
“วันนี้ก่อนค่ำ ผมจะส่งให้คนนำมันไปให้คุณถึงมือ” เย่ซีโจวเอ่ย
สือมูเฉินกลับเข้าไปในคฤหาสน์หลังเล็กแล้ว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา หลังจากนั้นก็ลองต่อสายโทรศัพท์หาหลานเสี่ยวถาง
ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางพึ่งจะเข้าไปในสำนักงานใหญ่ของตระกูลเพอร์เซลล์ได้เมื่อครู่นี้เอง ที่นั่นนั้นสร้างขึ้นมาราวกับว่าคล้ายป้อมปราการริมทะเลสาบเลย
เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา เธอหยิบขึ้นมาดูทันที ก่อนจะพบว่าเป็นสื่อมูเฉินที่โทรเข้ามาหา
ทางด้านข้าง โอหยางจวิ้นยกยิ้มมุมปากขึ้นไปมา ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบขึ้นมาว่า “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะได้โทรศัพท์พูดคุยกับเขานะครับ คุณรีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้สิ!”
หลานเสี่ยวถางสบตามองเขาครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินไปทางด้านข้าง “มูเฉินคะ”
“เสี่ยวถาง ตอนนี้พวกเราทราบแล้วนะครับว่าคุณอยู่ที่ตระกูลเพอร์เซลล์” สือมูเฉินเอ่ย “คุณวางใจนะครับ ผมจะไปช่วยคุณออกมาเอง คุณอดทนรออีกสักสองวันนะครับ”
“ค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ยตอบกลับไปว่า “มูเฉินคะ โอหยางจวิ้นบอกว่าจะไม่ให้ฉันใช้โทรศัพท์อีกต่อไปแล้วค่ะ ดังนั้นการติดต่อของพวกเราหลังจากนี้นั้นเกรงว่าจะไม่สะดวกแล้ว แต่ทว่า ฉันสามารถคิดหาวิธีอื่นได้ค่ะ”
“เสี่ยวถางครับ ผมเชื่อว่าคุณจะต้องคิดว่าวิธีได้แน่ ๆ” สือมูเฉินกลัวว่าหลานเสี่ยวถางจะถูกดักฟังอยู่ ดังนั้นก็เลยไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปตรง ๆ ทำได้เพียงแค่เอ่ยเตือนขึ้นมาเล็กน้อยว่า “ในตอนนั้นมั่วหลิงชวนก็แพ้ให้กับคุณไปแล้วนี่ครับ ดังนั้น……”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางสว่างวาบในทันที “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ มูเฉินคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันนะคะ พวกเขาจะไม่ทำอะไรฉันชั่วคราวค่ะ ฉันจะรอคุณที่เพอร์เซลล์นะคะ!”
“ครับ” หัวใจของสือมูเฉินกระตุกเบา ๆ “เสี่ยวถางครับ ขอโทษนะ เป็นผมที่ไม่ดูแลคุณให้ดี”
หลานเสี่ยวถางส่ายหน้า “มูเฉินคะ พวกเราป้องกันทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะคะ คุณกับคุณแม่จะไปนึกได้อย่างไรกันละคะว่าผู้ช่วยของดอกเตอร์คนนั้นมีปัญหาน่ะ?”
“สรุป อยู่ทางฝั่งนั้นก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะครับ” สือมูเฉินเอ่ยกำชับ “ทานข้าวดี ๆ พักผ่อนให้มาก ๆ อย่าทำให้ตัวเองเหนื่อย เข้าใจไหมครับ?”
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ย
“เอาล่ะครับ การพูดคุยจบลงแล้ว” โอหยางจวิ้นเดินเข้ามาหา ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางไปแล้ว
ไม่พูดไม่ได้ ทางฝั่งตระกูลเพอร์เซลล์ฝั่งนี้นั้นใส่ใจต่อหลานเสี่ยวถางมากจริง ๆ
ดังนั้นแล้ว ในตอนที่เธอกับโอหยางจวิ้นพึ่งจะมาถึง ทางฝั่งตระกูลก็ตระเตรียมห้องพักเอาไว้ให้หลานเสี่ยวถางเรียบร้อยแล้ว ทางด้านข้าง ก็ยังมีห้องนอนของเด็กอ่อนอีกด้วย
สาวใช้สองคนเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเอ่ยทำความเคารพว่า “นายหญิง หลังจากนี้พวกเราจะเป็นคนรับผิดชอบดูแลการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ คุณต้องการสิ่งใด สามารถบอกกับพวกเราได้นะคะ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วให้ฉันยืมโทรศัพท์มือถือหน่อยได้ไหมคะ?”
สาวใช้ทั้งสองคนส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันในทันที “ขอประทานโทษด้วยค่ะ นายหญิง นายน้อยกำชับสั่งเอาไว้แล้วค่ะ ทุกอย่างนั้นได้ทั้งหมด แต่โทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้ค่ะ”
วันนี้ เรื่องราวทั้งหมดกลับคืนสู่ความสงบแล้ว วันที่สอง โอหยางจวิ้นออกไปทำงานตอนฟ้าสว่าง ส่วนในตอนค่ำ ก็กลับมารับประทานมื้อค่ำด้วยกันกับหลานเสี่ยวถาง
ถึงแม้ว่าหลานเสี่ยวถางนั้นจะไม่ได้ไว้หน้าของเขาเอาไว้ทั้งหมด แต่ทว่า เขานั้นราวกับว่าไม่รับรู้สึกถึงมันเลยก็ไม่ปาน ทั้งยังมีท่าทีเคร่งขรึมนอบน้อมอยู่ตลอดเวลา ในตอนที่จากไป ก็ยังยกยิ้มราวกับต้นไม้ในวสันต์ฤดูที่ถูกลมพัดครั้งหนึ่งอีกด้วย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขานั้นชอบใจและอารมณ์ดีจนถึงขีดสุด
ในตอนกลางคืนหลานเสี่ยวถางอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วก็เดินออกมา ก่อนจะมองหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองคนว่าตนเองจะพักผ่อนแล้ว อีกทั้งก็ปิดประตูแล้วเข้านอน
เพียงแต่ว่าในตอนเที่ยงคืนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปล้างมือแล้วออกมา แต่กลับไม่ได้เดินกลับไปยังเตียงของตนเอง แต่ทว่ากลับเดินไปที่ห้องหนังสือแทน
ห้องที่เธอพักอยู่นั้นต้องเดินไปในโถงทางเดินของตัวปราสาท เป็นห้องเดี่ยว รวมถึงสามห้อง มีห้องครัว ห้องน้ำและห้องหนังสือ
สาวใช้ทั้งสองคนอยู่รวมตัวกันในห้องห้องหนึ่ง ส่วนอีกห้องหนึ่งนั้น โอหยางจวิ้นมีคำสั่งเอาไว้ว่าให้เริ่มเตรียมสร้างเอาไว้เป็นห้องเด็กอ่อน ที่ชั้นล่าง แม้กระทั่งยังตระเตรียมหมอสูตินารีวิชาชีพโดยเฉพาะมาให้หลานเสี่ยวถางอีกด้วย ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้หลานเสี่ยวถางนั้นจดจำอยู่ในความคิด
ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางเปิดเดสก์ทอปเครื่องนั้นในห้องหนังสือ
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ โอหยางจวิ้นไม่ให้เธอเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์เลย แต่ทว่า เป็นเพราะว่าเดสก์ทอปเครื่องนี้มีรหัสผ่าน ดังนั้นแล้วจึงไม่กังวลใจว่าหลานเสี่ยวถางจะทำอะไร
เป็นเพราะกลัวว่าจะทำเสียงดังจนสาวใช้สองคนนั้นตื่น ดังนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางจึงเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบามากที่สุด หลังจากนั้น ก็เริ่มทดลองปลดรหัสดู
การถอดรหัสนั้นเธอไม่ใช่งานถนัดของเธอเลย แต่ทว่า หลังจากที่ใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว ดังนั้นก็หาเส้นทางจนเจอแล้ว
ในที่สุด ในตอนกลางคืนค่อนไปทางตีสามกว่าแล้วนั้นเอง ตามต่อมาด้วยคำสั่งการแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นมา ในที่สุดก็มีสถานะชื่อบัญชีผู้ใช้อีกคนหนึ่งมาแล้ว หลังจากนั้นก็เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตสำเร็จแล้ว!
สือมูเฉินได้รับอีเมลที่หลานเสี่ยวถางส่งมาให้ตอนเที่ยงคืน
เขาเปิดอ่านอีเมลของหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะเห็นรูปรูปหนึ่งที่หลานเสี่ยวถางใช้ซอฟต์แวร์การวาดภาพทำขึ้นมา เป็นแผนที่เล็ก ๆ ภายในปราสาทของห้องพักที่เธออยู่
มุมปากของสือมูเฉินยกยิ้มขึ้นทันที ยังไม่ทันได้มองรายละเอียดให้ดี ก็รีบตอบกลับไปว่า “ภรรยาฉลาดจริง ๆ!”
ทางฝั่งนั้น หลานเสี่ยวถางเองเดิมก็ไม่ได้หวังว่าสือมูเฉินจะตอบกลับมาในทันที นั่นก็เป็นเพราะว่าเที่ยงคืนแล้ว เธอกำลังจะปิดคอมพิวเตอร์แล้วเข้านอนแล้ว ก่อนจะวางแผนเอาไว้ว่าจะพูดคุยกับสือมูเฉินในช่วงเวลาที่นัดแนะกันของวันพรุ่งนี้ ผลปรากฏคือ เธอกลับได้รับข้อความที่เขาส่งกลับมาแล้ว
ริมฝีปากของเธออดที่จะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะเอ่ยกับเขาว่า “ยังไม่นอนหรือว่าถูกฉันปลุกจนตื่นคะ?”
“กำลังรอคุณอยู่ครับ” สือมูเฉินเอ่ย “เสี่ยวถางครับ คุณตาของคุณส่งแผนที่มาให้ผมเรียบร้อยแล้วนะ แต่ทว่าเป็นเพราะว่าตำแหน่งของเขาสูงมาก มีเรื่องมากมายที่จำเป็นต้องคำนึงถึงให้มาก ๆ ดังนั้นแล้ว เขาไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้โดยตรง แต่ทว่า เขาจะสนับสนุนของมาให้แทนครับ รอให้ผมหาโอกาสที่เหมาะสมดูก่อน หลังจากนั้นก็จะไปรับคุณกลับมาบ้านนะ”
“ค่ะ” หลานเสียวถางเอ่ย “มูเฉินคะ คุณอย่าได้เสี่ยงอันตรายเด็ดขาดเลยนะคะ ต้องคำนึกถึงความปลอดภัยเอาไว้ก่อนนะคะ ตอนนี้พวกเขายังไม่กล้าทำอะไรฉันหรอกค่ะ อีกทั้งยังหาหมอเฉพาะทางมาให้ฉันด้วย ดังนั้นแล้ว คุณไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยของฉันนะคะ รอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยมา อย่าบุ่มบ่ามเป็นอันขาดเลยนะคะ”
“ครับ” นัยน์ตาของสือมูเฉินเป็นประกายอบอุ่น “คุณภรรยา ผมคิดถึงคุณแล้ว”
จู๋ ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่ามันเย็นเฉียบกลับแทบจะมีความอบอุ่นเพิ่มขึ้นมาหลายส่วนในทันที เธอรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ฉันก็คิดถึงคุณ”
“เด็กดี ตอนนี้คุณตั้งครรภ์แล้ว ต้องพักผ่อนให้มาก ๆ นะครับ ตอนนี้ไปนอนได้แล้วครับ พรุ่งนี้พวกเราค่อยคุยกันใหม่นะ” สือมูเฉินเอ่ย “พรุ่งนี้ผมค่อยส่งโปรแกรมเล็ก ๆ ให้คุณ พวกเราจะได้สามารถวิดีโอหากันนะครับ”
“ค่ะ!” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “มูเฉิน ฝันดีนะคะ”
สือมูเฉินส่งสติ๊กเกอร์รูปจูบไปให้หนึ่งรูป “คุณภรรยาฝันดีครับ”
เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ รู้สึกได้ทันใดนั้นเอง หัวใจก็ได้รับการเติมเต็มเป็นอย่างมาก แต่ทว่าในตอนที่กำลังจะเข้านอนนั้นเอง กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจู๋ ๆ โทรศัพท์มือถือก็ส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเป็นหยานชิงเจ๋อที่โทรเข้ามาอีกด้วย
อเมริกากับจีนนั้นมีความต่างกันเรื่องของช่วงเวลา นอกเสียงจากเรื่องด่วนเท่านั้น มิฉะนั้นแล้วหยานชิงเจ๋อจะไม่โทรศัพท์มาหาแน่ สือมูเฉินกดเลื่อนรับสาย ก่อนเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “ชิงเจ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
ทางสายฝั่งนั้น นั่งเงียบไปหลายวินาที ถึงจะมีเสียงของหยานชิงเจ๋อดังลอยเข้ามาว่า “พี่เฉินครับ——”
หยานชิงเจ๋อทำได้เพียงแค่ส่งเสียงเรียกนี้เท่านั้น สือมูเฉินก็ฟังดูแล้วว่าน้ำเสียงของเขาไม่ถูกต้อง แม้กระทั่ง ยังมีเสียงสะอื้นเล็กน้อยด้วย
หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะบีบตัวเข้าหากันในทันที “ชิงเจ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ในเมื่อ ในความทรงจำของเขา หยานชิงเจ๋อนั้นมันจะเป็นคนที่มีสติและสงบนิ่งอย่างเย็นชามาโดยตลอดคนนั้น
ที่สามารถทำให้หยานชิงเจ๋อเสียอาการได้ นั่นย่อมเป็นเรื่องใหญ่แน่!