บทที่ 338 พบเจอฮูหยินกู้

กู้หวนเนี่ยนเดินเข้าไปในจวนสกุลกู้ ร่างๆ หนึ่งถลาเข้ามาหาเขาราวกับผีเสื้อ เขาเอื้อมมือไปจับนางพยุงไว้ไม่ให้ล้ม เป็นกู้อิ๋นที่วิ่งเข้ามาหาเขา

“เจ้าโตแล้ว อีกเพียงสองเดือนก็เข้าพิธีวิวาห์ เหตุใดเจ้ายังซุ่มซ่ามอยู่เช่นนี้อีก” กู้หวนเนี่ยนดีดหน้าผากน้องสาวเบาๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

“ท่านพี่ ต่อให้ข้าอายุมากขึ้น ข้าก็ยังเป็นน้องสาวของท่านอยู่เช่นเดิม”

กู้อิ๋นพูดอย่างออดอ้อน นางมองของที่กู้หวนเนี่ยนถือมา ดวงตาเป็นประกาย

“นั่น…”

“ขนมที่เจ้าชอบ ข้าไปต่อแถวซื้อมาตลอดทั้งบ่ายเลย” กู้หวนเนี่ยนยื่นกล่องขนมให้แก่กู้อิ๋น

ร้านขนมแห่งนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวง มีลูกค้ามากมายต้องต่อแถวรอซื้อเป็นครึ่งวัน หญิงสาวรับมันไปอย่างมีความสุข

“ขอบคุณท่านพี่!”

สองพี่น้องคุยกันอย่างร่าเริง ไม่นานนักกู้หวนจิ่นก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นคนทั้งคู่ กู้หวนจิ่นกลับปลีกตัวไปไม่ได้ทักทายพวกเขาแต่อย่างใด

“พี่สาม พี่ใหญ่ซื้อขนมมาฝากข้า ท่านมากินด้วยกันกับข้าไหม?”

กู้อิ๋นตะโกนเรียกเขา กู้หวนจิ่นเพียงโบกมือปฏิเสธแลเวเดินเข้าไปที่ด้านใน

กู้อิ๋นรู้สึกโกรธ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่สามจึงไม่ชอบตนเอง

กู้หวนเนี่ยนทนไม่ได้เมื่อเห็นน้องสาวโดนทำร้ายจิตใจ เขาก้าวขายาวๆ เดินไปจับบ่ากู้หวนจิ่น

“หวนจิ่น อาอิ๋นพูดกับเจ้า เจ้าไม่ได้ยินหรือ?” กู้หวนเนี่ยนตำหนิเขา

“ข้าได้ยิน แต่ข้าไม่อยากกิน” กู้หวนจิ่นพูดอย่างไม่แยแส

กู้หวนเนี่ยนขมวดคิ้ว เขายื่นมือออกไปเพื่อจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่เขา อาอิ๋นเป็นสมบัติของครอบครัวที่หายไป ดังนั้นต้องดูแลนางให้ดี ท่าทีของกู้หวนจิ่นทำให้เขารู้สึกโกรธมาก

“พี่ใหญ่ พี่สามคงกังวลใจเรื่องอื่นอยู่ เขาไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธพี่สามเลย” กู้อิ๋นรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว นางมองกู้หวนเนี่ยนอย่างร้อนใจ ชายหนุ่มจึงชะงักมือ

“อาอิ๋นมีเหตุผลมากกว่าพี่ชายอย่างเจ้า” กู้หวนเนี่ยนยังอดพูดติเตียนไม่ได้

กู้หวนจิ่นไม่พอใจ เขาปลีกตัวเดินไปด้านในโดยไม่มองกู้อิ๋น แต่เดิมทีตอนที่พบตัวน้องสาวเขานั้น กู้หวนจิ่นมีความสุขมาก เขาแทบอยากมอบแต่ของดีๆ ให้นางเลยทีเดียว

จนกระทั่งเขาฝัน…. ตั้งแต่นั้นมาเมื่อเขาเห็นกู้อิ๋นครั้งใด เขาจะรู้สึกแปลกๆ จนไม่สามารถเข้าใกล้นางได้อีก

ความฝันนั้นน่ากลัวมาก เขาได้แต่ภาวนาขอให้เป็นเพียงแค่ความฝันอย่าได้เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเลย

…..

ชั่วพริบตา…เวลาก็ผ่านไปห้าวัน

ณ วัดกานเฉวียน

มีเกี้ยวหยุดลงที่หน้าวัด สตรีอายุประมาณสี่สิบปีก้าวลงมาจากเกี้ยว นางมีท่าทางสง่างาม ใบหน้าผ่องใส เห็นเค้าลางได้ว่ายามสาวนางคงเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับซีดเซียวดูสุขภาพไม่ดี นางเป็นฮูหยินของแม่ทัพกู้

เมื่อเห็นนางลุกขึ้นจากเกี้ยว แม่นมสองคนรีบเข้าพยุงนางทันที สองคนผู้นี้คือนางจ้าวและนางเฉิน ทั้งสองอยู่รับใช้ฮูหยินกู้มาหลายปีแล้ว

“ฮูหยิน นั่งเกี้ยวนานเหนื่อยไหมเจ้าคะ” แม่นมจ้าวถามอย่างกังวล ฮูหยินกู้ส่ายศีรษะก่อนจะพูดเบาๆ

“ทำไมเจ้าถึงได้กังวลนัก ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

ฮูหยินกู้เงยหน้าขึ้นไปมองแผ่นป้ายของวัดกานเฉวียน จากนั้นนางจึงเดินเข้าไปในห้องโถง วันนี้มีผู้คนไม่มากนัก ฮูหยินกู้เริ่มสักการะที่พระพุทธรูปองค์แรกทันที เมื่อนางสักการะถึงองค์สุดท้ายแล้ว นางรู้สึกวิงเวียนศีรษะจนเกือบจะล้มลง แม่นมจ้าวรีบเข้ามาพยุงนางทันที

“ฮูหยินนั่งก่อนเจ้าค่ะ” เจ้ามามาให้นางนั่งลง

“ท่านปวดหัวหรือเจ้าคะ ข้าจะนวดให้ท่านเอง”

แม่นมจ้าวนวดศีรษะของฮูหยินกู้ นางแอบถอนหายใจ อาการเจ็บป่วยนี้ของฮูหยินถือเป็นโรคเรื้อรัง

ย้อนกลับไปในตอนที่ฮูหยินตามสามีไปในกองทัพ การต่อสู้ที่กินเวลานานหลายปีทำให้ฮูหยินกำเนิดบุตรสาวในสนามรบ ตั้งแต่นั้นมาสุขภาพของฮูหยินก็ย่ำแย่ลง เป็นเพราะการเดินทางอีกทั้งยังคลอดบุตรยาก ต่อมา เมื่อคุณหนูหายไปก็ยิ่งทำให้ฮูหยินตกใจเป็นกังวลจนกลายเป็นโรคเรื้อรังนับตั้งแต่ที่นางกลับมาจากชายแดน ผ่านมาร่วมสิบปีแล้วแต่สุขภาพของนางไม่ดีขึ้นซ้ำยังแย่ลง

จนกระทั่งได้มาเจอคุณหนูในเวลาต่อมา

……

ในตอนที่ยังไม่พบคุณหนู ฮูหยินจะมาที่วัดกานเฉวียนเป็นประจำ อาศัยอยู่ที่วัดนี้เป็นเวลาหลายปี

วัดแห่งนี้จึงเป็นดั่งน้ำใสที่หล่อเลี้ยงฮูหยิน หลังจากที่พบตัวคุณหนูแล้ว นางจะมาที่นี่เดือนละครั้งเพื่อสักการะและระลึกถึงพระคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้นางได้พบเจอบุตรสาวอีกครั้ง แต่ด้วยสุขภาพที่ไม่ดีของนางทำให้นางปวดหัวบ่อยครั้ง

“ข้าดีขึ้นแล้วไปหาไต้ซือที่อาศรมด้านหลังเถอะ” ฮูหยินกู้พูด

นางมาที่นี่บ่อยครั้งจนสนิทสนมกับไต้ซือของที่วัดราวกับเป็นอาจารย์และสหายของนาง ทุกครั้งที่มานางจะเดินสนทนาไปรอบๆ วัดกับไต้ซือท่านนี้

….

ถังหลี่มาที่วัดกานเฉวียน นางสักการะพระพุทธรูปทุกองค์ อธิษฐานให้ครอบครัวของนางแคล้วคลาดปลอดภัย ภาวนาให้เว่ยฉิงประสบความสำเร็จ ขอให้เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยลูกชายของนางประสบความสำเร็จในการเรียน ขอให้เว่ยจื่ออี้และซานเป่ามีความสุขตลอดไป และขอให้นางผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปได้ด้วยดี…

เมื่อไหว้พระเสร็จแล้วนางจึงเดินไปที่อารามด้านหลังซึ่งเป็นลานขนาดใหญ่มาก ถังหลี่ไม่รู้ว่าฮูหยินกู้อยู่ที่ไหน นางจึงเดินไปรอบๆ บริเวณนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ นางจึงรีบวิ่งไปถึงยังลานกว้างซึ่งมีผู้คนร้องเรียกขอความช่วยเหลืออยู่ริมทะเลสาป

“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ! ฮูหยินของข้าตกน้ำเจ้าค่ะ!”

“มาเร็ว ช่วยด้วย!”

ตอนที่ถังหลี่มาถึง นางเห็นคนสองสามคนแต่งกายด้วยชุดบ่าวรับใช้และไต้ซื่อสองสามรูป ถังหลี่กระโจนลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว

ในไม่ช้านางก็เห็นคนผู้หนึ่งกำลังลอยเคว้งอยู่ในน้ำ ถังหลี่พุ่งเข้าไปกอดนางที่ด้านหลัง จากนั้นจึงได้พยุงตัวลากเข้าฝั่งอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวอุ้มนางขึ้นมา วางนางนอนลงกับพื้นจากนั้นใช้มือกดที่ท้องเป็นจังหวะ ไม่นานนัก นางสำลักคายน้ำออกมา แต่กลับยังไม่ได้สติ

“ฮูหยินเป็นลมระหว่างเดินอยู่บนฝั่ง ฮูหยินไม่น่าจะหมดสติเพราะจมน้ำเจ้าค่ะ ข้าจะส่งคนไปตามหมอ”

แม่นมจ้าวรีบพูด ถังหลี่กับบ่าวรับใช้รีบพานางเข้าไปในห้องจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกทันที พร้อมกันนั้นยังให้เสื้อผ้าสะอาดแก่ถังหลี่เพื่อเปลี่ยนอีกด้วย

“แม่นาง ผิงไฟให้ร่างกายอุ่นก่อน” แม่นมจ้าวพูดอย่างรีบร้อน

ถังหลี่นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้วที่เมืองหลวงอากาศเริ่มหนาวเย็น

หากเปียกน้ำก็จะหนาวได้การผิงไฟจึงช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาก แสงไฟในห้องส่องกระทบกับใบหน้าของผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียง ถังหลี่มองสตรีผู้นั้นจากนั้นจึงได้หันไปหาสาวใช้ในห้องก่อนจะถามว่า

“พวกเจ้ามาจากจวนไหนหรือ?”

“พวกข้าเป็นคนของจวนแม่ทัพกู้ ผู้ที่ท่านช่วยไว้คือฮูหยินกู้เจ้าค่ะ”

ถังหลี่มองสตรีที่ยังนอนไม่ได้สติผู้นั้น นางแค่คาดเดาในใจเอาไว้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าคนผู้นี้คือมารดาของเจ้าของร่างเดิมนั่นเอง