บทที่ 303 ระบบร้านค้าเป็นร้านค้าเกษตร

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 303 ระบบร้านค้าเป็นร้านค้าเกษตร

บทที่ 303 ระบบร้านค้าเป็นร้านค้าเกษตร

ฉืออี้หย่วนวางแผนแล้วว่าจะไปไหนกับเสี่ยวเถียนบ้าง และจะพาไปกินของอร่อย ๆ ที่ไหนบ้างตอนไปถึงเมืองหลวง

ฉือเก๋อประหลาดใจที่หลานชายใจกว้างแบบนี้

“หลานคิดแบบนี้จริง ๆ หรือ?” ฉือเก๋อถาม

“ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ ครับ เสี่ยวซื่อเป็นคนพาเสี่ยวเถียนไปเมืองคนเดียว ถึงคนบ้านซูจะวางใจแล้ว แต่ผมไม่วางใจ!”

ในที่สุดคุณปู่ฉือก็เข้าใจความหมายของหลานชายแล้ว

ไอ้เด็กคนนี้ชอบเสี่ยวเถียนจริง ๆ

“ไม่วางใจก็ดีแล้ว ตลอดเส้นทางนี้จะยกเสี่ยวเถียนให้หลานดูแลเอง!”

ฉือเก๋อหัวเราะและเดินออกไป

เสี่ยวซื่อสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองหลวง ส่วนเสี่ยวอู่สมัครเข้ามหาวิทยาลัยป้องกันประเทศ

ในไม่ช้า ผลคะแนนก็ออกมาตามเป้าที่คาดไว้ ผลคะแนนของเด็กทั้งสองอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก

และทั้งสองก็ได้จดหมายแจ้งรับเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของตัวเอง

เหมือนกับสามพี่น้องโส่วเวินในตอนนั้น ครูใหญ่กัวเป็นฝ่ายส่งหนังสือแจ้งรับการเข้าเรียนของพวกเขาสองคนด้วยตัวเอง

ครูใหญ่กัวถือหนังสือตอบรับไว้สองฉบับ สงสัยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้

อันที่จริงเขาเสียใจมาก ถ้าเสี่ยวอู่ไม่สอบเข้าโรงเรียนทหาร โรงเรียนของเราคงจะผลิตเด็กที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้สองคนในคราวเดียว

น่าเสียดายจริง ๆ!

“ครูใหญ่กัว ทำไมถึงมาด้วยตัวเองล่ะครับ?”

เหล่าซานที่เพิ่งกลับมาจากเดินทางก็อยู่บ้านพอดี พอเห็นครูใหญ่ก็ตกใจมาก

“ไม่ได้หรอก ต้องเอามาส่งด้วยตัวเองสิ”

ครูใหญ่กัวกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เด็กดีทั้งสอง ได้ที่หนึ่งที่สองตามลำดับเลย”

ไม่รู้ว่าสมองของเด็กบ้านซูโตอย่างไร แต่ละคนได้คะแนนดีกันทั้งนั้น

บางครั้งครูใหญ่ก็ยังสงสัยว่าเด็กบ้านซูคะแนนดีขนาดนี้ แล้วเด็กคนอื่นคะแนนดีหรือเปล่า?

คนบ้านซูไม่รู้ความคิดครูใหญ่

“ครูใหญ่กัวมาตอนที่ผมอยู่พอดีเลย คุณอุตส่าห์มาทั้งทีอยู่กินข้าวเย็นสักมื้อนะครับ” ในฐานะที่เป็นพ่อของเสี่ยวอู่ เหล่าซานมีความสุขมาก

จะมีอะไรน่าพึงพอใจไปกว่าการมีลูกชายที่มีประโชยน์ล่ะ?

ครูใหญ่กัวปฏิเสธอย่างแน่วแน่ และบอกว่ามีเรื่องอื่นต้องทำ แต่เหล่าซานและฉือเก๋อรั้งเอาไว้

“ครูใหญ่กัวไม่ต้องเกรงใจ มีหลายเรื่องที่คุณไม่ได้พูด แต่ผมรู้นะ เพื่อปกป้องเด็กพวกนั้น คุณต้องโดนกดดันไม่น้อยเลย”

เพราะน้องเขยย้ายไปแล้ว คนที่คอยสนับสนุนรายใหญ่ของบ้านซูจึงไม่มีอยู่อีก เขาสัมผัสได้

ด้วยเหตุนี้เลยไปสอบถามสถานการณ์ของเด็ก ๆ ที่โรงเรียน ก่อนจะรู้ว่าครูใหญ่กัวคอยปกป้องพวกเขาเอาไว้

เขาอยากจะขอบคุณครูใหญ่กัวอย่างจริงจังมาตลอด

แต่ไม่เจอโอกาสที่เหมาะสมเลย

“มันคือสิ่งที่ผมควรทำในฐานะครูใหญ่ การไม่ปกป้องนักเรียนนี่คือสิ่งที่ไร้เหตุผลที่สุด!” ครูใหญ่กัวดูลำบากใจ

ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดอยากทิ้งเด็กพวกนี้แต่แรกหรอกนะ

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าเด็กพวกนี้ไม่โดดเด่น เขาคงเลิกปกป้องไปตั้งนานแล้ว

สรุปแล้วคือ เด็กพวกนี้เป็นเด็กที่โดดเด่น

และเขาเป็นคนที่ได้รับประโยชน์

พอผลคะแนนออกมาในคราวนี้ พวกผู้นำของเมืองก็ตัดสินให้เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการศึกษาและเป็นครูใหญ่ด้วย เนื่องจากผลคะแนนของเด็กโรงเรียนเราดีมาก

จู่ ๆ เรื่องที่มีความสุขก็เกิดอย่างกะทันหัน ครูใหญ่กัวรู้สึกว่าการที่ผลการเรียนของโรงเรียนเราดีแบบนี้มันเกี่ยวข้องกับเด็กบ้านซูทั้งนั้น

และถ้าไม่มีพวกเขาที่บังคับตัวเองเพื่อเอาชนะเด็กเรียนไม่เก่ง ถ้าไม่ใช่พวกเขาที่ตั้งใจเรียนหนังสือ ก็คงไม่ได้คะแนนดีขนาดนี้

และถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่คิดปิดบังความสามารถและตั้งใจสอนเด็กคนอื่น ๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่โรงเรียนเราจะได้อันดับหนึ่งเหมือนอย่างตอนนี้

ตอนที่ครูใหญ่มาบ้าน เสี่ยวเถียนไม่อยู่ที่นั่น

เธอออกตามหาสมบัติทั่วเมือง

อยู่อำเภอมาหลายปี เสี่ยวเถียนไม่มีอะไรทำเลยจึงออกไปเดินดูรอบ ๆ

หลายปีมานี้ได้ค้นหาหลายสิ่งหลายอย่างเลย และตอนนี้มันอยู่ที่ห้องเก็บของชั่วคราวที่บ้านซูสร้าง

ในโกดังขนาดใหญ่กว่ายี่สิบตารางเมตร ข้าวของกระจัดกระจาย และทุกครั้งที่คุณย่าซูเห็นเธอสะเทือนใจนัก

เพราะจนถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสบ้านเธอยังมองไม่ออกว่าของที่เสี่ยวเถียนเอามามีประโยชน์อย่างไร

หินก้อนใหญ่ที่สุดใช้ในการกดผักดอง

ส่วนที่เหลือก็ปล่อยไว้อย่างนั้น!

แต่ห้องเก็บของขนาดใหญ่อันว่างเปล่าทั้งยังไม่ได้อยู่ที่ชนบทด้วย จึงมีของหลายอย่างที่อยากใส่เข้าไป

ตอนที่เสี่ยวเถียนเอามาในวันนี้เป็นลูกกลมสีดำ ใหญ่กว่าหัวผู้ใหญ่ และเสี่ยวเถียนไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“เสี่ยวเถียน ออกไปเก็บขยะมาอีกแล้วหรือ?” เสี่ยวปาหยอกล้อ

ถึงพี่แปดจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยื่นมืออกไปช่วยถือ

เสี่ยวเถียนมองอย่างอวดดี “พี่ไม่เข้าใจน่ะสิ อันนี้มันคือของดีเลยนะ มีค่ามากในอนาคตแน่นอน”

เสี่ยวปาหัวเราะลั่น “ทุกครั้งที่เธอออกไปข้างนอกและกลับมา เธอจะชอบเอาขยะชิ้นเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมาเสมอเลย แถมยังมีประโยชน์ด้วย”

แม้เหมือนเสี่ยวปากำลังจะบอกว่า คนส่วนใหญ่เห็นของพวกนั้นเป็นสิ่งไร้ประโยชน์

แต่คนบ้านซูคุ้นเคยกับมันแล้ว แค่เสี่ยวเถียนเอามาก็จะรักษาไว้อย่างดี

หลังจากที่สองพี่น้องเอาของไปเก็บ เสี่ยวเถียนก็เอ่ยถาม “พี่กับพี่สี่ไปโรงเรียนไหม? ได้จดหมายตอบรับหรือยังคะ?”

เสี่ยวปาประหลาดใจ “รู้ได้ยังไงว่าจดหมายมาแล้วน่ะ?”

มาจริงหรือ?

ดีเลย

เพราะไม่นานมานี้ จู่ ๆ แอนนาก็ผลักดันให้เธอทำภารกิจ และภารกิจของระบบก็เสร็จสิ้นไปชั่วขณะ

แต่ก่อนมันจะจบ มันมีความคืบหน้าเล็กน้อยที่ทำให้เธอประหลาดใจมาก

เพราะความคืบหน้านี้เลยทำให้แต้มในระบบมีมากกว่าหนึ่งหมื่นคะแนน

ระบบร้านค้าเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ

เสี่ยวเถียนได้ยินเสียงแจ้งเตือน เธอตื่นเต้นจนแทบจะบีบลูกกลมในมือให้แหลก

จะไม่ให้ตื่นเต้นได้อย่างไร ระบบร้านค้ามีมานานมากแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้าเลย ซึ่งมีแค่แต้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

เพราะจู่ ๆ มันก็เตือนขึ้นมา น่าประหลาดใจจิง ๆ!

เสี่ยวเถียนซ่อนตัวอยู่มุมห้อง และตรวจสอบระบบร้านค้าตรงนั้น

เธอห้ามใจไม่ไหว จู่ ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา

การเปิดตัวของระบบร้านค้าทำให้เธอมีความหวังที่จะสร้างรายได้มหาศาล

เพราะแต้มจากระบบร้านค้าสามารถแลกสินค้าในปัจจุบันได้หนึ่งต่อหนึ่ง

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ตอนนี้เสี่ยวเถียนเป็นเศรษฐีแล้ว

ในยุคนี้ที่ยังไม่มีเรื่องล้านครัวเรือนจะมีเงินเป็นหมื่น เพราะการที่แต่ครัวเรือนจะมีรายได้หมื่นหยวนเป็นเรื่องสั่นสะเทือนโลก

ระบบแอนนาเรียกเธอและแสดงความยินดีที่เปิดใช้งานระบบร้านค้าได้สำเร็จ!

เสี่ยวเถียนถอนหายใจ และคุยกับแอนนาอย่างมีความสุขชั่วขณะหนึ่ง

เพราะในระบบสินค้าสาสมารถซื้อสินค้าขาดตลาดได้ หากเอามาขายต่อ คาดว่าจะทำเงินได้มากมาย

พอถึงเวลานั้น เหนือสิ่งอื่นใดคือ มันเป็นทุนเริ่มต้นสำหรับทำธุรกิจได้

เมื่อคิดถึงการเป็นคนรวย เสี่ยวเถียนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

เสี่ยวเถียนตรงกลับบ้านด้วยความร่าเริง ใบหน้าที่ตื่นเต้นแดงแจ๋

“หนูว่าใกล้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว!” เสี่ยวเถียนพูดเปรย ๆ

เสี่ยวปาไม่ใช่คนคิดถี่ถ้วนเท่าไร พอได้ยินน้องสาวพูดก็เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ

“ใช่ พวกพี่มีผลการเรียนดีนะ หนังสือตอบรับก็เลยมาไว” เสี่ยวปาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “แต่พวกพี่ไม่ได้ไปรับเองหรอก ครูใหญ่เอามาให้!”

เสี่ยวเถียนยิ้ม “ครูใหญ่ยังอยู่บ้านเราไหม?”

เสี่ยวปาพยักหน้า “อยู่ พ่อเพิ่งกลับมาพอดี เลยชวนครูใหญ่อยู่กินข้าวเย็นด้วยนะ!”

ตอนนั้นเองที่คุณย่าซูออกมาและบังเอิญเห็นใบหน้าแดงก่ำของเสี่ยวเถียนพอดี

เธอสงสัยว่าหลานป่วยหรือเปล่า จึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก

“ไม่มีไข้ด้วยซ้ำ ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ?” หญิงชราสงสัย

เสี่ยวเถียนสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ตกน้ำ แต่เพราะบำรุงมาตลอดมันก็เลยดีขึ้นมาเรื่อย ๆ

แล้วทำไมวันนี้จู่ ๆ ก็หน้าแดงล่ะ?

“เพราะหนูตากแดดมาสักพักแล้วค่ะ!” เสี่ยวเถียนจับหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตอบ

คุณย่าซูรีบเอ่ย “เดี๋ยวก็เป็นลมแดดหรอก เที่ยงแล้วอย่าออกไปวิ่งที่ไหนอีกล่ะ”

หลานสาวตัวขาวจั๊วะ จะปล่อยให้ผิวคล้ำเหมือนพวกเด็กดื้อไม่ได้

“รีบไปล้างหน้าล้างตาแล้วเข้าบ้านไป เด็กคนนี้นี่ อยู่ดีไม่ว่าดีออกไปทำอะไรข้างนอกนู่น?”

หญิงชราพึมพำ และดันเสี่ยวเถียนเข้าห้องไป

เสี่ยวเถียนทำตามที่ย่าบอก แล้วเข้าห้องตัวเองไป

ตอนนั้นเธอจดจ่ออยู่กับรายการสินค้าในร้านค้า

มีรายการสินค้าไม่เยอะ มีแค่สี่แถว แถวละหกรายการเท่านั้น

สินค้าหกรายการนี้เป็นสินค้าเกษตรขั้นพื้นฐานที่สุด

เสี่ยวเถียนรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อมาก ทำไมมีแต่สินค้าทางการเกษตรในระบบเยอะจัง?

นอกจากนี้ยังมีของที่อยู่บนเขาและของในแม่น้ำด้วย!

แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยพอใจกับของพวกนี้ แต่เสี่ยวเถียนก็ยอมรับอย่างมีความสุขด้วยหลักการที่ว่า แมลงไม่รังเกียจของมัน

แค่ระบบร้านค้าเป็นร้านค้าสำหรับสินค้าทางการเกษตรก็พอแล้ว

สิ่งเดียวที่เธอเสียใจคือ ระบบร้านค้ามันเปิดช้าเกินไป ถ้าเร็วกว่านั้นเธอคงไม่ต้องเรียนหนักเพื่อแลกตั๋วหรอก