บทที่ 339 เดินตามวิถีดอกบัวขาว

สตรีที่อยู่บนเตียง อายุประมาณสี่สิบปี ใบหน้าซีดเซียว ดูอ่อนโยน ถังหลี่คิดในใจว่านางคงเป็นมารดาที่อ่อนหวาน นุ่มนวลมากเป็นแน่ หากร่างเดิมไม่ได้พลัดพรากหายไปจากครอบครัว นางควรจะเป็นเด็กสาวที่มีความสุข ไม่นานนักบ่าวรับใช้ก็เข้ามาในห้องพร้อมกับน้ำแกงโสมสองชาม ชามหนึ่งนางมอบให้กับถังหลี่ ส่วนอีกชามนางป้อนให้กับหญิงที่ัยังนอนไม่ได้สติผู้นั้น

หลังจากที่ดื่มน้ำแกงโสมเรียบร้อยแล้วถังหลี่รู้สึกสบายและอบอุ่นขึ้น สีหน้าของคนบนเตียงก็ดูดีขึ้นเช่นกัน

“แม่นางท่านมีนามว่ากระไร?” แม่นมจ้าวถามถังหลี่ นางรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณถังหลี่มาก ตอนนั้นนางไม่ได้อยู่ข้างกายฮูหยิน แม่นมเฉินก็ว่ายน้ำไม่เป็น หากหญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัวไม่ทันล่ะก็คงเป็นเรื่องหายนะอย่างแน่นอน แม่นมจ้าวมองถังหลี่อย่างพิจารณา เห็นว่ารูปลักษณ์ของนางโดดเด่น ดูแล้วไม่น่าเป็นสตรีธรรมดาสามัญ

“ข้ามีนามว่าถังหลี่ เป็นลูกสะใภ้ของอู่โหวเยว่” ถังหลี่กล่าว

“เป็นฮูหยินน้อยของสกุลอู่นี่เอง” แม่นมจ้าวเอ่ยอย่างยินดี

ข่าวที่ว่าอู่โหวเยว่กลับมาที่เมืองหลวงพร้อมกับครอบครัวใหญ่เป็นเรื่องที่แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นฮูหยินน้อยผู้นี้

“ฮูหยินกู้สุขภาพไม่ดีหรือ?” ถังหลี่ถามหลังจากครุ่นคิดเรื่องนี้

แม่นมจ้าวมองนางอย่างจริงใจ ดูเหมือนแม่นางคนนี้จะห่วงใยฮูหยินของนางจริงๆ นางจึงตอบไปตามจริง

“ฮูหยินทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ นางปวดศีรษะบ่อยครั้ง ช่วงนี้ปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ” ว่าแล้วนางก็ถอนหายใจ

“ไม่มีหมอคนไหนที่จะรักษาฮูหยินได้ แม้กระทั่งหมอหลวงในวังก็ตาม”

แม่นมจ้าวกังวลมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ หลังจากที่ทั้งสองคุยกันไปได้สักพัก ก็มีหมอมาตรวจชีพจรของฮูหยินกู้

“นางไม่เป็นอะไร หลับสักหน่อยก็จะฟื้นขึ้นเอง”

เมื่อหมอกล่าวจบ ผู้คนที่ได้ยินก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ถังหลี่ไม่ได้ไปไหน นางเฝ้าอยู่ในห้อง

“เป่าเอ๋อร์…เป่าเอ๋อร์…”สตรีที่นอนอยู่บนเตียงพึมพำเบาๆ

ถังหลี่และแม่นมจ้าวเดินไปหานางเห็นว่าฮูหยินกู้กำลังขมวดคิ้วแน่นราวกับกำลังฝันร้าย ก่อนจะตะโกนบางอย่าง ถังหลี่เห็นนางกำลังเอื้อมมือไขว่คว้าอากาศไว้นางจึงรีบยื่นมือไปไปรวดเร็ว ก่อนจะถูกจับไว้แน่น

“เป่าเอ๋อร์..อย่าไป! อย่าทิ้งแม่!” เสียงของนางดังขึ้น

เป่าเอ๋อร์เป็นชื่อเล่นที่ฮูหยินใช้เรียกคุณหนู แม่นมจ้าวรู้ว่านางกำลังฝันถึงคุณหนู ฮูหยินหวาดกลัวการเสียคุณหนูไป นางมักจะฝันแบบนี้เป็นระยะๆ ฮูหยินกู้กำมือของถังหลี่ไว้แน่น

“เป่าเอ๋อร์…”

“ลูกอยู่นี่..” ถังหลี่มองใบหน้าที่วิตกกังวลของฮูหยินกู้ก่อนจะพูดเบาๆ ไม่นานนักนางก็ค่อยๆ สงบลง

ทุกคนในห้องกำลังกังวลเกี่ยวกับฮูหยินกู้ มีเพียงแม่นมเฉินเท่านั้นที่มองถังหลี่ด้วยแววตาสั่นไหว นางออกไปจากห้องพูดกระซิบกับบ่าวผู้หนึ่ง

“กลับไปที่จวนบอกข่าวกับคุณหนู…”

ในห้องถังหลี่อยู่เคียงข้างฮูหยินกู้ตลอดเวลา หลังจากนั้นไม่นานนักนางก็ฟื้นคืนสติขึ้น ฮูหยินกู้มองไปรอบๆ ห้อง

“ฮูหยิน ท่านเป็นลมไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”

แม่นมจ้าวถามอย่างเป็นห่วง ความทรงจำของฮูหยินกู้เริ่มกลับคืนมา นางจำได้ว่าตนเองกำลังเดินอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ จู่ๆ ก็ปวดหัวและเวียนศีรษะ ภาพความทรงจำสุดท้ายของนางคือนางตกลงไปในน้ำและหมดสติไป

“ไม่เป็นไร” ฮูหยินกู้พูดเสียงเบา ก่อนที่สายตาของนางจะมาหยุดที่ถังหลี่ด้วยความสงสัย

“ฮูหยิน แม่นางคนนี้คือฮูหยินน้อยของจวนอู่โหวเยว่ นางเป็นคนช่วยท่านตอนตกน้ำเจ้าค่ะ”

แม่นมจ้าวรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

“ฮูหยินกู้” ถังหลี่มองไปที่นางและพูดทักทาย ฮูหยินกู้พบว่าตอนนี้มือของนางยังคงจับมือถังหลี่ไว้ นางมองถังหลี่รู้สึกชอบพอขึ้นมาในใจ

“ช่วยพยุงข้าขึ้นนั่งหน่อยเถิด” ฮูหยินกู้เอ่ยขึ้น

ถังหลี่และแม่นมจ้าวช่วยกันประคองฮูหยินกู้ นางกวาดสายตามองไปยังบ่าวไพร่ที่อยู่ในห้อง

“พวกเจ้าออกไปให้หมด”

สุดท้ายแล้วในห้องจึงเหลือเพียงถังหลี่และแม่นมจ้าวเท่านั้น ฮูหยินกู้รู้สึกประทับใจในตัวหญิงสาวที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ นางจึงชวนถังหลี่พูดคุยอย่างสุภาพ ตามที่คาดไว้ ฮูหยินกู้เป็นคนอ่อนโยนพูดจานุ่มนวล เป็นมารดาตามแบบที่ถังหลี่จินตนาการเอาไว้ไม่ผิด

“ฮูหยินอู่ปฏิบัติต่อเจ้าดีไหม? ข้ารู้จักนาง นางเป็นคนใจดี ต้องดูแลเจ้าดีเป็นแน่ เจ้าช่างเป็นเด็กที่โชคดี”

“รับเลี้ยงเด็กสี่คนหรือ? เป็นเด็กดีจริงๆ เจ้าเหนื่อยหรือไม่ที่ต้องเลี้ยงลูกสี่คนตั้งแต่อายุยังน้อย”

“เจ้าเพิ่งเข้ามาในเมืองหลวงยังไม่มีสหายมากใช่หรือไม่ ข้าคุยกับเจ้าได้ หากเจ้าว่างก็มาที่จวนสกุลกู้เพื่อคุยกับข้า”

“ทำไมมือเจ้าเย็นขนาดนี้ ทำให้อุ่นหน่อยเถิด”

ฮูหยินกู้คว้ามือนางไปสอดไว้ใต้ผ้าห่ม ความจริงแล้วนางไม่ได้หนาวเลย แต่การเอาใจใส่ของฮูหยินกู้ทำให้นางรู้สึกอบอุ่น ถังหลี่ได้ฟังคำพูดห่วงใยของฮูหยินกู้ เห็นใบหน้าที่อ่อนโยน จนรู้สึกว่าตัวเองแสบที่ปลายจมูกนึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้กู้อิ๋นนั้นสมกับเป็นนางเอกของเรื่องราวกับได้รับพรจากสวรรค์

ในขณะที่ถังหลี่และฮูหยินกู้นั้นไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย แต่กู้อิ๋นกลับมีดวงตาที่เรียวเล็กเหมือนฮูหยินกู้ดูคล้ายแม่ลูกกันมากกว่าถังหลี่เสียอีก

ในนิยายบางเล่มจะเห็นได้ว่าผู้คนจำครอบครัวได้จากรูปลักษณ์ของเขา แต่ถ้าถังหลี่ไม่ได้ทะลุเข้ามาในนวนิยายเล่มนี้ คงไม่ต้องพูดเลยว่าร่างเดิมนั้นจะรู้ว่าตัวเองเป็นบุตรสาวของแม่ทัพ

แม้ว่านางจะรอดจากเงื้อมมือของพวกค้ามนุษย์ได้ ต่อให้มายืนตรงหน้ามารดาผู้ให้กำเนิด อีกฝ่ายก็คงจำนางไม่ได้อย่างแน่นอน

โชคดีที่ถังหลี่ใจเย็นไม่ได้รีบร้อนตามหาญาติของนาง ไม่เช่นนั้นแล้วคงโดนกำจัดทิ้งแน่นอน

ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเร่งรีบที่หน้าประตู

“ท่านแม่” เสียงแหลมเล็กดังมาจากด้านนอก

“คุณหนู” แม่นมจ้าวรีบไปเปิดประตู

กู้อิ๋นเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางกวาดมองไปที่ถังหลี่ก่อนที่รูม่านตาจะหดเล็กลงแล้วกลับคืนอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ ข้ารีบมาเพราะได้ข่าวว่าท่านตกน้ำ ข้ากลัวแทบตาย ข้าเสียใจที่ข้าไม่ได้มากับท่าน!” กู้อิ๋นพูดดวงตาแดงก่ำ

“ช่างดีเหลือเกินที่ท่านปลอดภัย”

ในขณะที่พูดนางทรุดตัวลงข้างเตียงมองไปยังฮูหยินกู้ด้วยสายตาเป็นห่วงกังวลใจ ฮูหยินกู้เอื้อมมือไปลูบศีรษะนาง

“แม่สบายดี … เจ้าวิ่งมาหรือถึงได้เหงื่อออกเช่นนี้”

ในขณะที่พูดนางก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้กู้อิ๋นอย่างแผ่วเบา

“ข้าเป็นห่วงท่านแม่” กู้อิ๋นออดอ้อนราวกับเด็กน้อย

เมื่อเห็นฉากนี้ ถังหลี่หดหู่รู้สึกไม่สบายใจ เหตุใดสวรรค์จึงไม่ยุติธรรมเช่นนี้ ทุกอย่างควรจะเป็นของร่างเดิม เหตุใดกู้อิ๋นถึงได้ช่วงชิงมันไป!

กู้อิ๋นมองมาที่ถังหลี่อย่างสงสัย

“แม่นางผู้นี้เป็นใครหรือ?”

“นางชื่อถังหลี่เป็นคนที่ช่วยแม่ไว้” ฮูหยินกู้เรียกนางพร้อมกับกวักมือ

หญิงสาวเดินเข้าไปหา ฮูหยินกู้กุมมือนางไว้ข้างหนึ่งและจับมือกู้อิ๋นเอาไว้

“พวกเจ้าทั้งสองอายุไล่เลี่ยกัน สนิทกันไว้ล่ะ”

ถังหลี่เปลี่ยนสีหน้าของตนคลี่ยิ้มไร้เดียงสาก่อนจะเอ่ยอย่างไพเราะว่า

“พี่สาวกู้”

กู้อิ๋นมองหญิงสาวที่นางเคยเห็นที่หน้าจวนสกุลกู้เมื่อไม่นานมานี้ วันนั้นใบหน้าของนางดูเย็นชา แต่ตอนนี้กลับทำสีหน้าไร้เดียงสา ช่างดูเหมือนคนผู้นั้นเหลือเกิน เด็กคนนั้นชอบเดินตามนางเอาแต่ร้องเรียกนางว่าพี่สาว กู้อิ๋นใจเต้นแรง

เป็นนางจริงๆ หรือ?

ทำไมนางจึงมาปรากฏตัวต่อหน้าท่านแม่? นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ?

ยิ่งกู้อิ๋นคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมากเท่านั้น