บทที่ 433 ฝึกฝนวิชา
บทที่ 433 ฝึกฝนวิชา
ยิ่งชายหนุ่มฝึกฝนวิชาตรงหน้าเขาก็ยิ่งชอบ ตอนนี้ฉู่เหินสามารถควบคุมพลังของมันได้แล้ว เพียงแต่น่าเสียดายที่วิชานี้เหลืออยู่เพียงไม่กี่บท ทว่าเพียงแค่ขั้นสองกับขั้นสามก็เพียงพอให้เขานำไปใช้ได้แล้ว! เนื้อหาภายในตำรานั้น ชายหนุ่มได้จดจำไว้จนขึ้นใจ หลังจากค้นพบว่าไม่มีอะไรใหม่แล้ว ฉู่เหินถึงได้วางตำราลงแล้วหันไปดูเล่มอื่นต่อ
น่าเสียดายที่หนังสืออีก 2-3 เล่มเสียหายมากเกินไป ต่อให้เขาพยายามเพ่งมองเนื้อหาเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์ ด้วยความจนปัญญา ชายหนุ่มเลยเลือกที่ไปหาเซี่ยวเฟิง เพื่อเข้าไปถามอีกฝ่ายว่าพรรคหยูหลินมีสถานที่ฝึกฝนพลังธาตุไฟหรือไม่
ซึ่งเซี่ยวเฟิงก็สามารถแนะนำหาสถานที่ให้เขาได้จริง ๆ มันเป็นทะเลเพลิงแห่งหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่หวงห้ามของพรรคหยูหลิน สถานที่แบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีพลังธาตุสายฟ้าและธาตุไฟมากทีเดียว หลังจากถามพิกัดเสร็จ ฉู่เหินก็ตรงไปยังทะเลเพลิงในทันที
ได้ยินว่าทะเลเพลิงดูเหมือนจะใหญ่มาก ทว่าที่จริงกลับไม่ได้ใหญ่อะไรเลย รวม ๆ แล้วมีพื้นที่ไม่ถึง 1 กิโลเมตรด้วยซ้ำ! ตอนที่ฉู่เหินเดินเข้ามา เขาก็พบว่าพลังธาตุสายฟ้าของตัวเองนั้นโคจรเร็วกว่าปกติ!
ทะเลเพลิงนั้นคล้ายจะเป็นค่ายกลที่เกิดตามธรรมชาติ หลังจากเข้ามาแล้วสายฟ้าที่อยู่ด้านบนก็ฟาดลงมาสายแล้วสายเล่า คนธรรมดาที่สามารถอยู่ที่นี้ได้ถึงครึ่งก้านธูปก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ศิษย์ที่เป็นอัจฉริยะในพรรคก็สามารถอยู่ได้เพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น
หลายคนที่มาถึงที่นี่ พวกเขามักจะเข้ามารับสายฟ้า ก่อนจะรีบถอยออกไปโคจรพลังที่ด้านนอก ทว่าหลังจากฉู่เหินเข้ามา ชายหนุ่มกลับไม่ทำแบบนั้น เขาทำการโคจรพลังกิเลนทันทีเมื่อพบว่าสายฟ้าด้านบนจะผ่าลงมา ต่อมาฉู่เหินก็ควบคุมสายฟ้าพวกนั้นให้หมุนเวียนภายในร่างกายตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายดาย เขาไม่จำเป็นต้องออกไปโคจรพลังข้างนอกทะเลเพลิงเลยแม้แต่น้อย
ต่อมาชายหนุ่มก็นั่งขัดสมานลงตรงกลางเพื่อฝึกฝน ตอนแรกที่เขาทำนั้นไม่มีใครสังเกตเท่าไรนัก แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า มันก็เริ่มมีคนในพรรคหยูหลินบางส่วนสังเกตได้ถึงความผิดปกติ พวกเขาแอบนับเวลาในใจ ก่อนจะพบว่าฉู่เหินเข้าไปนานถึง 3 ชั่วโมงแล้ว
ทุกคนที่เพิ่งรู้ตัวต่างทำหน้าเหลือเชื่อ! พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าจะมีคนที่สามารถอยู่ได้นานขนาดนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นที่ทำไม่ได้ แม้แต่ผู้อาวุโสในพรรคก็ไม่เคยทำได้เช่นกัน! ข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นานชนชั้นสูงในพรรคหยูหลินก็ทราบกันหมด
ผู้อาวุโสในพรรครวมทั้งเซี่ยวเฟิงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง แล้วพวกเขาก็พบว่าฉู่เหินอยู่ข้างในจริง ๆ เห็นแบบนี้พวกเขาก็อดคิดในใจไม่ได้ บางทีคนผู้นี้อาจจะสามารถช่วยให้พรรคหยูหลินรอดจากภัยร้ายได้ก็ได้!
นอกจากฉู่เหินจะฉลาดเสียจนวางแผนปั่นหัวพวกพรรคใหญ่ ๆ ได้แล้ว คนผู้นี้ยังมีพรสวรรค์ด้านการฝึกพลังอีกด้วย!
ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าในใจของทุกคนตอนนี้คิดยังไงอยู่ แต่แม้จะรู้เขาก็คงไม่เอามาใส่ใจหรอก เพราะตอนนี้สมาธิทั้งหมดของฉู่เหินกำลังอยู่ที่การโคจรพลัง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เรื่องภายนอกทั้งหมดถูกปิดกั้น ทุกชั่วขณะที่ชายหนุ่มโคจรพลัง เขาก็พบว่าร่างกายของตนเองนั้นเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น
นอกจากร่างกายที่กำลังเปลี่ยนไปแล้ว ชายหนุ่มยังได้รับพลังสายฟ้าและพลังธาตุไฟมาอีกด้วย โดยเขาก็ได้เอาพลังเหล่านี้มาส่งเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายภายนอก! ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในอนาคต ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงยอมอดทน
ยิ่งเวลาผ่านไป ร่างกายของเขาก็หนาขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มใส่ในตอนแรกก็ฉีกขาดหมดแล้ว! ต้องเข้าใจว่าสายฟ้าที่ผ่าลงมานั้น เสื้อผ้าธรรมดาที่ไหนจะต้านทานไหว?
แต่ทว่าในสายตาของคนด้านนอกที่มองมาตรงฉู่เหินนั้น พวกเขากลับมองเห็นว่าร่างกายของฉู่เหินนั้นถูกห่อไว้เป็นชั้น ๆ ราวกับรังไหม! ซึ่งแต่ละชั้นจะปรากฏขึ้นมาในทุกครั้งที่สายฟ้าผ่าลงมา
เวลาผ่านไปพอสมควร ตอนนี้ฉู่เหินถูกเคลือบด้วยรังไหมชั้นแล้วชั้นเล่า สำหรับเจ้าของร่างเดิมนั้น แท้จริงแล้วคนผู้นี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าครั้งนี้ชายหนุ่มกลับสร้างประโยชน์กับตัวของเจ้าหน้าบากครั้งใหญ่ทีเดียว เพราะแต่ก่อนนั้นคงเป็นเรื่องยากทีพลังวรยุทธ์ของเจ้าหน้าบากนั้นจะเลื่อนขั้น
หลังจากการฝึกฝนของฉู่เหินในวันนี้ นี่จะทำให้ในอนาคตเจ้าหน้าบากสามารถใช้พลังได้อย่างไม่มีจำกัด! แม้ว่าตอนนี้ร่างกายจะมีฉู่เหินเป็นคนควบคุม แต่เจ้าหน้าบากกลับรับรู้ทุกสิ่ง แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณฉู่เหินจริง ๆ จากใจ
ที่ฉู่เหินยึดครองร่างกายของหน้าบากได้นั้นเกี่ยวข้องกับระบบ ซึ่งทางระบบก็ได้ทำสัญญาพิเศษกับคนผู้นั้นไว้แล้ว เพราะยังไงหน้าบากก็ต้องยินยอมก่อน ไม่งั้นฉู่เหินคงไม่สามารถมาอยู่ในร่างกายของเขาได้! ตอนแรกเจ้าหน้าบากรู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะกลัวว่าฉู่เหินจะเอาร่างกายตัวเองไปทำเรื่องไม่ดี
แต่ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทำแบบนั้น อีกทั้งยังทำเรื่องที่เป็นผลดีต่อเขาอีกด้วย! ทางด้านฉู่เหิน ชายหนุ่มยังคงนั่งฝึกฝนอยู่ตรงนั้นอย่างต่อเนื่อง จนตอนนี้เขาเริ่มจะเข้าใจพลังธาตุสายฟ้าและไฟมากขึ้นหลายส่วนแล้ว
ต้องเข้าใจว่าเมื่อครั้งอยู่ที่เกาะตระกูลฉู่ เขาได้เคยดัดแปลงพลังธาตุสายฟ้ากับธาตุลมมาแล้ว อีกทั้งยังเพิ่มความรุนแรงธาตุลมให้กับตัวเองอีกด้วย! แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถใช้ธาตุลมได้ในตอนนี้ แต่ก็ถือว่าตัวเองนั้นเคยมีประสบการณ์มาก่อน ขอเพียงให้เวลาชายหนุ่มสักหน่อย มันก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!
ต่อให้พลังธาตุลมของเขาจะควบคุมได้ยากแล้วยังไง เพราะตอนนี้ชายหนุ่มสามารถใช้ทั้งธาตุสายฟ้าและธาตุไฟได้ ซึ่งมันก็แข็งแกร่งกว่าธาตุลมเสียอีก! ที่จริงเพราะว่าที่แห่งนี้นี่มีพลังธาตุไฟและสายฟ้ามากสุด ดังนั้นการที่ฉู่เหินมีความเข้าใจในธาตุทั้งสองก็เป็นความเป็นเปรียบจากสภาพแวดล้อม!
เวลาค่อย ๆ ไหลผ่านไป ร่างกายของฉู่เหินเริ่มที่จะแข็งแรงขึ้นแล้ว หลังจากผ่านไปหนึ่งวันเต็ม ในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จสิ้น การฝึกฝนในครั้งนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนกำหนดให้มันจบ แต่เป็นเพราะตอนนี้สายฟ้านั้นของที่นี่ใช้ไม่ได้ผลกับเขาอีกต่อไปแล้ว ด้วยความจนปัญญา ชายหนุ่มเลยต้องลุกออกมาทั้ง ๆ ที่ใช้เวลาแค่เพียงสั้น ๆ ในนั้น
พอออกมาจากทะเลเพลิงฉู่เหินก็ไปอาบน้ำ แล้วแวะไปที่เขตหวงห้าม ที่ไปก็เพราะเขาอยากจะรู้ว่าร่างกายของตัวเองตอนนี้ สามารถรับการหลอมรวมพลังนั้นได้หรือไม่! เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็ลองทดสอบเล็กน้อย ก่อนจะพบว่าตอนนี้ตนเองนั้นสามารถรับการหลอมรวมพลังพิเศษนี้ได้ไม่น้อยแล้ว
แต่หากอยากจะหลอมรวมพลังทั้งหมดเลยนั้น อาศัยร่างกายของตัวเองในตอนนี้ยังดีไม่พอ! หลังจากพยายามหลอมรวมมาสักพักหนึ่ง ในที่สุดฉู่เหินรู้แล้วว่าพลังนี้เป็นของอะไร ในโลกนั้นพลังสามจิตวิญญาณกับร่างกายดั้งเดิมของฉู่เหิน เมื่อหลอมรวมมันเข้าด้วยกันแล้ว คนผู้นั้นก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าพลังวิญาณทั้งสามกับจิตวิญญาณของตัวเองได้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาได้อ่านตำรามาเล่มหนึ่ง ทั้งยังเคยฟังเรื่องเล่ามาจากคนอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นแล้วชายหนุ่มก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าพลังในไพ่หินนั้น ที่แท้แล้วมันก็คือสามจิตวิญญาณของตัวเอง หลังคิดถึงตรงนี้เขาก็หรี่ตาเล็ก เมื่อฉู่เหินรู้คุณค่าของมันแล้ว เขาก็คิดขึ้นมาว่าต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ยังไงเขาก็จะต้องหลอมรวมสามจิตวิญญาณเข้าด้วยกันให้ได้!
ถ้าสามจิตวิญญาณทั้งสามอยู่ในมือของสวรรค์ ตัวเองก็คงเป็นแค่มดตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีวันได้เงยหน้าอ้าปาก นอกจากเขาเลือกที่จะตาย ไม่งั้นก็ต้องกลายเป็นทาสรับใช้ของคนคนนั้น เพียงแต่ทำไมสามจิตวิญญาณของตัวเองถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน ? แล้วไหนจะมีพลังสายหนึ่งที่คุ้นเคยมากอย่างบอกไม่ถูกนี่อีก ไม่ว่าชายหนุ่มจะคิดยังไงเขาก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี
พลังพิเศษที่ว่านี้ชวนให้ฉู่เหินคิดถึงใครบางคน ทว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นพลังของใครอยู่ดี แต่ถึงอย่างงั้นชายหนุ่มก็พอเดาว่าเป็นเพราะพลังนี้นี่แหละที่คอยปกป้องไพ่หินเอาไว้ ดังนั้นแล้วเขาเลยจดจำพลังนี้ไว้ในใจเงียบ ๆ เพื่อที่ในอนาคต หากมีโอกาสได้เจอคนผู้นั้น ยังไงฉู่เหินก็คงต้องขอบคุณเจ้าของพลังนี้สักคำ