ตอนที่ 301 เปิ่นหวางให้เจ้าโลภได้หนึ่งครา

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 301 เปิ่นหวางให้เจ้าโลภได้หนึ่งครา

ผ่านไปไม่นานก็มีนายทหารสองสามนายเดินเข้ามาพร้อมบุรุษหนุ่มในชุดฮั่นฝู1ซึ่งมองสำรวจหลินเว่ยเว่ยก่อนจะกล่าวออกมาว่า “กู่เหนียงยังจำเปิ่นหวางได้หรือไม่ ? ”

หลินเว่ยเว่ยรีบทำมือคารวะทันที “แน่นอนเพคะ องค์ชายเจ็ดทรงพระปรีชาสามารถและองอาจเหนือผู้ใด ทำให้ยากจะลืมเลือนเพคะ ! ”

องค์ชายเจ็ดแย้มพระโอษฐ์ “หืม ? พอเจ้ากล่าวเช่นนี้ก็เริ่มทำให้เปิ่นหวางเข้าใจว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับเปิ่นหวางแล้วกระมัง แน่นอนว่าเปิ่นหวางทั้งปรีชาและกล้าหาญ แถมยังสง่างามมากเช่นนี้ หากกู่เหนียงจะคิดอันใดด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ! ”

หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มยิงฟันด้วยความเจ็บปวดทันใด…เจ้าองค์ชายเจ็ด ช่างหลงตัวเองเสียจริง !

องค์ชายเจ็ดยังทอดพระเนตรนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “เป็นเจ้าเองหรือที่ช่วยจินเฉิงเอาไว้ ? ”

หลินเว่ยเว่ยรีบปฏิเสธ “มนุษย์โอสถนั้นใต้เท้าซื่อจื่อเป็นผู้ลงมือสังหารเพคะ ส่วนหม่อมฉันแค่ช่วยเหลือเล็กน้อยเท่านั้น ! ” ขณะที่ทูลอย่างถ่อมตน นางก็ใช้นิ้วโป้งแตะที่ปลายนิ้วก้อยเพื่อบอกว่าตนให้ความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดวงเนตรจิ้งจอกคู่นั้นขององค์ชายเจ็ดจับจ้องไปยังปลายเล็บสีอมชมพูของนาง หลังจากเผยรอยยิ้มปิศาจออกมาแล้วก็ตรัสว่า “ตัวเจ้าก็โง่เขลาไปหน่อย ไม่รู้จักเรียกร้องของรางวัลให้ตน เอาเช่นนี้แล้วกันเปิ่นหวางจะตัดสินใจแทนเอง เจ้าสามารถขอสิ่งใดก็ได้จากจินเฉิงหนึ่งข้อ…ไม่ว่าสิ่งใดก็ได้ ! ”

หลินเว่ยเว่ยรีบโบกมือ “ใต้เท้าซื่อจื่อได้มอบป้ายหยกกิเลนให้หม่อมฉันแล้วเพคะ เขาบอกว่าหากมีปัญหาอันใดก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากจวนหมินอ๋องได้ แค่สิ่งนี้ก็มากเกินพอแล้วเพคะ ! เป็นคนอย่าโลภมาก…”

“เปิ่นหวางอนุญาตให้เจ้าโลภได้หนึ่งครา ! ” องค์ชายเจ็ดใช้พัดปิดบังริมพระโอษฐ์ ทว่าดวงเนตรจิ้งจอกเต็มไปด้วยความชั่วร้าย “หากเจ้าไม่รู้ว่าจะขอสิ่งใดจริง ๆ เปิ่นหวางจะช่วยบอกเจ้าให้ว่าตำแหน่งซื่อจื่อเฟย…ยังว่างอยู่ ! ”

ดวงตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์เพราะรอยยิ้มของหลินเว่ยเว่ยกลมโตขึ้นทันใด ‘ใต้เท้าซื่อจื่อมีความแค้นอันใดต่อเจ้ากันแน่ เจ้าถึงได้อยากให้เด็กสาวบ้านนอกแต่งเป็นซื่อจื่อเฟย ถ้าจวนหมินอ๋องแต่งเด็กสาวบ้านนอกเป็นซื่อจื่อเฟยจริง ๆ มันจะไม่กลายเป็นที่ขบขันของเหล่าขุนนางผู้ทรงอำนาจหรอกหรือ ? ’

องค์ชายเจ็ดเปรียบเสมือนจิ้งจอกที่กล่าวคำอวยพรวันปีใหม่ให้ไก่ พระองค์ยังคงตรัสพร้อมรอยแย้มพระโอษฐ์ “เป็นอย่างไรบ้าง ? ขอเพียงเจ้าเอ่ยปาก แล้วต่อไปไม่ว่าจะเสื้อผ้าแพรพรรณ อาหารโอชะ เงินทองหยกพลอยก็มีให้เจ้าเลือกใช้ได้อย่างถนัดมือ เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งไม่รู้จบ เหตุใดต้องมาคอยรอรับอาหารบรรเทาทุกข์อยู่ที่เขตเล็ก ๆ แห่งนี้และหาเงินได้ทีละตำลึงสองตำลึงด้วยเล่า ? ”

หลินเว่ยเว่ยจ้องดวงพักตร์อันทรงเสน่ห์ของอีกฝ่าย ทันใดนั้นนางก็กล่าวขึ้นว่า “องค์ชายเจ็ดเพคะ ขอสิ่งใดก็ได้จริงหรือ ? เช่นนั้นองค์ชายเจ็ดอภิเษกสมรสแล้วหรือยังเพคะ ? ”

ทันใดนั้นดวงเนตรจิ้งจอกขององค์ชายเจ็ดก็เบิกกว้าง เมื่อจ้องนางอีกครั้ง แล้วพระองค์ก็ตรัสด้วยสุรเสียงเจือความรังเกียจเล็กน้อย “ไม่นึกเลยว่าความโลภของเจ้าก็ยิ่งใหญ่ใช้ได้ แม้แต่ตำแหน่งซื่อจื่อเฟยก็ทำให้เจ้าพอใจไม่ได้ ? อยากเป็นหวงจื่อเฟยแทนหรือ ? เฮ้อ จินเฉิงเอ๋ยจินเฉิง เพื่อตอบแทนบุญคุณแทนเจ้าแล้ว ข้าต้องเจ็บตัวหนักเลยทีเดียว ! เอาเถิด ถ้าเจ้าเอ่ยปาก เปิ่นหวางก็จะกัดฟันตอบตกลง ! ”

หลินเว่ยเว่ยอดไม่ได้ที่จะเล่นลิ้น “องค์ชายเจ็ดเพคะ พระองค์และใต้เท้าซื่อจื่อเป็นสหายที่รักใคร่กันเหลือเกิน ! แต่ว่า…หม่อมฉันไม่ได้หาสามีให้ตนหรอก แค่อยากสร้างอนาคตอันดีให้พวกเด็กสาวในหมู่บ้าน ตัวหม่อมฉันหมั้นหมายแล้วจึงไม่มีความคิดจะเปลี่ยนคู่หมั้น…พี่น้องทั้งหลาย โอกาสของพวกเจ้ามาถึงแล้ว…”

สีพระพักตร์ขององค์ชายเจ็ดเปลี่ยนไปทันใด พระองค์รีบตรัสเสียงดังลั่น “เจ้าใจกล้านัก กล้าเล่นลิ้นกับเปิ่นหวาง ! ไม่กลัวเปิ่นหวางจะสั่งตัดศีรษะเจ้าหรือ ? ”

นางหวงตกใจจนหน้าถอดสี เหตุใดบุตรสาวคนนี้จึงดื้อเหลือเกิน จะเที่ยวล้อเล่นกับใครไปทั่วได้อย่างไร ? ในขณะที่นางกำลังจะเดินเข้ามาคุกเข่าอ้อนวอนก็ถูกเจียงโม่หานหยุดไว้เสียก่อน

หลินเว่ยเว่ยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ไม่กลัวเพคะ เพราะหม่อมฉันได้รับพระราชทานอนุญาตให้ขอสิ่งใดก็ได้หนึ่งข้อจากองค์ชายเจ็ดเอง ! ”

องค์ชายเจ็ดกระตุกมุมพระโอษฐ์อย่างเย็นชา “เปิ่นหวางให้เจ้าขอได้ก็เรียกคืนได้เช่นกัน ! ”

“อ้อ ! เช่นนั้นเพื่อปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของตนแล้ว หม่อมฉันคงต้องใช้ป้ายหยกกิเลนที่ใต้เท้าซื่อจื่อให้มา…” หลินเว่ยเว่ยทำคิ้วตก แสร้งทำเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มทน

เจียงโม่หานค่อย ๆ เดินเข้ามาแล้วทำมือคารวะ “กระหม่อมบัณฑิตเขตเริ่นอันนามเจียงโม่หาน ขอถวายพระพรองค์ชายเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ ! ”

สายพระเนตรขององค์ชายเจ็ดโดนอีกฝ่ายดึงความสนพระทัยได้ตามคาด ด้วยความสามารถของเจียงโม่หานแล้วมีน้อยคนที่จะไม่สนใจในพรสวรรค์นั้น องค์ชายเจ็ดรีบตรัสด้วยความใคร่รู้ “เจ้าคือบัณฑิตเจียงผู้สร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรและยังนำเสนอแนวคิดเรื่องเครื่องกรองน้ำให้แก่กองทัพใช่หรือไม่ ? ”

เจียงโม่หานทูลตอบโดยไม่หวั่นเกรง “เป็นกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ…เสี่ยวเว่ยมีนิสัยซุกซน องค์ชายได้โปรดอย่าถือสานางเลย”

“เจ้า…ใช้ฐานะใดมาขอร้องแทนนาง ? ” องค์ชายเจ็ดมองคนได้อย่างเฉียบขาด แค่มองก็รู้แล้วว่าบัณฑิตหนุ่มตรงหน้า ไม่ใช่คนมีนิสัยโอบอ้อมอารี แต่ยังมาขอร้องแทนเด็กคนนี้ นางมีสิ่งใดพิเศษกันแน่ ?

เจียงโม่หานมองหลินเว่ยเว่ยด้วยสายตาอ่อนโยน น้ำเสียงก็อบอุ่นเช่นกัน “นางเป็นคู่หมั้นของกระหม่อม…”

ทันใดนั้นดวงเนตรจิ้งจอกขององค์ชายเจ็ดก็กลมโตยิ่งกว่าเดิม “ว่าอย่างไรนะ ? นางเป็นคู่หมั้นของเจ้า ? เจ้าชอบอันใดในตัวนาง ? ”

“องค์ชายเจ็ดเพคะ พระองค์หมายความว่าอย่างไร เหตุใดหม่อมฉันจะเป็นคู่หมั้นของเขาไม่ได้ ? เราสองคนเป็นคู่รักที่มีใจตรงกันตั้งแต่เด็ก ฐานะก็เหมาะสม ชายเก่งหญิง…ไม่ใช่สิ หญิงเก่งชายรูปงาม เหมาะสมกับราวกับกิ่งทองใบหยกเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ น้ำเสียงและถ้อยคำของเขาไม่ได้ทำร้ายจิตใจมากนักหรอก แต่มันเป็นการดูถูกกันอย่างยิ่ง !

องค์ชายเจ็ดตรัสขัดจังหวะนางอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าหยุดพูดก่อน ! บัณฑิตเจียง เจ้าพูดแทน…จงว่ามา เพราะหญิงร้ายกาจผู้นี้บังคับเจ้าใช่หรือไม่ ! ”

หลินเว่ยเว่ยกำลังจะอธิบาย แต่โดนองค์ชายเจ็ดถลึงดวงเนตรใส่ เจียงโม่หานเอื้อมมือไปลูบศีรษะน้อย ๆ ของนางแล้วทูลด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน “เราสองคนมีใจตรงกัน คู่หมั้นคนนี้ กระหม่อมก็เป็นคนเริ่มเสนอความคิดเรื่องการสู่ขอเองพ่ะย่ะค่ะ ! ”

หลินเว่ยเว่ยใจพองฟูในทันที เมื่อได้ยินถ้อยคำของคู่หมั้นหนุ่มแล้วนางก็รู้สึกราวกับว่าได้กินไอศกรีมในวันที่อากาศร้อนจัด รู้สึกมีความสุขตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทันใดนั้นนางก็หันไปยักคิ้วใส่องค์ชายเจ็ดอย่างได้ใจ…ได้ยินหรือไม่ ? เป็นบัณฑิตน้อยที่เริ่มอยากกินผักกาดขาวสดใหม่และอ่อนนุ่มต้นนี้ก่อน !

องค์ชายเจ็ดทั้งขำและโมโหพลางใช้พัดชี้นาง “เจ้ามีสิ่งใดให้น่าภาคภูมิใจ ? เจ้าแสดงให้บุรุษทุกคนดูหน่อยว่ามีตรงไหนที่คู่ควรกับบัณฑิตเจียง ? ”

หลินเว่ยเว่ยไม่ได้หัวเสีย นางฉีกยิ้มขณะจ้องมองชายสูงศักดิ์ “คราวหน้าหากหม่อมฉันมีโอกาสพบใต้เท้าซื่อจื่ออีก หม่อมฉันจะต้องถามให้ได้ว่าเขาไปทำสิ่งใดให้พระองค์ขุ่นเคือง ! ”

“หมายความว่าอย่างไร ? ” องค์ชายเจ็ดตรัสถาม

“องค์ชายเจ็ดทรงเห็นว่าหม่อมฉันไม่คู่ควรกับบัณฑิตเจียง แต่ผลักหม่อมฉันให้ใต้เท้าซื่อจื่อ กล่าวกันว่า ‘บุรุษเป็นหนึ่ง แต่สตรีอาจสร้างหายนะ ! 2’ แล้วพระองค์จะไม่มีความแค้นต่อจวนหมินอ๋องเช่นนั้นหรือเพคะ ? ” หลินเว่ยเว่ยฉีกยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้มและมององค์ชายเจ็ดด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างยิ่ง

องค์ชายเจ็ดบันดาลโทสะในทันใด “เจ้าช่างใจกล้านัก ! ”

หลินเว่ยเว่ยทำตาเป็นเสี้ยวพระจันทร์อันแสนน่ารัก “หากใจไม่กล้าแล้วจะเข้าไปขวางมนุษย์โอสถเพื่อช่วยชีวิตใต้เท้าซื่อจื่อได้อย่างไรเพคะ ? ”

“ดี ดี ! เปิ่นหวางจดจำเจ้าไว้แล้ว ! ” องค์ชายเจ็ดรู้สึกโชคดีที่สหายรักไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เพราะไม่อย่างนั้นพระองค์ต้องโดนหัวเราะเยาะไปอีกนานแน่

หลินเว่ยเว่ยจึงรีบกล่าวว่า “เป็นเกียรติของหม่อมฉันเหลือเกินเพคะ”

“ไป ไป ไป ! จะไปทำอันใดก็ไป เห็นเจ้าแล้วน่าโมโหนัก ! ” องค์ชายเจ็ดยังไม่สามารถทำอะไรนางได้ เดิมทีคิดจะมาแกล้งหยอกเด็กสาว แต่กลับโดนเด็กแกล้งคืน ! สมัยนี้เด็กสาวชาวบ้านร้ายกาจเช่นนี้หมดแล้วหรือ ?

1 ฮั่นฝู เป็นคำที่เรียกเครื่องแต่งกายของชาวฮั่น ตามธรรมเนียมแล้วฮั่นฝูประกอบด้วยเสื้อคลุมกับกระโปรงส่วนล่าง มีเครื่องประดับหลายอย่างเช่นผ้าโพกศีรษะ รองเท้า เข็มขัด จี้หยกและพัด

2 บุรุษเป็นหนึ่ง แต่สตรีอาจสร้างหายนะ หมายความว่า หากผู้ชายเลือกผู้หญิงไม่ดีเข้าบ้านก็อาจนำพามาซึ่งหายนะ 3 ช่วงอายุ คือพ่อแม่สามี สามีภรรยา และบุตร