บทที่ 300 ตู้เหิงหวาดกลัว
บทที่ 300 ตู้เหิงหวาดกลัว

เห็นได้ชัดว่าลู่หัวไม่ได้ยินความคิดในใจของอาเหลียง และพาหญิงสาวขึ้นฝั่งโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าคราวนี้จะไม่ได้นัดหมายกับตู้เหิง แต่กลับบังเอิญได้รู้จักกับคุณหนูรองแห่งจวนตู้อย่างไม่น่าเชื่อ

การพูดการจาและการกระทำของตู้หวู่ ล้วนส่อถึงสถานะของเจ้าตัว นางไม่มีท่าทีเกรงกลัวในฐานะคุณหนูต่างมารดาแม้แต่น้อย

ตรงกันข้ามยังใจกว้าง เอ่ยถึงสถานะของตัวเองอย่างไม่ละอาย

แม้แต่ใบหน้าที่งดงามนั้น ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกสนใจ

เมื่อเรือลำเล็กเทียบฝั่ง ลู่หัวลงจากเรือเป็นคนแรก จากนั้นก็ยื่นมือออกไปอย่างเอาอกเอาใจ ให้ตู้หวู่จับแขนของตัวเองลงจากเรือ

หญิงสาวยังยืนไม่มั่นคง จึงโซเซไปมา เขาจึงต้องรีบเข้าไปประคองไว้

ตู้หวู่รีบยืดตัวขึ้น และกล่าวด้วยความเกรงใจ “ขอบคุณคุณชายลู่เจ้าค่ะ”

ลู่หัวนึกย้อนกลับไปยังสัมผัสที่อ่อนนุ่มเพียงเสี้ยววินาทีเดียวนั้น และกลิ่นหอมที่อบอวลออกมาจากร่างกายของนาง จนต้องเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนอย่างอดไม่ได้ “แม่นางรองตู้เกรงใจเกินไป วันนี้แม่นางยอมรับคำเชิญมาทะเลสาบกับข้า ข้าดีใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว”

ทั้งสองคนยืนพูดคุยกันอยู่ริมฝั่งราวกับไม่มีคนนอก ต่างฝ่ายต่างไม่สังเกตเห็นว่าในศาลาที่อยู่ไม่ไกลนัก มีบรรยากาศอันเย็นยะเยือกปะทุขึ้นมาแม้แต่ลมก็ยังพัดผ่านไปไม่ได้

อาเหลียงไม่กล้าหายใจ รีบวิ่งออกจากศาลาตรงเข้ามาข้างกายลู่หัวและรีบรายงานทันที “นายน้อย แม่นางตู้มาขอรับ”

ใบหน้าของลู่หัวเปลี่ยนสีฉับพลัน ส่วนตู้หวู่นั้นรอยยิ้มอันงดงามยังค้างอยู่บนใบหน้า

กระทั่งได้ยินอาเหลียงใช้น้ำเสียงแผ่วเบา กระซิบข้างหูลู่หัว “แม่นางตู้ไม่สบายก็จริง แต่บอกว่าทนทรยศต่อเจตนารมณ์ของนายน้อยไม่ได้…เมื่อครู่ ท่าทางของนายน้อยและคุณหนูรองตู้ แม่นางตู้เห็นเต็มสองตาเลยขอรับ”

ลู่หัวผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชน เวลานี้จึงอดกระวนกระวายอยู่ในใจไม่ได้

กระทั่งเห็นตู้เหิงในชุดกระโปรงยาวสีอ่อนคล้ายกับของตู้หวู่ย่างกรายลงมาจากศาลา ดวงตาคู่งามยามไร้ผ้าคลุมหน้าบดบังคู่นั้น จับจ้องมายังพวกเขาสองคนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

ผ้าคลุมหน้าผืนนั้นหลุดตั้งแต่เมื่อไรกัน ตู้เหิงเอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือ “คุณชายลู่…เจ้า เหตุใดเจ้าถึงอยู่กับน้องสาวคนรองของข้า?”

เมื่อครู่ลู่หัวยังรู้สึกว่าตู้หวู่นั้นไม่เลวเลย แต่เมื่อยืนคู่กับตู้เหิง สีหน้าก็พลันหม่นหมองลงในชั่วพริบตา

เขาเดินมาตรงหน้าของตู้เหิง และรีบอธิบายทันที “แม่นางตู้อย่าเข้าใจผิด เมื่อครู่ข้ารอแม่นางอยู่ในศาลาตลอด บังเอิญเห็นแม่นางรองเข้าพอดี ข้ากับแม่นางรองเดิมทีก็ไม่ได้รู้จักมักจี่กัน เพียงแต่ครั้นเห็นใบหน้านั้น คล้ายกับของแม่นางตู้มาก…”

ตู้เหิงมีสีหน้าซีดเผือดลง คิ้วดุจกิ่งหลิวที่ตั้งใจวาดอย่างละเมียดละไมวันนี้ ขับให้ดวงตาคู่งามของนางแฝงไปด้วยความเศร้าหมอง พาให้รู้สึกสงสาร

นางส่ายหน้า น้ำเสียงยังคงสั่นเครือ และเอ่ยถามว่า “คุณชายลู่รอข้าไม่ได้ จึงเชิญผู้อื่นขึ้นเรือหรือเจ้าคะ?”

ตู้หวู่เห็นท่าทางเสแสร้งแกล้งทำของพี่สาวต่างมารดา ก็พลันโมโหจนต้องขบฟันแน่น

ยามปกตินางไม่ได้เทิดทูนพี่สาวคนโตอยู่แล้ว นางต้องเสแสร้งทำเป็นอ่อนแอถึงเพียงนี้เลยหรือ? เหตุใดวันนี้ถึงต้องแต่งกายเช่นนี้? ชุดกระโปรงคลุมยาวนั้นช่างคล้ายคลึงกับนางมากทีเดียว ทั้งยังตั้งใจให้เหนือกว่านาง จะไม่เรียกว่าตั้งใจได้อย่างไร?

ตู้หวู่ข่มโทสะเอาไว้ในอก และเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “พี่หญิงอย่าเข้าใจผิด ข้าและคุณชายลู่ไม่มีอะไรกันจริง ๆ พี่หญิงมักชอบคิดมากเช่นนี้ ไม่ดีต่อสุขภาพของท่านนะเจ้าคะ”

ตู้เหิงได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็พลันเย็นชาทันใด

“แม้ข้าจะเป็นพี่น้องกับเจ้า แต่ก็ต่างมารดากัน ยามเจ้าเจอข้า กลับขานเรียกพี่หญิงอย่างไม่ให้เกียรติ นี่ยังกล้าสั่งสอนข้าอีกหรือ?”

ใบหน้าที่ดูอ่อนล้าของนางแสดงสีหน้าเคร่งขรึม นัยน์ตาคู่งามก็แฝงไปด้วยความโกรธซึ่งแตกต่างจากความเย็นเยือกดุจน้ำแข็งทางสีหน้า ทำให้ในใจของลู่หัวอ่อนยวบลงฉับพลัน

เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใด พยายามโน้มน้าวอย่างอ่อนโยน “แม่นางตู้อย่าเพิ่งมีโทสะ สุขภาพไม่ดีอยู่ไม่ใช่หรือ? เข้าไปนั่งคุยกันในศาลาดีกว่าไหม?”

ขณะพูดนั้น ลู่หัวได้เดินเข้ามาใกล้ ทำท่าจะประคองตู้เหิง

ตู้เหิงเบี่ยงตัวหลบทันใด นัยน์ตาคู่งามฉายแววปฏิเสธ “คุณชายลู่ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังสั่งสอนน้องต่างมารดาผู้ไม่รู้กฎระเบียบอยู่? คุณชายลู่ยังคิดจะช่วยพูดแทนนางอีกหรือ?”

ลู่หัวไม่สนใจสายตาของตู้หวู่แต่อย่างใด เขายังคงปลอบโยนด้วยเสียงที่อ่อนลง “ข้าไม่กล้า ภูมิหลังของจวนตู้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางเข้าไปแทรกแซงเด็ดขาด”

ตู้หวู่ยังคงเงียบมาตลอด จู่ ๆ สีหน้าก็พลันซีดเผือดลงทันใด

ชีวิตของนางสุดจะทน เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงแสดงความรู้สึกต่อหน้าลู่หัวอย่างไร้ความปรานี ตู้เหิงยังไม่ยอมเลิกรา นางต้องการทำให้อีกฝ่ายจมดินโคลนไม่มีโอกาสได้ผุดขึ้นมาหายใจ

ในใจของลู่หัวเกิดการเปรียบเทียบ นางจะสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ครั้นเห็นตู้หวู่ไม่พูดสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว ในใจของตู้เหิงก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

นางยิ้มอย่างเยือกเย็นอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับยังแสดงออกถึงความเป็นหญิงผู้สูงศักดิ์ และหยิ่งยโส นางกล่าวสั่งสอนอีกฝ่ายว่า “สถานะของข้าและคุณชายลู่เท่าเทียมกัน ทั้งสองคนคบหากัน ล้วนแต่ต้องรายงานให้อาวุโสที่บ้านรับรู้เสมอ เจ้าอยู่ในสถานะอะไร? อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่ตัวเองออกไปมีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัวกับชายอื่นโดยปิดบังที่บ้าน ก็มากพอที่ข้าจะรายงานท่านย่า แล้วส่งเจ้าไปขังอยู่ในศาลบรรพบุรุษเป็นเวลาสิบวันได้แล้ว!”

ตู้หวู่เพิ่งสังเกตเห็นว่าข้างกายของตู้เหิงมีสาวใช้ถึงสี่คน มีสามคนที่ไม่ใช่สาวใช้ที่นางมักจะใช้เป็นประจำ ถ้ารายงานให้ฮูหยินใหญ่รู้เข้า ต่อให้ตู้หวู่ได้รับความโปรดปรานมากเพียงใด ก็ต้องถูกลงโทษยกหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่

นางรู้สึกกระวนกระวายใจไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “พี่หญิง เรื่องในวันนี้อาหวู่ผิดเอง…”

ไม่ทันรอให้นางพูดจบ ตู้เหิงได้เอ่ยอย่างเย็นชาขึ้นว่า “จะถูกหรือจะผิด ก็ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของที่บ้าน! ชื่อเสียงลูกสาวของตระกูลตู้ เจ้าจะมาทำลายเพราะเรื่องส่วนตัวได้อย่างไร?”

วันนี้ตู้เหิงจงใจพาพรรคพวกออกมา หนึ่งในนั้นเป็นผู้สอดแนมของฮูหยินใหญ่ในจวนตู้

วันนี้ตู้เหิงตั้งใจปล่อยตู้หวู่ไป เพราะอย่างไรเรื่องนี้จะต้องรู้ถึงหูของฮูหยินใหญ่แน่นอน

ลู่หัวเห็นท่าทางที่แตกต่างกันของสองพี่น้องคู่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตู้เหิงที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อเขาสัมผัสกับหญิงสาวคนอื่น ความหึงหวงก็เริ่มทำงาน

ในใจของชายหนุ่มรู้สึกดีใจอยู่เลือนราง และโยนตู้หวู่ผู้นี้ทิ้งไป ตอนนี้เขาแค่พยายามโน้มน้าวตู้เหิงอย่างอ่อนโยน “แม่นางตู้ แม้ว่ากฎระเบียบภายในตระกูลจะเข้มงวด แต่สุขภาพร่างกายของแม่นางจะละเลยไม่ได้เด็ดขาด สายลมที่รุนแรงเพียงนี้ สู้เรากลับจวนกันก่อนดีกว่า?”

ดวงตาคู่งามของตู้เหิงดูโง่งมไปชั่วขณะ น้ำเสียงก็เหมือนกับตะขอ ทั้งเย็นทั้งบอบบาง “วันนี้คุณชายลู่ได้พบกับสตรีอื่นแล้ว เช่นนั้นข้าไม่รบกวนดีกว่า”

กล่าวจบ นางก็สั่งสาวใช้ด้านหลังว่า “เรียกคนขับรถม้า กลับจวน!”

ในบรรดาสาวใช้ทั้งสี่ ปกติอาซู่ที่เชื่อฟังที่สุดก็ยังไม่กล้าเคลื่อนไหว มีคนกุลีกุจอวิ่งไปตามคนขับรถม้าเสียแล้ว ส่วนสาวใช้อีกคนก็เก็บเบาะรองนั่งในศาลา เตรียมความพร้อมอย่างขะมักเขม้น

หลัวจากที่ตู้เหิงระบายอารมณ์เหมือนคุณหนูใหญ่เอาแต่ใจใส่ตู้หวู่แล้ว ก็ไม่สนใจการเอ่ยรั้งของลู่หัวอีก แต่ตรงกลับจวนทันที

เหลือเพียงตู้หวู่ที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยความลำบากใจ และลู่หัวผู้ที่มีจิตใจล่อยลอยไปตามตู้เหิงแล้ว ต่างไม่มีสิ่งใดจะพูดชั่วขณะ

เมื่อตู้หวู่กลับถึงจวนแล้ว สิ่งนางต้องเผชิญก็คือ บทลงโทษในตระกูลของฮูหยินใหญ่

นับแต่บัดนี้ไปความสมัครสมานระหว่างตู้เหิงและน้องต่างมารดาจะต้องถูกทำลาย แม้แต่ลูกหลานของอนุภรรยาคนอื่นในตระกูล ครั้นเห็นตู้เหิงโจมตีอย่างฉับพลันเช่นนี้ ต่างก็เกิดความกลัวต่อนางทั้งนั้น

ช่วงนี้สุขภาพร่างกายของฮูหยินใหญ่ไม่ค่อยสู้ดี อนุภรรยาในตระกูลต่างก็พากันเงียบสงบ ตำแหน่งภายในจวนของตู้เหิง เริ่มกำเริบเสิบสานขึ้นมาเลือนราง

แม้ว่าเรื่องราวจะผ่านไปแล้วสามถึงห้าวัน แต่ตู้เหิงก็ยังไม่สามารถสงบลงได้ภายในสองสามวันนี้

“คุณหนู วันนี้คุณชายลู่ส่งคนมาเชิญคุณหนูอีกแล้ว คุณหนูจะไม่ไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ?”

ในช่วงสามวันนี้อาซู่เห็นท่าทีเด็ดเดี่ยวของตู้เหิงในสายตาตลอด สำหรับคำสั่งของคุณหนู ต้องเชื่อฟัง

ตู้เหิงส่ายหน้า แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ไม่ไป”

อาซู่ตอบรับ แล้วออกไปบอกกล่าวอีกฝ่าย

ไม่นาน นางก็เข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยเสียงต่ำ “คุณหนูให้ข้าไปสอบถามการเคลื่อนไหวของจวนเซี่ยไม่ใช่หรือเจ้าคะ? หลายวันนี้คุณชายหลินมักจะออกไปข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง ออกไปทีก็ไปทั้งวัน”

ตู้เหิงเลิกคิ้วสูง “อือ? แล้วในช่วงสามวันนี้คุณชายหลินออกไปทำสิ่งใด?”

อาซู่เล่าอย่างละเอียด “มักจะออกไปศาลาว่าการอยู่เสมอ ได้ยินว่าไปช่วยสืบคดีความ ส่วนจะเป็นคดีความอะไรนั้น คนของเราก็ยากจะสืบหาเจ้าค่ะ”

สาวใช้ไม่แน่ใจว่าเมื่อสองสามวันก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้น แค่เกิดความสงสัยและไม่เข้าใจเท่านั้น

ตู้เหิงดื่มชาอย่างใจเย็น โดยไม่ชะล่าใจ

นางจึงถามต่อว่า “แม่นางเหยาละ? สองสามวันนี้นางทำสิ่งใด?”

อาซู่ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “แม่นางเหยาอยู่แต่ในจวนไม่ออกไปไหนเลยเจ้าค่ะ เด็กรับใช้ในจวนเซี่ยไม่ค่อยชอบพูด เรื่องราวต่าง ๆ ข้าเลยถามอะไรได้ไม่มาก”

ตู้เหิงไม่กล่าวโทษนาง แต่ถามคำถามทั่วไปอีกสองสามคำถาม แล้วให้นางออกไป

ก่อนที่อาซู่จะหมุนตัว จู่ ๆ ก็นึกเรื่องหนึ่งได้ เลยเกิดความลังเลที่จะพูดออกไป

ตู้เหิงปรายตามอง “เป็นอะไร?”

สาวใช้มีสีหน้าลำบากใจ “ช่วงสองสามวันที่ข้าไปจวนโจว ไม่ค่อยเห็นโจวหลาย…..ถามเด็กรับใช้จวนโจวคนอื่น ต่างก็บอกว่าไม่รู้ว่าเขาไปไหน ว่าแต่คุณหนูสั่งให้เขาไปทำอะไรหรือเจ้าคะ”

ตู้เหิงเลิกคิ้วสูงทันใด นิ้วมือเรียวยาวดุจหยกขาว เคาะจอกชาเบา ๆ

นางขมวดคิ้วพลางถามอาซู่ “ไม่เจอโจวหลาย หมายความว่าอย่างไร?”

อาซู่ตกใจกับปฏิกิริยาเช่นนี้ของคุณหนู จึงรีบอธิบายทันที “คราวที่แล้วหลังจากไปส่งข่าวให้โจวหลายแทนคุณหนูแล้ว เช้าวันถัดไปก็ตั้งใจจะไปถามเขาถึงวิธีการทำวุ้นซานจาของจวนโจว… เด็กรับใช้ในจวนบอกว่าเขาออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ วันต่อมาข้าเลยไปหาอีกครั้ง โจวหลายก็ไม่อยู่เจ้าค่ะ”

ลมหายใจของตู้เหิงหอบถี่อย่างรุนแรง ในใจค่อย ๆ เกิดความเป็นไปได้บางอย่าง

หรือว่าในตอนที่โจวหลายกำจัดหยางซิน จะถูกคนอื่นเห็นเข้า? การหายตัวของเขา คงจะไม่เกี่ยวข้องกับหลินเหราหรอกนะ?

นางไม่สบอารมณ์นัก จึงซักไซ้ไล่ถาม “โจวหลายกลับบ้านแล้วหรือ? หรือว่าจวนโจวส่งเขาออกไปทำภารกิจ?”

อาซูส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ ข้าถามมาแล้ว…”

ตู้เหิงกัดริมฝีปากล่างแน่น ความเจ็บปวดทำให้นางตื่นตัวอย่างฉับพลัน สติสัมปชัญญะค่อย ๆ ก่อตัว พยายามข่มความหวาดกลัวอยู่ในใจ

ดวงตาคู่สวยของนางจับจ้องมายังอาซู่ พลางพูดว่า “สองสามวันนี้เจ้าส่งคนไปเฝ้าจวนโจว ถ้ามีข่าวของโจวหลาย ให้มาบอกข้าทันที!”

อาซู่ตอบรับ “เจ้าค่ะ ข้าจะสั่งคนให้ไปจัดการเดี๋ยวนี้”

หลังจากที่อาซู่ออกไปแล้ว ตู้เหิงรีบเท้าโต๊ะพยุงตนเองทันที พร้อมกับหายใจเข้าเฮือกใหญ่

มือเรียวยาวของนางที่สั่นระริกเล็กน้อยได้กุมหน้าอกไว้ พร้อมกับพึมพำเสียงต่ำ “ข้าน่าจะรู้ก่อน…หลินเหรานั้นมีไหวพริบดี เขาจะต้องสืบเจอบางอย่าง…”

คิดได้เช่นนี้ ดวงตาคู่สวยของตู้เหิงค่อย ๆ รื้นด้วยหยาดน้ำตา ความสิ้นหวังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาในหัวใจ ทำให้นางไม่สามารถหายใจได้เป็นปกติ

“ถ้าเขาสืบเจอ จะทำอย่างไร?”

…………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ก่อนจะสั่งสอนน้องสาวต่างมารดาว่าทำตัวหน้าไม่อาย สั่งสอนตัวเองที่คิดจะแย่งสามีชาวบ้านก่อนเลยนังตู้

เธอจะเจ้าเล่ห์แค่ไหนเราไม่รู้ รู้แต่ว่าเธอเตรียมตัวตายเป็นงูเหลือมโดนทุบได้เลยนังตู้เหิง เล่นทำร้ายกล่องดวงใจหลินเหราเสียขนาดนั้น ตอนนี้เขาเตรียมมาทุบหัวเธอแล้วถลกหนังไปขึงกระบอกซอแล้วล่ะ

ไหหม่า(海馬)