บทที่ 432 วิธีฝึกฝนร่างกาย
บทที่ 432 วิธีฝึกฝนร่างกาย
กระทั่งเขายังเคยเห็นว่า มีชุดเกราะอันหนึ่งที่ตัวเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว แต่เกราะนั้นกลับมีแสงที่ดูจะเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานไหลออกมาไม่หยุด! มันทำให้เขารู้สึกว่าถ้าเข้าใกล้เกราะนี้มากเกินไปจะไม่ส่งผลดีกับตัวเองเท่าไรนัก!
นอกจากนี้แล้วยังมีอีก 2-3 คนที่เคยไปยังดินแดนที่ว่า พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกตนนั้นได้ยินเสียงโหยหวนของเหล่าดวงวิญญาณดังมาจากแม่น้ำแห่งหนึ่ง! หรือแม้กระทั่งตอนนั้นเขาถึงกับรู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองไม่ค่อยเสถียร ราวกับมันกำลังถูกแม่น้ำนี้ดึงวิญญาณลงไป!
เรียกได้ว่าสถานที่ในดินแดนนั้นเต็มไปด้วยอันตราย แต่ที่นั่นเองมันก็มีโอกาสและของดีอยู่ไม่น้อย หลายปีที่ผ่านมามียอดฝีมือหลายคนเคยไปเยือนดินแดนนั้น แน่นอนว่ามีทั้งคนที่ซวยและคนที่โชคดี บางคนได้รับของดีมากมาย พอกลับมาก็สามารถกางปีกบินพุ่งถลาถึงท้องฟ้า* และก็มีบ้างที่จบชีวิตลงที่นั่น!
*เปรียบเทียบว่า ประสบความสำเร็จได้ในเวลาสั้น ๆ จนคนตะลึง
ด้วยเหตุนี้เองฉู่เหินจึงเลือกดินแดนที่ไร้คนอยู่อาศัยแห่งนั้นเป็นที่ประลอง! การเลือกสถานที่แห่งนี้จะช่วยรับประกันได้เลยว่าพวกเขาจะต้องได้พบเจอกับอันตรายนับไม่ถ้วนแน่นอน เพราะไม่มีใครรู้ได้เลยว่าภายในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่
ซึ่งถ้าคนที่เข้าร่วมตายอยู่ภายในนั้นก็ไม่เลวเหมือนกัน เมื่อเป็นแบบนี้อำนาจของพรรคหยูหลินก็จะถูกปลดปล่อยออกไปโดยปริยาย แน่นอนว่าฉู่เหินรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าภายในดินแดนนั้นจะอันตราย แต่ขอเพียงแค่เพิ่มการระวังตัวเองมากขึ้น เพียงแค่นั้นก็คงไม่เกิดเรื่องอะไรแล้ว
การประลองนี้ฉู่เหินเป็นคนควบคุมทั้งหมด คนที่จะเข้าร่วมการประลองนั้นที่ข้อมือของพวกเขาจะต้องมีเครื่องมือพิเศษชิ้นหนึ่ง เมื่อกำจัดคนที่มีพลังวรยุทธ์น้อยกว่าตัวเอง คนคนนั้นก็จะได้รับ 1 คะแนนต่อทุก ๆ 10 คน แต่ทว่าเมื่อกำจัดคนที่พลังเท่ากัน คนผู้นั้นก็จะได้รับ 1 คะแนนตามจำนวนคนที่กำจัดได้!
ในอีกกรณีหนึ่ง ถ้าหากกำจัดคนที่พลังมากกว่าตัวเองได้ 1 คน คนคนนั้นก็จะได้รับ 10 คะแนน ถ้าสามารถจำกัดผู้อาวุโสที่นำทีมมาได้ ก็จะได้ถึง 100 คะแนนต่อ 1 คน! อีกทั้งไม่ว่าสุดท้ายพรรคไหนจะเป็นฝ่ายชนะ นอกจากจะได้สิทธิอารักขาแล้ว พวกเขายังจะสามารถหยิบของรางวัลในพรรคหยูหลินกลับไปได้เลย 10 ชิ้น!
หลังจากประกาศนี้เผยแพร่ออกไป มันก็ทำให้เกินความโกลาหลขึ้นทันที ต้องเข้าใจว่าดินแดนแห่งนั้นอันตรายขนาดไหน พวกเขายอดฝีมือต่างก็รู้ดีถึงความเสี่ยงของงานประลองในครั้งนี้ จากที่เดิมทีจะส่งลูกศิษย์ในพรรคไปเข้าร่วมการประลองกับเหล่ายอดฝีมือ พวกเขาก็พากันเปลี่ยนใจ ก่อนจะตัดสินใจว่าเรื่องนี้ตัวเองคงต้องลงมือซะแล้ว!
ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าพวกเขาอยากจะจะสำรวจที่ดินแดนรกร้างนั่นดูอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับโชคบ้างก็ได้ เพราะหลายปีก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนของพรรคหยูหลินคนหนึ่งที่เข้าไปยังดินแดนรกร้างนั้นแล้วได้วาดแผนที่ออกมาด้วยใบหนึ่ง
ครั้งนี้ถือว่าพรรคหยูหลินต้องรีดเลือดตัวเอง เพราะพวกเขาต้องทำการคัดลอกแผนที่มาให้คนเตรียมเข้าไปในดินแดนรกร้าง ทุกทีมจะได้รับทีมละ 1 ใบ! ต้องเข้าใจว่าที่ดินแดนรกร้างแผนที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ตอนนี้พรรคหยูหลินกลับมอบให้ง่าย ๆ แบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่ารีดเลือดตัวเองก็คงไม่ได้!
เหตุที่ทำให้ยอดฝีมือพวกนั้นยินยอมที่จะเข้าร่วมก็เพราะแผนที่นี่แหละ ขอแค่มีแผนที่เหล่านี้ พวกเขาก็มั่นใจได้แล้วว่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ที่ทำให้พวกเขาดีใจคือภายในแผนที่นั้น มันยังได้บอกสถานที่ซ่อนสมบัติไว้อีกด้วย นี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าแผนที่ของพรรคหยูหลินไม่ได้เป็นเพียงแค่ของธรรมทั่วไปแต่อย่างใด
สถานที่ซ่อนสมบัติในดินแดนรกร้าง บริเวณนั้นเต็มไปด้วยอันตราย! บางครั้งถ้าใกล้ถึงช่วงที่สัตว์ร้ายออกจากการจำศีลล่ะก็ ที่นั่นจะมีสัตว์ร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว! เรียกได้ว่าหากอยากได้ของล้ำค่า ก็ต้องยอมรับที่จะเสี่ยงอันตรายสักหน่อย! สำหรับข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ทางด้านเซี่ยวเฟิงเองก็ได้กล่าวย้ำกับผู้เข้าร่วมงานทุกคนอยู่หลายครั้ง
น่าเสียดายที่กลุ่มอำนาจใหญ่ ๆ หลายกลุ่มไม่ใส่ใจฟังเท่าไรนัก! ตอนนี้มีแผนที่อยู่ในมือ ถ้าไม่ออกตามหาสมบัติ พวกเขาก็คงไม่ให้อภัยตัวเองแน่
ฉู่เหินไม่เพียงแต่จะขอให้เซี่ยวเฟิงระบุในแผนที่ถึงสมบัติทั้งหมดลงไป ชายหนุ่มยังบอกให้อีกฝ่ายใส่คำเตือนเรื่องพื้นที่อันตรายอีกด้วย แน่นอนว่าหากคุณไม่โลภมากก็จะปลอดภัยกลับมาอย่างแน่นอน!
เดิมทีมนุษย์ในโลกก็มักจะถูกความโลภบังตาอยู่แล้ว ยิ่งพวกเขาเห็นโอกาสที่ลอยอยู่ตรงหน้าด้วย จะมีสักกี่คนที่จะเลือกละทิ้งโอกาสนี้! ที่จริงไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ฉู่เหินเองก็อยากจะไปเสี่ยงโชคด้วยเหมือนกัน ดูสิว่าตัวเองจะมีโชคหรือเปล่า!
แต่ทว่าในตอนนี้ฉู่เหินกลับไม่ได้เคลื่อนไหว เขายังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ นั่นก็คือหาวิธีเพิ่มความแข็งแรงในร่างกายตัวเอง! ซึ่งทางด้านเซี่ยวเฟิงเองก็ใจกว้างมากพอที่จะเปิดหอตำราของพรรคให้ฉู่เหินเข้าไปศึกษา! เรื่องนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกซาบซึ้งมาก!
ตำราภายในในหอตำราของพรรคหยูหลินนั้นเต็มไปด้วยหนังสือมากมาย ขอเพียงพวกเขาเห็นว่าวิชาเหล่านี้มีประโยชน์ ก็จะเลือกเก็บสะสมมันเอาไว้เรื่อยมา และจากความพยายามสะสมหลายหมื่นปีที่ผ่านมา นี่ก็ทำให้ในหอตำราของพรรคหยูหลินมีวิชาต่าง ๆ มากมาย
หลังฉู่เหินมาถึงหอตำรา เขาก็เริ่มทำการสำรวจตำราเล่มแล้วเล่มเล่าอย่างช้า ๆ วิชาพวกนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ แต่ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เหินต้องการ! แต่ถึงอย่างนั้นฉู่เหินก็ได้แอบจดจำวิชาที่ตนคิดว่าไม่เลวเอาไว้ เพื่อได้ใช้ประโยชน์ในภายหลัง
หากเอาวิชาเหล่านี้กลับไปยังโลก ก็สามารถเอาไปในคนในตระกูลฉู่และศิษย์นิกายกิเลนฝึกได้! ต้องเข้าใจว่า วิชาไม่เลวที่ฉู่เหินแอบคัดลอกนี้ แม้แต่วิชาที่ตระกูลฉู่และนิกายกิเลนที่ฝึกอยู่ตอนนี้ก็เทียบไม่ติด!
เพียงแต่สิ่งที่เขาจนปัญญาก็คือ เขาเข้ามาในนี้ตั้งนานแล้วก็ยังหาวิชาฝึกฝนร่างกายไม่เจอเลย! ไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มเลยเริ่มหาจากด้านนอกก่อนแล้วค่อย ๆ ค้นหาลึกเข้าไป ระหว่างนั้นเขาก็ได้อ่านวิชาต่าง ๆ มากมาย แม้แต่ตัวฉู่เหินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอ่านไปแล้วกี่เล่ม
แน่นอนว่าฉู่เหินไม่ได้อ่านจนจบทุกเล่ม เพียงแค่อ่านคำนำให้รู้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไรเท่านั้น และเข้ากับตัวเองหรือเปล่า! ด้วยวิธีนี้เขาเลยอยู่ในหอตำราเสียหลายวัน! ตำราหลายต่อหลายเล่มถูกเขาอ่านไป จากที่ตอนแรกรู้สึกกระตือรือร้นก็เริ่มจะเบื่อหน่าย!
ในตอนที่เขากำลังถอนใจ จู่ ๆ ฉู่เหินก็พบว่าภายในชั้นหนังสือทั้งหมดนั้น มันยังมีชั้นหนังสืออยู่ชั้นหนึ่งด้านในสุด เพียงแต่หนังสือทั้งชั้นนั้นกลับมีแต่หนังสือเก่า ๆ โบราณ ๆ ทั้งยังมีหนังสือวางอยู่แค่ไม่กี่เล่มอีกด้วย! ฉู่เหินเห็นแบบนั้นก็เลยลองเดินเข้าไปดู!
ทั้งชั้นหนังสือนั้นมีหนังเพียงแค่ 4 เล่ม เล่มแรกเป็นหนังสือวิชาลึกลับอย่างหนึ่ง น่าเสียดายที่หนังสือเล่มนี้เสียหายค่อนข้างมาก ฉู่เหินพยายามอ่านมันตั้งนานก็ไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจและล้มเลิก!
เล่มที่สอง พอฉู่เหินได้อ่านก็ดวงตาเปล่งประกาย ภายในหนังสือมีตัวใหญ่ ๆ เขียนว่า “วิชาเพลิงอัคคี” ตัวอักษรไม่กี่ตัวนี้ก็ทำให้ฉู่เหินตาเป็นประกายได้แล้ว ทว่าหลังเขาอ่านตำราเล่มนี้จบเขาก็ต้องเสียดายที่มันไม่มีบทที่หนึ่งกับบทที่สี่! มีเพียงแค่บทที่สองกับบทที่สามเท่านั้น
หรือก็คือตำรานี้ไม่มีทั้งหัวเรื่องทั้งท้ายเรื่อง เลยทำให้ตำราเล่มนี้คล้ายจะกลายเป็นของไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครสามารถฝึกได้ แต่สำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลก็ยังถือว่ามีข้อดี อย่าลืมว่าชายหนุ่มเคยรับเอาเปลวไฟแปลก ๆ มาครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาเลยมีประสบการณ์ด้านนี้อยู่บ้าง
แม้ว่าจะไม่เหมือนกับการคัดลอกปกติ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้! ต่อมาเขาก็ดูวิชาเพลิงอัคคีอย่างตั้งใจ เพียงแค่ดูไม่ต้องเร่งรีบ เท่านี้ก็ทำให้เขามีสมาธิยากที่จะถอนตัวแล้ว!
ตามที่กล่าวไว้ว่าวิชานี้ ถ้าผู้ใช้วิชาเข้าใจอย่างครอบคลุมทุกอย่างแล้ว แค่เส้นผมร่วงหนึ่งเส้นก็สามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้เลย พลังอำนาจขนาดนี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเท่าไร แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เช่นกัน! หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ทำการศึกษาวิชาเพลิงอัคคีต่ออย่างจริงจัง
เมื่ออ่านมาสักพักฉู่เหินก็พบว่าตัวเองสามารถฝึกได้ วิชาเพลิงอัคคีนั้นจะต้องใช้ไฟเผาไหม้ร่างกายตัวเองก่อน รวมไปถึงเผาวิญญาณตัวเองด้วย ซึ่งในขั้นตอนนี้มีหลายคนแล้วที่หยุดอยู่แค่ตรงนี้ เพราะมันเจ็บปวดเกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับไหว!
แต่ในข้อนี้สำหรับฉู่เหินกลับรู้สึกว่าเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุดแล้ว แม้ตอนนี้ชายหนุ่มจะมีแค่จิตวิญญาณตัวเอง ไม่มีร่างกายที่แท้จริงของตน แต่วิญญาณและร่างกายของเขานั้นมีความเชื่อมโยงถึงกัน หรือจะพูดอีกอย่างก็คือระหว่างที่เขาฝึกฝนอยู่ที่นี่ ร่างกายของฉู่เหินก็จะโดนตามไปด้วยเช่นเดียวกัน