“มีการเคลื่อนไหว!” ทันใดนั้นเองพวกเฉียวถิงที่กำลังมุ่งหน้ามาทางหลิงหลานสัมผัสได้ว่าใต้เท้าของตัวเองเกิดแรงสั่นสะเทือน
ทุกคนต่างเคร่งเครียด เนื่องจากบนเรดาร์ของพวกเขายังคงว่างเปล่า ตรวจสอบไม่ได้เลยว่าแรงสั่นสะเทือนพวกนี้เกิดจากอะไรกันแน่
แรงสั่นสะเทือนจากที่เอื่อยเบาในตอนแรก หลายวินาทีให้หลังก็เปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้น พวกเฉียวถิงรู้ดีว่ากำลังมีอะไรบางอย่างปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าพวกเขาแล้ว
“บัดซบ การค้นหาของเรดาร์พวกเราขัดข้องหมดเลย” จนกระทั่งบัดนี้ พวกเฉียวถิงถึงค่อยรู้ความเป็นจริงข้อนี้ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดผลลัพธ์นี้เป็นเพราะผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันบล็อกแหล่งสัญญาณทั้งหมดของเขตพื้นที่แห่งนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิงหลานมีสิ่งมหัศจรรย์อย่างเสี่ยวซื่อละก็ เธอก็คงเป็นเหมือนกับพวกเฉียวถิง รอจนกระทั่งประจันหน้ากันถึงค่อยสังเกตเห็นพวกเฉียวถิง
“เตรียมตัวต่อสู้!” เฉียวถิงออกคำสั่งทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เตรียมตัวต่อสู้ไว้ก่อนย่อมไม่ผิด แน่นอนว่าเฉียวถิงยืนยันได้ว่า สิ่งที่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนใหญ่ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันผู้นั้น เมื่อไม่มีการคุกคามของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชัน ท่าทีแสดงออกของเฉียวถิงเลยสุขุมมีเหตุผล
“ครับ หัวหน้ากลุ่ม!” ความเยือกเย็นของเฉียวถิงทำให้พวกสมาชิกกลุ่มคนอื่นๆ ใจเย็นขึ้น พวกเขาทยอยหยิบอาวุธจากด้านหลังขึ้นมา เตรียมตัวเผชิญหน้ากับศัตรูที่โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกันว่าจะเป็นฝ่ายพันธมิตร แต่พวกเขาตกใจกับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันไปแล้ว สภาพจิตใจจึงตึงเครียดมาโดยตลอด ไม่กล้าผ่อนคลาย
หุ่นรบตัวหนึ่งที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดซึ่งเป็นสมาชิกตำแหน่งหัวหอกของกลุ่มเห็นรูปลักษณ์ของผู้ที่มาเป็นคนแรก แววตาของเขาเผยร่องรอยความตื่นเต้นยินดีออกมา รีบรายงานในช่องสื่อสารทีมว่า “ลักษณะภายนอกของหุ่นรบ ยืนยันว่าเป็นหุ่นรบฝึกหัดของโรงเรียนทหารแน่นอน ระดับสูงมีอยู่ห้าตัว! และอีกตัวที่โผล่มา หุ่นรบตัวนั้นเป็น หุ่นรบไพ่ราชา!”
เมื่อพวกสมาชิกกลุ่มได้ยินว่าหุ่นรบที่อีกฝ่ายขับคือหุ่นรบฝึกหัดระดับสูงของโรงเรียนทหาร ในใจพวกเขาก็สงบลงทันที ทว่าข้อมูลสุดท้ายที่หุ่นรบหัวหอกตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสูงต่อจากนั้นกลับทำให้ทุกคนตะลึงงันไปแล้ว…
เนื่องจากทุกคนต่างรู้ว่า ทั่วทั้งโรงเรียนทหารมีเพียงหัวหน้ากลุ่มพวกเขา ราชันสายฟ้าเฉียวถิงของเหลยถิงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติบังคับหุ่นรบไพ่ราชา พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในโรงเรียนทหารยังมีคนที่สองที่สามารถควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้ด้วย หรือว่าคนที่ขับอยู่ข้างในคืออาจารย์?
พวกเขาคิดถึงข้อนี้เป็นอันดับแรก แต่ก็ล้มเลิกไปทันที เพราะว่าอาจารย์หุ่นรบไพ่ราชาในโรงเรียนทหารต่างมีหุ่นรบไพ่ราชาของตัวเอง พวกเขาย่อมไม่เลือกบังคับหุ่นรบฝึกหัดที่มีการติดตั้งด้านต่างๆ อ่อนแอกว่าหุ่นรบไพ่ราชาที่กองทัพใช้แบบนี้แน่นอน
คนที่อยู่ข้างในกำลังควบคุมข้ามระดับอยู่หรือไง? เมื่อกำจัดความเป็นไปได้ว่าอาจารย์บังคับ สิ่งที่พวกเขาสามารถนึกโยงได้ก็คือเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อพวกเขาเห็นการเคลื่อนไหวของหุ่นรบไพ่ราชาตัวนั้นก็ปฏิเสธการคาดการณ์ของตัวเองอีกครั้ง เนื่องจากหุ่นรบไพ่ราชาตัวนั้นเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ ไม่มีร่องรอยความรู้สึกชะงักงันเลย นี่หมายความว่าผู้ควบคุมที่อยู่ด้านในควบคุมได้สบายมากๆ นี่เป็นสิ่งที่การควบคุมข้ามระดับไม่อาจทำได้ เพราะว่าหากเป็นการข้ามระดับ พวกเขาจะบังคับได้ยากลำบากมาก ทุกฝีก้าวจะเผาผลาญพลังจิตและเรี่ยวแรงของผู้ควบคุมอย่างมหาศาล ไม่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกไหลลื่นเป็นธรรมชาติแบบนี้ได้
พวกเฉียวถิงยังไม่ทันคิดคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เผชิญหน้ากันในชั่วพริบตา เมื่อฝ่ายตรงข้ามอยู่ห่างประมาณหนึ่งร้อยเมตร ทันใดนั้นพวกเขาก็ชะงักเท้าลง หุ่นรบหกตัวประจันหน้ากับพวกเขาอยู่ห่างๆ ไม่ได้เลือกเข้ามาใกล้
ขณะที่เฉียวถิงคิดจะเข้าไปสอบถามก่อน ทันใดนั้นเองอากาศบนฟ้าเหนือพวกเขาพลันเกิดการกระเพื่อมเล็กน้อย หุ่นรบระดับราชันที่หายไปตัวนั้นโผล่ขึ้นตรงหน้าพวกเฉียวถิงอีกครั้ง
พอเห็นหุ่นรบระดับราชันที่ดูคุ้นเคยตัวนี้ สีหน้าของพวกเฉียวถิงก็ซีดเผือดในพริบตา ต่อให้เป็นเฉียวถิง หัวใจก็อดดังตึกตัก ร้องโหยหวนเสียงดังไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าพวกเขายังหนีเงื้อมมือมารของอีกฝ่ายไม่ได้ หรือว่าวันนี้พวกเขาจะต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆ?
ในใจพวกเฉียวถิงอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันที่อยู่บนฟ้าพลันเอ่ยปากพูดว่า “พวกนายสองทีมฟังให้ดี ขอเพียงสามารถสังหารทุกคนในทีมฝ่ายตรงข้ามได้ พวกนายก็จะมีคุณสมบัติรอดชีวิตต่อไป ไม่อย่างนั้น ฉันจะเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง เวลานั้นพวกนายสองทีมจะไม่มีใครรอดเลยสักคน”
เฉียวถิงได้ยินคำกล่าวแววตาก็หดลง ไม่นึกเลยหุ่นรบระดับราชันพาอีกฝ่ายมาก็เพราะอยากเห็นพวกเขาเข่นฆ่ากันเอง ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนขับหุ่นรบฝึกหัดไพ่ราชาตัวนั้นกันแน่ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทีมนี้เป็นนักเรียนโรงเรียนทหารเหมือนกับพวกเขา
เดิมทีพวกเขาสองทีมเป็นสหายร่วมรบที่สามารถเชื่อใจมอบแผ่นหลังให้กันได้ ทว่าตอนนี้กลับถูกบีบบังคับให้เลือกต่อสู้กันด้วยชีวิต...
ต้องฆ่าพวกเขาจริงๆ เหรอ? เฉียวถิงสับสนในใจไปชั่วขณะ หากมีความหวังรอดชีวิตต่อไป เขาย่อมไม่อยากตาย เขาเชื่อว่า พวกเขาสิบสามคนต่อสู้กับอีกฝ่ายหกคนย่อมสามารถคว้าชัยชนะมาได้ในท้ายที่สุด เพราะว่านอกจากหุ่นรบไพ่ราชาหนึ่งตัวแล้ว อีกห้าตัวล้วนเป็นหุ่นรบระดับสูง ส่วนทางฝั่งเหลยถิง นอกจากเขาที่เป็นหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็นหุ่นรบระดับพิเศษ ไม่ว่าจากจำนวนคนหรือว่าระดับของหุ่นรบ ล้วนเป็นฝั่งพวกเขาที่ยึดครองความได้เปรียบอย่างแน่นอน
แต่ว่าเพื่อความอยู่รอดแล้ว ต้องฆ่าเพื่อนร่วมโรงเรียน เพื่อนร่วมรบในอนาคตของตัวเองจริงๆ เหรอ? เฉียวถิงสั่นยะเยือกฉับพลัน เขาไม่อาจจินตนาการว่ามือของตัวเองเปื้อนเลือดของเพื่อนได้ ถ้าเกิดทำแบบนั้นจริงๆ ละก็ เขาจะต่างอะไรกับอสูรร้ายล่ะ?
“คนเราต้องมีสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำและมีสิ่งที่ไม่อาจจะกระทำได้!” “ในเมื่อตัดสินใจเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบ ก็ต้องมีความตั้งใจที่จะสละชีวิตตั้งแต่แรกแล้ว” คำพูดที่เต็มไปด้วยความเข้มงวดของอาจารย์ถังอวี้พลันดังขึ้นที่ข้างหูของเขา ทำให้เฉียวถิงได้สติกลับมา
ใช่แล้ว ถ้าเกิดพวกเขาทำอย่างที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันว่าไว้จริงๆ เลือกเข่นฆ่ากันเองเพื่อเอาชีวิตรอดละก็ ต่อให้สุดท้ายโชคดีรอดชีวิตไปได้ แต่ความศรัทธาของตัวเองก็ถูกบดขยี้อย่างไร้ความปรานีเช่นกัน
แววตาของเฉียวถิงเปลี่ยนจากมึนงงสับสนมาเป็นแจ่มแจ้งกระจ่างใส จากความลังเลมาเป็นความแน่วแน่…หลังจากเงียบไปหลายวินาที ในที่สุดเฉียวถิงก็เอ่ยปากตอบกลับมาว่า “ฉัน ขอปฏิเสธ!” ถึงแม้เฉียวถิงเย่อหยิ่งอวดดีมาก เป็นอัจฉริยะที่ชอบควบคุมทุกอย่างในฝ่ามือ สามารถใช้วิธีการต่ำช้าบางอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่เขาไม่มีทางใช้ชีวิตเพื่อนมาแลกเปลี่ยนเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไปแน่นอน
เสียงปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวของเฉียวถิงทำให้แววตาหลิงหลานมีร่องรอยความนับถือพาดผ่านอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการปฏิเสธของเขาเท่ากับตัดสินใจว่าจะทิ้งชีวิตของตนเอง ไม่ว่ามองจากด้านไหน กลุ่มของเฉียวถิงย่อมเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอยู่แล้ว
คำพูดของเฉียวถิงทำให้คนในกลุ่มของเขาส่งเสียงอุทานออกมาหลายเสียง แต่ไม่นานก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง บางทีข้อเสนอแนะของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอาจทำให้สมาชิกกลุ่มของเฉียวถิงหวั่นไหวอยู่บ้างจริงๆ ทว่าเมื่อเฉียวถิงปฏิเสธ ถึงแม้พวกเขารู้สึกเสียดาย แต่กลับโล่งใจมากกว่า
ถึงแม้เฉียวถิงเลือกเข่นฆ่าคู่ต่อสู้อาจจะทำให้พวกเขารอดชีวิตได้จริงๆ แต่ว่าหลังจากที่เรื่องราวสิ้นสุดลง พวกเขาต้องแบกรับความทรมานทางจิตใจ ถึงขนาดที่พวกเขายังต้องหวั่นเกรงว่า สักวันหนึ่งในอนาคต เฉียวถิงจะขายพวกเขาออกไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือเปล่า
คำพูดของเฉียวถิงทำให้แววตาผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันเย็นชาทันที เขายกกระบอกปืนในมือขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว เล็งไปที่เฉียวถิงและกล่าวพลางหัวเราะหยันว่า “ไม่นึกเลยว่าจะกล้าปฏิเสธฉัน ฉันโมโหมาก ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็เริ่มจากนายเลยละกัน!” กล่าวจบ เขาก็เหนี่ยวไกปืน ลำแสงที่ทรงอานุภาพอย่างยิ่งยวดสายหนึ่งยิงออกมาจากปากกระบอกปืนฉับพลัน
เฉียวถิงเห็นดังนั้นก็บังคับหุ่นรบให้หลบทันที ทว่าความเร็วในการยิงโจมตีของอีกฝ่ายรวดเร็วสุดขีด ความเร็วนี้เหนือกว่าความเร็วการโจมตีด้วยปืนลำแสงของหุ่นรบไพ่ราชาเสียอีก นี่ทำให้เฉียวถิงเตรียมตัวไม่เพียงพออยู่บ้าง ถึงแม้เขาทำการหลบอย่างสุดชีวิตแล้ว แต่ก็หลบได้เพียงจุดสำคัญของหุ่นรบเท่านั้น ทันทีที่เห็นว่าขาซ้ายของเฉียวถิงกำลังจะถูกยิง เบื้องหน้าเขาพลันปรากฏดาบเหล็กยักษ์เล่มหนึ่งที่บินควงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสกัดกั้นที่ด้านหน้าลำแสงสายนั้นอย่างพอดิบพอดี
เสียง ‘ตูม’ ดังสั่น ดาบยักษ์ร่วงลงพื้นฉับพลัน ดาบยักษ์ในเวลานี้มองรูปลักษณ์ของดาบยักษ์ไม่ออกแล้ว ดาบยักษ์ที่มีค่าความทนทานเหนือกว่าเปลือกหุ้มด้านนอกของหุ่นรบทั่วไป ถึงแม้ว่าจะหักล้างพลังงานของลำแสงสายนั้นแล้ว แต่พลังงานมหาศาลด้านในยังคงทำให้ดาบยักษ์ละลายกลายเป็นก้อนเหล็กขนาดใหญ่ที่แข็งตัว ถึงขนาดที่ยังมีรูเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงกลางจำนวนหนึ่งอีกด้วย
ในที่สุดพลังงานลำแสงก็หายไป เฉียวถิงมองดาบเหล็กขนาดมหึมาที่ตกลงมาตรงเท้าของตัวเองด้วยความสะพรึงกลัว…โอ๊ะ ไม่สิ ตอนนี้ได้แต่พูดว่าเป็นเหล็กก้อนยักษ์เท่านั้น พอมองออกได้รางๆ จากปลายทั้งสองฝั่งเท่านั้นว่ามีรูปลักษณ์ของดาบเล่มหนึ่งอยู่ เขารู้ว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะดาบยักษ์ที่จู่ๆ โผล่ออกมาเล่มนี้ละก็ หุ่นรบของเขาจะต้องถูกทำลายต่อหน้าต่อตาในการโจมตีเมื่อสักครู่นี้อย่างแน่นอน ถึงขนาดที่โชคร้ายอาจจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตตัวเองด้วย
เฉียวถิงอดมองไปยังหุ่นรบไพ่ราชาที่กองทัพใช้ฝึกหัดอีกตัวไม่ได้ แววตาเผยร่องรอยความซาบซึ้งใจออกมา การกระทำเช่นนี้ของอีกฝ่ายได้บ่งบอกจุดยืนของพวกเขาแล้วว่า ไม่อยากเข่นฆ่าเพื่อนร่วมโรงเรียนเช่นกัน
อย่างที่คิดไว้เลย เฉียวถิงได้รับคำขอติดต่อจากอีกฝ่ายต่อจากนั้นทันที ถึงแม้เฉียวถิงไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้วิธีการอะไรเชื่อมต่อช่องสื่อสารทีมของพวกเขา แต่หลังจากที่สามารถทำการพูดคุยกับอีกฝ่าย ยืนยันร่วมมือกันต่อกรกับศัตรูแล้ว ทุกอย่างนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
หลิงหลานอธิบายสถานการณ์ให้เฉียวถิงฟังสั้นๆ หลังจากที่ยืนยันการร่วมมือกันแล้ว เธอก็ถามเสี่ยวซื่อด้วยความร้อนใจว่า ติดต่อพ่อของเธอได้หรือยัง
เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจร้อนรนจนหลั่งเหงื่อชุ่มแผ่นหลังเช่นกัน รู้ว่าชีวิตของเขากับลูกพี่ตกอยู่ในช่วงเวลาวิกฤติ เสี่ยวซื่อที่เดิมทีไม่ควรรู้ว่าความตึงเครียดคืออะไร ไม่อาจควบคุมอารมณ์ของตัวได้จริงๆ แผ่นชิปที่เป็นชีวิตร่างหลักเกิดความร้อนสูงอีกครั้ง…
“ลูกพี่ ยังไม่สำเร็จเลย โปรแกรมรักษาความลับของหุ่นรบขั้นเทวะแข็งแกร่งมากเกินไป ฉันไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของฝั่งตรงข้ามได้” เสี่ยวซื่อปาดเหงื่อที่หน้าผาก รีบตอบกลับมา
“นายแค่ต้องส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปให้พ่อก็พอแล้ว” หลิงหลานได้ยินคำกล่าว หน้าผากที่เดิมทีเต็มไปด้วยเหงื่อก็หลั่งเหงื่อออกมาเยอะมากอีกครั้งในชั่วพริบตา ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวซื่อจะทำพลาดท่ามกลางความเร่งด่วน เลือกหนทางที่ยากที่สุด ลองคิดดูสิ หุ่นรบที่พ่อของเธอขับคือหุ่นรบขั้นเทวะ ถ้าเกิดโปรแกรมออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของหุ่นรบขั้นเทวะถูกเจาะได้ง่ายขนาดนั้น มันยังเป็นหุ่นรบขั้นเทวะอีกเหรอ?
คำพูดของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่อตัวแข็งทื่อทันที เขาพลันพบว่าตัวเองทำเรื่องโง่เง่าไปแล้ว ใช่แล้ว เขาแค่ต้องบอกพิกัดของพวกเขากับข่าวเรื่องที่ตกอยู่ในอันตรายให้พ่อเท่านั้นก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่จำเป็นต้องทำการพูดคุยกับอีกฝ่ายเลยนี่นา…
ที่แท้ เสี่ยวซื่อที่ชินกับการเจาะเข้าไปในหุ่นรบของฝ่ายตรงข้าม เชื่อมต่อช่องสื่อสารของอีกฝ่ายเพื่อทำการสื่อสารโดยตรง กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาแค่ส่งข้อความก็สามารถทำให้หลิงเซียวมุ่งหน้ามาช่วยชีวิตได้แล้ว…
“ลูกพี่ ฉันจะส่งข้อความเดี๋ยวนี้ล่ะ” เสี่ยวซื่อเสียใจจนไม่กล้ามองตาของหลิงหลานเลย เขาจะต้องโดนลูกพี่ดูถูกอย่างแน่นอน ทำไมเขาถึงโง่ขนาดนี้นะ? ในใจเสี่ยวซื่อขมุกขมัวชั่วขณะ อนาคตที่เดิมทีงดงามรุ่งโรจน์เปลี่ยนเป็นดำทะมึนขึ้นมาทันที เขาอาจจะถูกลูกพี่เตะลงจากบัลลังก์ลูกน้องอันดับหนึ่งแล้วก็ได้