“รู้แล้ว” สือมูเฉินหอมไปที่แก้มหลานเสี่ยวถาง “ถึงแม้พวกเราไม่ได้ฐานะเหมือนตระกูลเพอร์เซลล์ แต่ผ่านความพยายามของพวกเรา ทำให้ตัวเองกลายเป็นตระกูลบุกเบิก หรือก็คือพวกเราเกิดมาไม่ใช่ทายาทเศรษฐี แต่กลับสามารถทำให้ลูกเราเป็นทายาทเศรษฐีได้”
หลานเสี่ยวถางฟังหัวใจที่เต้นของสือมูเฉิน พยักหน้า “อืม พวกเราพยายามก็พอ! ต้องดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอน”
เกี่ยวกับเรื่องตั้งท้องก่อนหน้านี้ของหลานเสี่ยวถาง เรื่องโจวเหวินซิ่วให้ยาทำแท้งมาระยะยาวนั้น อันที่จริงเย่เหลียนอียังเก็บไว้ในใจมาตลอด
ดังนั้น หลังจากหลานเสี่ยวถางมาอยู่ที่ออเนอร์ ก่อนหน้านี้เธอติดต่อผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งที่จะมาฟลอริดาพอดี เลยให้หลานเสี่ยวถางไปตรวจอีกครั้ง
ช่วงกลางวัน หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินตามเย่เหลียนอีมาถึงโรงพยาบาลของออเนอร์ กำลังจะไปตรวจ
หลานเสี่ยวถางก็เห็นคนที่ไม่เจอกันมานานคนหนึ่ง
ตอนที่สือเพ่ยหลินเห็นหลานเสี่ยวถาง คนทั้งคนอึ้งนิ่งไป
หลายเดือนแล้วที่เขาไม่เจอเธอ ดังนั้นตอนนี้เจอเธอเหมือนอ้วนกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย สายตาอดสำรวจร่างของหลานเสี่ยวถางว่ามีตรงไหนเปลี่ยนไปอย่างห้ามไม่ได้
ในที่สุดเขาเห็นเธอสวมรองเท้าผ้าใบ ยังเป็นเสื้อผ้าที่ไม่เก็บเอว รูม่านตาหดลงทันที “เสี่ยวถาง คุณท้อง?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า เห็นรูปร่างสือเพ่ยหลินอ้วนกว่าปกติไป พูดว่า “คุณอ้วนขึ้นนะ!”
สือเพ่ยหลินได้สติทันที เดิมทีเขาอยากจะหลบไป ไม่อยากให้หลานเสี่ยวถางเห็นรูปร่างเขาตอนนี้ “ใช้ฮอร์โมนนิดหน่อย หลังรักษาเสร็จก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม น่าเกลียดมากใช่ไหม?”
“อ้อ”หลานเสี่ยวถางส่ายหน้า “ไม่หรอก เดิมคุณก็ไม่อ้วน ดูแบบนี้อันที่จริงกำลังพอดี”
“จริงเหรอ?” สือเพ่ยหลินตาเป็นประกาย เห็นสือมูเฉินเลี้ยวมาพอดี ดวงตาหม่นลง “คุณอาก็มาด้วย? ผมยังต้องรับการรักษา ขอเข้าไปก่อน”
เมื่อกี้เขาเหลือบมองสือมูเฉิน ก็นึกถึงข่าวในเน็ตที่โรงพยาบาลวันนั้น ถึงรู้ที่แท้สือมูเฉินก็คือJarvis ไม่แปลกที่เขาจะเข้าเทคโอเวอร์ซื้อหุ้นของTimes Groupได้อย่างง่ายดาย
และตอนนี้ เขาอ้วนขึ้น หน้าไม่คม แต่สือมูเฉินท่าทางกระปรี้กระเปร่า แก่กว่าเขาสามปีแท้ๆ ตอนนี้กลับดูเด็กกว่าเขาเสียอีก
สือเพ่ยหลินรู้สึกต่ำต้อย รีบเดินเข้าห้องบำบัดของตัวเองไป
“ดร.ฟิลลิป สถานการณ์ของลูกสาวฉันเคยแจ้งคุณก่อนหน้านี้แล้ว ช่วยตรวจเช็กให้เธอหน่อยว่ามีผลกระทบกับครรภ์หรือเปล่า?” เย่เหลียนอีพาหลานเสี่ยวถางมาถึงด้านหน้าดร.ฟิลลิป
“ได้ แต่หลังจากนี้สามวันถึงรู้ผล” ดร.ฟิลลิปหันไปพูดกับหลานเสี่ยวถาง“คุณผู้หญิง เชิญเข้าไปนอนลงที่ห้องปลอดเชื้อ พร้อมทำตัวให้ผ่อนคลาย พวกเราต้องการเจาะเลือดไปตรวจ”
เวลาเดียวกัน เขาพูดกับเย่เหลียนอีและสือมูเฉิน “ทั้งสองท่าน เชิญออกไปก่อน”
หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปนอนลง อุปกรณ์ด้านบนก็เริ่มฆ่าเชื้อให้เธอทันที และเริ่มตรวจเช็กตามรายการต่างๆ
ดร.ฟิลลิปควบคุมอุปกรณ์ แล้วหยิบเข็มมาหนึ่งด้าม เก็บตัวอย่างเลือดของหลานเสี่ยวถางมา 20 มิลลิลิตร
“เรียบร้อย” ดร.ฟิลลิปพูดกับผู้ช่วยฝึกหัดที่เขียนรายงานอยู่ข้างๆ “ผมเอาเลือดไปวิเคราะห์ คุณมาบันทึกข้อมูลทางกายภาพของคุณหลาน”
ผู้ช่วยที่สวมแมสบอกว่า “โอเค”แล้วเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์
เห็นดร.ฟิลลิปเดินไป ผู้ช่วยถอดแมสออกช้าๆ มาถึงหน้าหลานเสี่ยวถาง
“คุณ——” หลานเสี่ยวถางเห็นว่าเป็นโอหยางจวิ้น อดช็อกไม่ได้ “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ผมเคยเป็นแพทย์ทหารในกองทหารมาหนึ่งปี”โอหยางจวิ้นยกมุมปาก “พบกันในวันนี้ทำให้ผมรู้ ที่แท้เรื่องที่เคยทำมาทั้งหมด ก็ไม่ได้เสียเปล่า แต่เป็นการปูมาเพื่ออนาคต!”
“คุณหมายความว่ายังไง?” หลานเสี่ยวถางเตรียมรับมือ “แม่ฉันและสามีก็อยู่ข้างนอก!”
“แต่คุณอยู่ในมือของผม”โอหยางจวิ้นยิ้มออกมา “คุณติดค้างผมมา25ปีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาคืนผมแล้ว!”
พูดอยู่ เขาปิดปากหลานเสี่ยวถาง พูดข้างหูเธอ “ให้ความร่วมมือกับผม ตามผมไป”
หลานเสี่ยวถางส่งเสียงอู้อี้ ถลึงตามองโอหยางจวิ้น
“เรื่องวันนั้นแพร่ไปทั่วแล้ว ผมถูกเพื่อนรอบข้างหัวเราะอยู่หลายครั้ง” โอหยางจวิ้นพูด “พวกเขาไม่เชื่อว่าผมแย่งคุณกลับมาได้ ดังนั้น…”
พูดอยู่ สายตาเขามองไปที่ท้องน้อยของหลานเสี่ยวถาง“คุณท้องอยู่ ถ้าหากดิ้นรน ไม่เป็นผลดีกับลูกคุณ”
หลานเสี่ยวถางตกใจ ทำได้แค่หยุดดิ้น
สายตาเธอมองไปรอบๆ อยากหาของอะไรที่สามารถหยุดโอหยางจวิ้นได้
หรือว่าอะไรที่สามารถบอกสือมูเฉินได้
แต่โอหยางจวิ้นน่าจะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว เป็นไปได้ยังไงที่จะทิ้งของไว้ให้หลานเสี่ยวถางใช้ประโยชน์กัน?
เพราะฉะนั้น จนถึงเขาพาเธอออกไปทางอีกห้องหนึ่ง เย่เหลียนอีและสือมูเฉินไม่มีทางรู้
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สือมูเฉินไปห้องน้ำ เจอเข้ากับดร.ฟิลลิปพอดี
เขาค่อนข้างร้อนใจ อดถามไม่ได้ “ดร.ฟิลลิป ภรรยาผมตรวจเช็ดเป็นยังไงบ้าง?”
“หา เธอยังไม่ออกมาเหรอ?”ฟิลลิปพูดอย่างสงสัย “ตรวจเสร็จไปแล้ว ผมบอกให้ผู้ช่วยบันทึกข้อมูลทางกายภาพก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว…”
สือมูเฉินได้ยินคำพูดเขา หน้าเปลี่ยนสีทันที รีบวิ่งไปทางห้องตรวจหลานเสี่ยวถางเมื่อครู่
หน้าประตู เย่เหลียนอีกำลังคุยโทรศัพท์ เห็นสือมูเฉินสีหน้าผิดปกติ ก็เดินตามเข้าไปในห้อง
แต่ห้องตรวจสะอาดเรียบร้อย ไม่เพียงแค่ไม่มีหลานเสี่ยวถาง ผู้ช่วยที่สวมแมสเมื่อกี้ก็หายไปด้วย!
ตอนนี้ หลานเสี่ยวถางนั่งอยู่บนรถของโอหยางจวิ้นแล้ว ใกล้เข้าถิ่นของตระกูลเพอร์เซลล์แล้ว
โอหยางจวิ้นข้างๆ รู้สึกทำสำเร็จแล้ว เขาขับรถไปพลาง ฮัมเพลงไปพลาง ใบหน้าแสดงถึงผู้ชนะ
“โอหยางจวิ้น” หลานเสี่ยวถางเปิดปากพูด “เริ่มแรกคุณช่วยฉันที่สนามบินหนิงเฉิง ฉันรู้สึกซาบซึ้งมาก แต่ตอนนี้ คุณลักพาตัวผู้หญิงแบบนี้ ไม่รู้สึกว่าไม่สมควรบ้างเหรอ?!”
“คุณหลาน ตั้งแต่เล็กคุณไม่ได้เติบโตในครอบครัว คงไม่รู้เกียรติและศักดิ์ศรีสำหรับเราแล้ว สำคัญมากแค่ไหน
” โอหยางจวิ้นพูด “ก่อนจะแก้ปัญหาได้ ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณกลับไป”
“แก้ปัญหา?” หลานเสี่ยวถางมองเขา “พวกคุณคิดจะแก้ปัญหายังไง?”
“ง่ายมากที่จะแก้ปัญหา” โอหยางจวิ้นหน้าเข้ม ใบหน้าจริงจังถึงขนาดมีความทระนงของทหาร “คุณเปลี่ยนมาแต่งกับผม!”
“เป็นไปไม่ได้!” หลานเสี่ยวถางโกรธจริงๆ “ไม่พูดถึงเรื่องที่ฉันแต่งงานแถมมีลูกแล้ว พูดแค่ระหว่างฉันกับคุณไม่มีความรู้สึกใดๆ คุณไม่รู้สึกการหมั้นหมายเป็นเรื่องไร้สาระเหรอ? คุณยังหนุ่ม ฉันแก่กว่าคุณสองปี ยังมีลูก แต่งงานกับคุณมันเอาเปรียบคุณเหรอ?”
“ไม่ๆ คุณไม่รู้ การร่วมมือทั้งสองตระกูลหมายถึงอะไร!”โอหยางจวิ้นมองไปข้างหน้า ใบหน้ามีความทะเยอทะยาน “ตอนแรกผมเสียดายมาก ทำไมหลานจื่อเฉินถึงเป็นผู้ชาย ไม่งั้นตั้งแต่รุ่นผม ก็สามารถหมั้นหมายกับออเนอร์แล้ว! ”
เวลานี้ เข้าเขตแดนของตระกูลเพอร์เซลล์แล้ว ทางเข้าถนนส่วนบุคคล ชายหนุ่มที่อยู่ตรงด่านเห็นเป็นรถของนายน้อย วันทยหัตถ์อย่างพร้อมเพรียง
“ผมรู้สึกนับถือปู่ทวดมาโดยตลอด ท่านสร้างธุรกิจใหม่ขึ้น ทำให้ตระกูลเพอร์เซลล์มีฐานะอย่างทุกวันนี้!” โอหยางจวิ้นมีความรู้สึกคลั่ง “ถ้าหากรุ่นของผม ทั้งสองตระกูลได้หมั้นหมายกัน ความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นนั้น ถึงจะทำให้โลกได้ตกตะลึง!”
“ตระกูลเพอร์เซลล์ยิ่งใหญ่มากอยู่แล้ว หรือว่าการเงินและสถานะตอนนี้ยังไม่พอเหรอ?” หลานเสี่ยวถางไม่เข้าใจจริงๆ
“ถูกต้อง ยังห่างคำว่าพออีกไกล”โอหยางจวิ้นหันมองเธอ “ผมเกิดในสมัยที่สงบ แต่หนังสือตั้งแต่เด็กกลับเป็นทำยังไงถึงจะสร้างยุคสมัยใหม่ ในเมื่อด้านทหารทำไม่ได้ งั้นด้านธุรกิจ ผมจะสร้างธุรกิจของตัวเอง! การปรากฏตัวของคุณ เป็นโอกาสหนึ่ง!”
หลานเสี่ยวถางตกใจ คิดจะโน้มน้าวเขา “เอาแบบนี้ ลูกหลานมองกลับมา จะไม่เยาะเย้ยเหรอ ความสำเร็จทุกอย่างของคุณ มาจากผู้หญิง?”
“ประวัติศาสตร์ทั้งหมด เป็นของที่ผู้สำเร็จทิ้งให้คนรุ่นหลัง เหมือนสื่อ ที่คนมีอำนาจใช้เป็นเครื่องมือแสดงความคิดเห็นของประชาชน”โอหยางจวิ้นพูดจริงจัง “เพราะฉะนั้น ขอแค่ประสบผลสำเร็จ ดำเนินการและวิธีไม่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น ผมแต่งกับคุณ แค่สร้างจังหวะเวลาและโอกาส ฝีมือของผมเองถึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้สำเร็จ!”
“เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่ปล่อยฉันไป?”หลานเสี่ยวถางถาม
“ถูกต้อง”โอหยางจวิ้นมองเธอครู่หนึ่ง พูดอย่างใจกว้าง “พวกคุณแยกกันอยู่สองปี ตามกฎหมายประเทศของคุณ ถือว่าเป็นการหย่ากันอัตโนมัติแล้ว นี่เป็นผลที่ผมค้นคว้าเมื่อคืน ดังนั้นตัดสินใจลงมือวันนี้ด้วยตัวเอง”
“พวกเขาจะมาช่วยฉันแน่!” หลานเสี่ยวถางไม่อยากจะคุยกับคนที่คุยไม่รู้เรื่องแบบนี้ต่อไป
เช่นกัน โอหยางจวิ้นก็ไม่ได้สนใจคำพูดเธอ และยังคงพูดต่อ “คุณแต่งงานกับผม สองตระกูลสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน เช่นกันก่อนหน้านี้Jarvisให้คุณได้ ผมก็ให้คุณได้เหมือนกัน”
“ไม่ เขาให้ฉันได้ คุณให้ไม่ได้”หลานเสี่ยวถางพูดอย่างเย็นชา
“อะไรที่ให้ไม่ได้?” โอหยางจวิ้นแสดงความสงสัย
“ความรัก”หลานเสี่ยวถางพูด “ความรู้สึกของฉันกับเขา คุณแทนที่ไม่ได้”
“รัก?” โอหยางจวิ้นหรี่ตา คิดอะไรได้ เขาพูดสัญญา “ผมจะกำหนดตารางเวลามาหนึ่งใบ หนึ่งอาทิตย์จะใช้เวลาเวลาวันครึ่งเป็นเพื่อนคุณโดยเฉพาะ และผมรับประกันได้ ผมไม่มีผู้หญิงข้างนอก จงรักภักดีกับคุณคนเดียว ผมจะให้บัตรเสริมของผมกับคุณ คุณใช้ได้ไม่จำกัด ถ้าหากคุณยังต้องการอะไรอีก ก็คุยกับผมได้ตลอดเวลา”
หลานเสี่ยวถางมองเขา อย่างไม่อยากจะเชื่อ “โอหยางจวิ้น ฉันรู้สึกว่าคุณเหมือนโปรแกรมหนึ่งที่ฉันใช้คีย์บอร์ดเขียนขึ้น เหมือนหุ่นยนต์”
“หุ่นยนต์?” โอหยางจวิ้นยิ้ม คิ้วสวยคลายตัวลง “ผมชอบชื่อเรียกนี้มาก”
หลานเสี่ยวถางหันหน้าหนี สำหรับคนหัวโบราณแบบนี้ เธอขี้เกียจจะพูดแล้ว
รอไปถึงตระกูลเพอร์เซลล์ เธอค่อยคิดวิธีหนี หรือรอสือมูเฉินและเย่เหลียนอีมาช่วยเธอ!