บทที่ 431 ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 431 ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

บทที่ 431 ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว

หลังจากข้อความถูกปล่อยออกไป นั่นก็ทำให้คนอื่น ๆ พากันให้ความสนใจ บรรยากาศภายในทวีปคล้ายจะไม่สงบอีกต่อไป ต้องเข้าใจว่าพรรคหยูหลินยอมที่จะทิ้งพรรคของตัวเองที่อยู่มานานหลายปีจากไป อีกทั้งตอนจากไปยังเลือกผู้อารักขาแค่คนเดียว ถ้าแบบนี้แล้วผู้ชนะคนนั้นจะต้องไม่กระจอกอย่างแน่นอน

การที่พรรคหยูหลินเคลื่อนไหวแบบนี้ ก็มีหลายคนที่พากันคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ บางก็คิดว่าพรรคหยูหลินไม่ใช่ว่าไม่อยากหนี แต่ไม่กล้าหนีต่างหาก ซึ่งถ้าเป็นอย่างงั้นจริง ๆ ล่ะก็ งั้นเป็นไปได้ไหมว่าหินที่คล้ายกับไพ่นั่น เป็นของยอดฝีมือไร้นามผู้หนึ่งจริง ๆ ทว่านี้เป็นเพียงหนึ่งในการคาดเดาเท่านั้น

เมื่อเป็นแบบนี้เลยทำให้คนที่ปิดล้อมพรรคหยูหลินเหล่านั้น ต่างก็ครุ่นคิดถกเถียงกันอย่างหนัก ตอนนี้พวกเขามีกันอยู่สองความเห็น หนึ่งเลยก็คืออยากจะรีบบุกทำลายพรรคยูหลินในเร็ววัน ส่วนอีกหนึ่งก็คืออยากให้รีบถอยกลับไปในทันที!

ถ้าหากโจมตีพรรคหยูหลินแล้วเกิดข่าวลือพวกนั้นเป็นจริงขึ้นมาละ ? หรือถ้าถอยแล้วจะเป็นยังไง ศักดิ์ศรีของพรรคจะเอาไว้ที่ไหน ? คงได้ถูกคนอื่นหัวเราะเอาแน่ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงเหลือเพียงทางเดียว และนั่นก็คือต้องเข้าร่วมงานประลองในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน!

หลังจากข่าวการประลองถูกปล่อยออกไป กลุ่มอำนาจต่าง ๆ ก็ส่งคนมาเข้าร่วม หนึ่งเพื่ออวดเบ่งอำนาจของตัวเอง สองเพราะสนใจไพ่หินนั่นของพรรคหยูหลิน

ฉู่เหินเพิ่งมาที่นี่ไม่นาน แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าหลังภูเขาหยูหลินมีของบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวเองอยู่ หลังจากหารือกับเซี่ยวเฟิงสักพัก เซี่ยวเฟิงก็ยินยอมให้ชายหนุ่มตามไปสำรวจด้านหลังภูเขา ซึ่งฉู่เหินก็ได้รับการกำชับว่าห้ามเข้าใกล้ไพ่หินนั่นเด็ดขาด ทั้งนี้ก็เพราะไพ่หินนั่นสามารถดูดวิญญาณได้

ตามที่เซี่ยวเฟิงเล่า เดิมทีหลังจากที่ของชิ้นนั้นมาอยู่ที่นี่ ในช่วงแรก ๆ นั้นมันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่ง เซี่ยวเฟิงและคนในพรรคก็สัมผัสได้ว่าไพ่หินนั่นสามารถทำให้พวกเขาฝึกพลังวรยุทธ์ได้เร็วยิ่งขึ้น! ดังนั้นศิษย์ในพรรคหยูหลินจึงได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ก่อนจะพากันมาฝึกฝนพลังวรยุทธ์อยู่หน้าไพ่หินนี้

แต่หลังจากพวกเขาฝึกพลังวรยุทธ์อยู่นั้น พวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าวิญญาณส่วนหนึ่งในร่างคล้ายจะหายไป เมื่อเป็นแบบนี้แล้วเลยไม่มีใครกล้าทำต่อ พวกเขาพากันหลบหนีออกมา! ด้วยความจนปัญญา เซี่ยวเฟิงเลยสั่งให้ปิดตายที่นั้นซะ และก็เพราะเหตุนี้เอง ที่นั่นเลยกลายเป็นเขตต้องห้ามของพรรคไปแล้ว!

หลังจากฉู่เหินมาถึงที่นี่ เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงลมปราณที่มีความเชื่อมโยงถึงกันที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เดินไปทิศทางที่ว่านั่น ผลลัพธ์จากการที่เข้ามาไม่นานคือมีค่ายกลอันหนึ่งขวางทางเดินเขาอยู่ ฉู่เหินรู้ว่าค่ายกลนี้มีไว้เพื่อป้องกันไพ่หินนั่น เนื่องจากเซี่ยวเฟิงได้บอกกับเขาไว้ก่อนแล้ว!

ตอนนี้สิ่งที่ดึงดูดเขาอยู่ก็คือไพ่หินนั้น แต่ที่ทำให้ฉู่เหินไม่เข้าใจก็คือทำไมเขากับหินก้อนนั้นถึงเกี่ยวข้องกันได้! ค่ายกลตรงหน้านี้แม้ว่าสำหรับใครบางคนแล้วจะยากรับมือได้ แต่นั่นไม่ใช่สำหรับฉู่เหิน! หลังจากวิเคราะห์ไม่นานเขาก็สามารถเข้ามาภายในค่ายกลแล้ว

ทันทีที่ฉู่เหินเข้ามา ไพ่หินนั้นก็เริ่มเปล่งแสงขึ้นมาทันที แม้แต่คนที่อยู่ด้านนอกยังมองเห็นว่าศูนย์กลางของพรรคหยูหลินนั้นมีแสงอะไรปรากฏออกมา! หลังจากคนด้านนอกเห็นฉากนี้ในใจก็คิดไปต่าง ๆ นา ๆ

ครั้งนี้พวกเขาเชื่อแล้วว่ามียอดฝีมือระดับอาวุโสฝึกฝนพลังอยู่ที่นี่จริง ๆ เพราะคงมีแต่ยอดฝีมือระดับนี้เท่านี้ที่จะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้

แล้วถ้าพวกเขาได้ไปอารักขาข้างกายยอดฝีมืออาวุโสล่ะ แบบนี้ขอเพียงแค่ให้คนผู้นั้นฝึกสำเร็จ คนคนนั้นจะต้องไม่ละเลยและให้ของรางวัลกับพวกเขาอย่างแน่นอน! ดันนั้นในตอนนี้ สำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าจะลงประลองดีไหม พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนใจเข้าร่วมแล้ว! แต่เงื่อนไขของการประลองยังไม่ออกมา ดังนั้นแล้วใครบ้างที่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมงานในครั้งนี้จึงยังไม่อาจทราบได้

ฉู่เหินนั้นไม่รู้สิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกเลยสักนิด เพราะตอนนี้เขาได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังอยู่ในหัว เป็นเสียงเรียกที่มีความเฉพาะและทำให้เขาไม่อาจต้านทานได้ ชายหนุ่มทำได้แต่พุ่งไปหาต้นตอของเสียง หลังจากที่เขาเดินเข้ามาข้างในลึกขึ้น จู่ ๆ หัวใจของฉู่เหินก็พลันเต้นรั่วอย่างควบคุมไม่อยู่!

ไม่รู้ว่าเดินมาลึกเท่าไร แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มได้มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าไพ่หินนั่นแล้ว เขาได้แต่มองมันด้วยความตกตะลึง เมื่อเงยหน้ามองแล้วเห็นว่าก้อนหินนั้นมีลักษณะเหมือนไพ่ ทว่าที่น่าตกใจก็คือภาพของคนที่อยู่ในนั้นกลับเป็นหน้าของตัวเขาเอง

อีกทั้งพอฉู่เหินมาถึงที่นี่ เขากลับมีความรู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน มันเป็นการเฝ้ารอให้สิ่งของตรงหน้ากับตัวเขาจะกลายเป็นหนึ่งเดียวกันภายในวันใดวันหนึ่ง! อีกทั้งตอนนี้ฉู่เหินยังรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขารู้สึกเบาสบายมาก ทั้งยังมีความรู้สึกว่าสามารถท่องไปที่ไหนก็ได้ในจักรวาลใบนี้ได้อย่างอิสระ!

ระหว่างกำลังสับสนอยู่นั้น เขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองก้าวเดินมาข้างหน้าตอนไหน ตอนนี้ชายหนุ่มอ้าแขนออก เขากำลังจะหลอมรวมกับไพ่หินที่หน้าเหมือนตัวเองนั่นแล้ว!

ทันทีที่ฉู่เหินรู้สึกว่าว่าเขากับไพ่หินรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเบามาก ๆ! มันเบาเสียจนอยากจะร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจเลยด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกนี้กลับเกิดขึ้นไม่นาน เพราะในท้ายที่สุดแล้วสติของเขาก็กลับคืนมา! ชายหนุ่มสัมผัสได้ ตอนนี้ระหว่างเขากับไพ่หินนั้นหลอมรวมกันแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ยังไม่ใช่หนึ่งเดียวกันทั้งหมด

วันนี้เขาหลอมรวมกับไพ่หินได้ไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ หากชายหนุ่มอยากจะหลอมรวมกับไพ่หินนี้ได้ทั้งหมด เขาจะต้องมีพลังวรยุทธ์ที่มากกว่านี้ เพื่อที่ร่างกายจะสามารถรองรับพลังของหินตรงหน้านี้ได้ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ฉู่เหินก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่ภายในก้อนหินนั้นก็คือสามจิตวิญญาณของเขานั่นเอง!

แม้ว่าฉู่เหินจะไม่รู้ถึงแก่นแท้ข้างใน แต่เขาก็รู้ได้เองว่าพลังที่อยู่ภายในนั้นมีความเกี่ยวข้องกับตัวเองอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่เขารู้สึกเสียดายก็คือร่างกายของตนนั้นยังไม่อาจรับไหว เพราะถ้ายังรับพลังที่ว่านั่นต่อไปละก็ น่ากลัวว่าร่างกายของเขาต้องระเบิดเพราะรับไม่ไหวแน่

เนื่องจากตอนนี้ร่างนี้ไม่ใช่ร่างที่แท้จริง เพราะถ้าเป็นร่างกายของเขาจริง ๆ ล่ะก็สามารถหลอมรวมกับพลังเหล่านี้ได้ไม่มีปัญญาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นในตอนนี้ชายหนุ่มจึงควรที่จะหาทางเพิ่มความแข็งแกร่งและพลังวรยุทธ์ให้แก่ร่างที่ตนอยู่ในตอนนี้ ทว่าการที่จะเพิ่มพลังวรยุทธ์ตัวเองในเวลาสั้น ๆ แบบนี้นั้น ดูคล้ายจะเป็นไปไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่

ดังนั้นฉู่หินจึงเลือกที่จะฝึกฝนให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้น เพียงแค่ร่างกายแข็งแรงจนถึงจุดหนึ่ง เขาก็จะสามารถหลอมรวมพลังที่อยู่ภายในนั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้! แม้ว่าการหลอมรวมพลังแบบนี้จะไม่ได้ทำให้พลังวรยุทธ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปเท่าไร แต่พลังแห่งการเรียนรู้ในส่วนของหมิงอู่หรือหลักการของสวรรค์นั้นจะต่างแตกไปอย่างสิ้นเชิงแน่นอน!

หากให้เวลาเขาสักหน่อย อีกไม่นานพลังวรยุทธ์ของเขาจะก้าวหน้าอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นชายหนุ่มก็จะสามารถไปที่เทียนไวเทียนได้เร็วยิ่งขึ้น! นี่ยังไม่รวมไปถึงการแข่งขันร้อยนิกายที่มีโอกาสในการได้รับระดับสูง ๆ ขึ้นไปอีก

หลังจากฉู่เหินออกมาจากเขตห่วงห้าม เขาก็ครุ่นคิดว่าต่อไปจะทำอะไร ชายหนุ่มจำเป็นที่จะจัดการเรื่องทั้งหมดในเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด! ต้องเข้าใจว่าไม่อาจอยู่โลกด้านนอกได้นานนัก ถ้าเมื่อถึงเวลาแล้วเขายังทำภารกิจไม่เสร็จเขาต้องแย่แน่

นอกจากเรื่องนี้แล้วนั้น เขายังต้องหาวิธีช่วยเจียฉิวฉิวอีกด้วย! หลังชายหนุ่มออกมาจากค่ายกล ในหัวของเขาก็คิดอยู่เพียงแค่สองเรื่องนี้! จนเมื่อเขาได้กลับมาพูดคุยกับเซี่ยวเฟิงอีกครั้ง ซึ่งฉู่เหินก็เคยพูดกับอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ทางฝั่งเซี่ยวเฟิงเองก็ยอมตกลงให้ความช่วยเหลือ คนผู้นั้นได้บอกกับเขาว่าจะหาตำราพวกนั้นเจอได้ที่ไหน

เรื่องนี้ไม่อาจเร่งรีบได้ จึงทำได้เพียงค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปเท่านั้น แต่เรื่องการประลองที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ใช่ ดังนั้นฉู่เหินเลยตัดสินใจเลือกสถานที่ประลองเสียเลย!

ไม่ไกลจากพรรคหยูหลิน มีที่หนึ่งเป็นที่โล่งกว้าง

ที่ทวีปลึกลับนั้นเป็นสถานที่พิเศษแห่งหนึ่ง ที่นี่นั้นคล้ายกับเป็นดวงดาวที่เคยชำรุดไปแล้วดวงหนึ่ง ภายในดวงดาวนั้นมีอีกหลายสิ่งที่ไม่เคยรู้ มีบางสถานที่ที่สามารถเดินทางไปโลกดวงอื่นได้ และมีบางสถานที่ที่สามารถไปในจักรวาลดวงอื่นที่ไม่รู้จักได้ด้วยเช่นเดียวกัน!

มีคนเคยเข้าไปสถานที่อันตราย ๆ ที่หนึ่ง แล้วยังไม่ตายกลับมา ตามที่คน ๆ นั้นเล่า เขาคนนั้นบอกว่าตัวเองได้ไปยังที่ที่อันตราย ๆ มาก ๆ ที่แห่งนั้นเป็นโลกกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด โดยรอบเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย คนผู้นั้นบอกว่าเคยไปเห็นกิ้งก่าตัวหนึ่งที่ตัวใหญ่มากจนน่ากลัว แค่มันก้าวเท้าเหยียบข้างเดียวก็สามารถทำให้ตรงนั้นกลายเป็นแอ่งน้ำได้แล้ว!