บทที่ 282 วันเกิดของเมอร์เซเดอ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

มุมปากของวารุณีกระตุกขึ้นมา

จูบเธอแล้วก็ไล่เธอไป?

นี่เขาเหมือนอย่างที่อินเทอร์เน็ตพูดหรือเปล่า ผู้ชายเลวที่แสนโหดเหี้ยม?

“ทำไมเหรอ?”เห็นวารุณีมองตัวเองด้วยสายตาที่ดูซับซ้อนอย่างมาก นัทธีจึงเลิกคิ้วขึ้นมา

วารุณีส่ายมือ“เปล่าน่ะ ฉันออกไปก่อนนะ คุณทำงานเถอะ”

พูดจบ เธอก็หันกลับเปิดประตูออกไป

พอออกไป วารุณีก็ได้รับความสนใจและดึงดูดของสายตาทั้งสี่คู่ จากเด็กสองคนและผู้ใหญ่อีกสองคน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชอรีน มองปากที่แดงของเธอแล้ว ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“วารุณี ที่ด้านในเธอกับประธานนัทธี……”

“แค่กๆ”วารุณีหน้าแดง ไอออกมาแรงๆ บอกกับเธอแบบนี้ ถ้าเธอรู้ก็ดี ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา

เด็กทั้งสองคนยังอยู่ด้วย

เชอรีนก็ฉลาดมาก เข้าใจที่วารุณีจะสื่อทันที จึงหัวเราะอย่างร้ายกาจ แม้แต่คำว่าฉันเข้าใจแล้ว ก็ไม่พูดออกมาอีก

หลายชั่วโมงถัดมา ก็มาถึงประเทศอเมริกา

เชอรีนลงจากเครื่องบิน ยืนอยู่ด้านข้างบันไดขึ้นเครื่อง บอกลาวารุณี“วารุณี ฉันไปก่อนนะ”

“โอเค”วารุณีพยักหน้า

เชอรีนปล่อยที่จับของกระเป๋าเดินทาง เดินหน้าเข้าไป แล้วอ้าแขนอยากกอดเธอ

นัทธีเห็นแบบนี้ หน้าก็หม่นลง ดึงวารุณีออกทันที

เชอรีนถลาเข้าสู่ที่ว่าง ก็มองใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างงุนงง ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าเขาหึง ไม่อยากให้เธอกอดวารุณี

เชอรีนยิ้มให้นัทธีอย่างร่าเริง เอามือวางลงอย่างร้อนตัว แล้วถอยกลับไปยืนที่เดิม

เห็นเธอรู้ทันแบบนี้ นัทธีจึงปล่อยมือของวารุณี

วารุณีหัวเราะให้เชอรีนอย่างรู้สึกขอโทษ“ขอโทษนะเชอรีน เขา……เอาแต่ใจหน่อยๆ”

เธอก็คิดไม่ถึงว่า แม้แต่ผู้หญิงเขาก็ยังจะหึง

แม้แต่มารุตที่ดูเด็กสองคนอยู่ข้างๆ ก็ไม่ชินที่เห็นประธานของตัวเองแบบนี้

เอาแต่ใจ?

นัทธีหันหน้าไปเล็กน้อย มองผู้หญิงข้างๆ

ที่แท้แล้วในใจของเธอ เขาก็เป็นผู้ชายที่เอาในแต่ใจมากเลยเหรอ?

ถึงในใจจะคิดแบบนี้ แต่นัทธีไม่ได้ตอบโต้คำพูดของวารุณี

เชอรีนส่ายมือยิ้มๆให้วารุณี“ไม่เป็นไร ประธานนัทธีแคร์เธอมากวารุณี ดังนั้นเลยไม่ชอบให้คนอื่นมาเข้าใกล้เธอ ฉันเข้าใจ”

ได้ยินแบบนี้ นัทธีจึงมองเชอรีนแวบหนึ่ง ในที่สุดสายตาก็ไม่เย็นชามากขนาดนั้น

ทำให้เชอรีนอดไม่ได้ที่จะโล่งอก ตบหน้าอกเบาๆ

ในที่สุดความเย็นชานี้ก็หายไป

เธอแค่อยากกอดวารุณีหน่อย เขาต้องทำแบบนี้กับเธอด้วยเหรอ ลูกศรอันเยือกเย็นแต่ละอย่างยิงเข้ามาใส่เธอ เธอกดดันมากจริงๆ รีบไปดีกว่า ไม่เป็นก้างขวางคอพวกเขาแล้ว

คิดแบบนี้ เชอรีนจึงจับที่ลากกระเป๋าอีกครั้ง มืออีกข้างโบกมือให้วารุณีกับนัทธี“โอเควารุณี สายมากแล้ว ฉันต้องไปแล้วจริงๆ เจอกันนะ!”

“ไว้เจอกัน!”วารุณีก็โบกมือให้เธอด้วยรอยยิ้ม

เชอรีนโค้งตัวให้นัทธี ขอบคุณที่เขาช่วยเธอหาตั๋วเครื่องบินให้ จากนั้นยืดตัวขึ้นมา แล้วออกไปจากลานจอดเครื่องบินอย่างรวดเร็ว

พอเธอไป นัทธีจึงมองไปที่วารุณี“พวกเราก็ไปกันเถอะ”

วารุณีตอบอือ คล้องแขนของเขาก่อน แล้วเดินไปที่ช่อง VIPกับเขา

ส่วนมารุต ก็จูงมือเด็กคนละข้าง เดินตามอยู่ด้านหลังอย่างขมขื่น

และด้านหลังของพวกเขา ยังมีเจ้าหน้าที่ของสนามบิน ช่วยพวกเขาลากกระเป๋าเดินทาง

แป๊บเดียว ก็มาถึงโรงแรม

นัทธีจองห้องเพรสซิเดนท์สูทไว้หนึ่งห้อง พวกเขาสี่คนพ่อแม่ลูกพักด้วยกัน ก็มากเพียงพอแล้ว

ตอนนี้ก็มืดแล้ว แต่ในประเทศ ฟ้ากลับเพิ่งสว่าง

เด็กทั้งสองคนไม่ได้นอนบนเครื่องบินเท่าไหร่ พอถึงโรงแรม จึงรู้สึกง่วง

วารุณีก็เร่งพวกเขาให้เข้าไปนอน ยังไงก็ต้องอยู่ที่ต่างประเทศสองวัน จะต้องเจ็ตแล็กแน่นอน

เด็กทั้งสองทนต่อความง่วงไม่อยู่ จึงไปที่ห้องนอนอย่างเชื่อฟัง

วารุณีห่มผ้าให้เด็กทั้งสองคน แล้วก็โค้งเอวไปจูบหน้าของเด็กสองคนทีละคน แล้วจึงผิดประตูห้องออกไปเบาๆ

กลับไปที่ห้องนอนใหญ่ นัทธีก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เดินไปที่เตียง พร้อมกับพูดไปว่า:“อารัณกับไอริณหลับแล้วเหรอ?”

“อือ เพิ่งหลับค่ะ”วารุณีปิดปากหาว เริ่มง่วงหน่อยๆ

นัทธีเช็ดผม“ไปอาบน้ำเถอะ ผมรองน้ำให้คุณแล้ว”

ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆของเขา ทำให้ในใจของวารุณีรู้สึกอบอุ่น พยักหน้ายิ้มๆพูดว่า“ขอบคุณค่ะนัทธี”

พูดไป เธอก็เดินเข้าไป จับหน้าของเขา แล้วจูบไปที่หน้าผากเขา

สายตาของนัทธีเป็นประกาย กอดเอวของเธอขึ้นมาไว้ที่ช่วงขา ก้มหน้ามองเธอ“คุณกำลังอ่อยผมเหรอ?”

วารุณีส่ายหน้าอย่างหน้าแดง“เปล่านี่ ฉันแค่ขอบคุณคุณต่างหาก”

เธอก็ไม่คิดว่า การกระทำที่ไม่ตั้งใจของตัวเอง จะทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา

นัทธีเลิกคิ้วขึ้น“ขอบคุณที่ผมรองน้ำให้คุณ?”

“ใช่ค่ะ”

นัทธีหัวเราะเบาๆ“ดูเหมือนว่าผมรองน้ำให้คุณจะไม่ขาดทุน ไปอาบเถอะ”

เขาเอามือที่ไว้ตรงเอวเธอออกไป แล้วพยุงเธอขึ้นมา

สองเท้าของวารุณียืนอย่างมั่นคง แล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำทันที กลัวว่าวิ่งช้า ชายหนุ่มจะเสียใจภายหลัง

ชายหนุ่มมองแผ่นหลังเธอที่ตื่นตระหนก ริมฝีปากบางๆก็ยกขึ้นมา ดึงผ้าเช็ดตัวที่คอออก แล้วเช็ดผมต่อไป

ในห้องน้ำ วารุณีถอดเสื้อผ้าที่ตัวแล้วเข้าไปในอ่างอาบน้ำ ค่อยๆเอนตัวพิงที่ขอบอ่างอาบน้ำ

พอเธอเอนตัวไป เครื่องนวดด้านหลังก็ทำงานอัตโนมัติ นวดให้เธอ

“สบายจัง!”วารุณีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างสบายใจ บิดเอวและถอนหายใจยาวๆออกมาแล้ว จากนั้นหลับตาลงเพลิดเพลินกับมัน

ประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมา น้ำก็ค่อยๆเย็น เธอจึงลุกออกจากอ่างอาบน้ำอย่างไม่เต็มใจนัก สวมชุดคลุมอาบน้ำออกไป

พอออกมา ไฟที่ห้องนอนก็ปิดแล้ว มีแค่ไฟเล็กๆบนหัวเตียงที่สลัวบางๆยังสว่างอยู่ ส่วนนัทธี นอนลงแล้วไม่ขยับเลย เหมือนว่าจะหลับไป

วารุณีเดินเบาๆ ไปที่ข้างเตียงของนัทธีแล้วก้มหน้ามอง อยากจะดูว่าเขาหลับจริงไหม

ตอนที่เธอยื่นมือ อยากจะส่ายไปมาตรงหน้าเขา เพื่อทดสอบดู

นัทธีลืมตาขึ้นมาทันที แล้วก็มีประกายแวบเข้ามาในดวงตาของเขา คว้าข้อมือของเธอไว้แล้วออกแรงดึง

“กรี๊ด!”วารุณีร้องออกมาอย่างหวาดกลัว หลังจากพลิกกลับตาลปัตร ร่างกายก็เข้าไปนอนอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆ

เธอกะพริบตาอย่างตะลึง จากนั้นเบ้ปากอย่างเซ็งๆ“คุณหลอกฉัน คุณยังไม่หลับนี่?

นัทธีห่มผ้าให้เธอ หลับตาลงอีกครั้ง“ที่จริงก็จะนอน แต่เสียงเท้าของคุณปลุกผม”

“เป็นไปไม่ได้ ฉันเดินเบาขนาดนั้น”วารุณีจ้องกลับอย่างตอบโต้

นัทธีดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมแขน“หูของผมดีมาก โอเค นอนเถอะ ผมก็เหนื่อยหน่อยๆ”

คำพูดนี้ทำให้วารุณีหลับตาลงสำเร็จ

เธอเงยหน้ามองคิ้วที่ขมวดแน่นของเขา เปลือกตาสีดำจางบางๆกับใบหน้าที่อ่อนล้าเล็กน้อย จึงมีความรู้สึกทุกข์ใจ

ช่วงนี้ ถึงแม้เธอยุ่งจนตัวเป็นเกลียว เพราะเรื่องก่อตั้งบริษัท แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ไม่ผ่อนคลายเลยเช่นกัน

ไม่เพียงแต่ยุ่งเรื่องบริษัท แต่ยังต้องสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของคุณท่านบรรพตและพ่อแม่ของเขาด้วย ขณะเดียวกันก็ยังต้องสืบหาพินัยกรรมของคุณท่านบรรพตที่หายไปด้วย บางครั้งก็ยังต้องไปดูนวิยาที่โรงพยาบาลอีก เหนื่อยล้าทั้งกายและใจเป็นสองเท่า

วารุณียิ่งคิดก็ยิ่งสงสาร แต่ก็รู้ว่าตัวเองช่วยเขาไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจ คลายคิ้วที่ขมวดแน่นของเขา จากนั้นเอนไปที่อ้อมแขนของเขา หาตำแหน่งที่สบายได้ จึงหลับตาลง

“ฝันดีนะ!”เธอพูดพึมพำกับนัทธีเหมือนเสียงยุงบินไปมา

นัทธีก็ไม่ตอบสนองใดๆ

วารุณีก็ไม่ใส่ใจ เอามือวางไว้ที่เอวเขา

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นานจนวารุณีหลับไป จู่ๆนัทธีกลับลืมตามา สายตานั้นจ้องมองเธอ

หลังจากมองไปสักพัก ก็พูดว่าฝันดี ถือว่าตอบประโยคของเธอเมื่อกี๊ แล้วจึงหลับตาหลับลงไปอีกครั้ง

วันถัดมา ก็ถึงวันเกิดของเมอร์เซเดอ