บทที่ 340 อะไรที่เป็นของเจ้าย่อมเป็นของเจ้า

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 340 อะไรที่เป็นของเจ้าย่อมเป็นของเจ้า

“พี่สาวทำไมท่านไม่สนใจข้า ท่านไม่ชอบข้าหรือ?”

ถังหลี่แสดงสีหน้าลำบากใจราวกับคิดว่านางได้ทำอะไรผิดไปหรือไม่? ท่าทางที่ดูอ่อนแอไร้ซึ่งพิษสงล่อลวงให้คนภายนอกรู้สึกสงสารเวทนาได้ง่าย เหมือนดอกบัวขาวที่น่าสะอิดสะเอียน เป็นพวกร้ายลึกทำร้ายผู้คนได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ถังหลี่รู้ดีว่ากู้อิ๋นเป็นแม่ดอกบัวขาว ดังนั้นแทนที่จะปล่อยให้นางเล่นงาน ถังหลี่จึงเลือกชิงลงมือก่อน ใช้พิษต้านพิษเช่นนี้ เรื่องการแสดงนางไม่เป็นรองใครเช่นกัน ! เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของถังหลี่ ฮูหยินกู้ตกใจมากรีบพูดออกมาว่า

“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก! อาอิ๋นจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร?” นางพูดพลางผลักกู้อิ๋น

“ใช่หรือไม่อาอิ๋น?” กู้อิ๋นได้สติรีบพูดตอบว่า

“แม่นางช่วยมารดาข้าเอาไว้ ถือได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณ เป็นข้าเองที่ไม่ได้กล่าวขอบคุณท่านก่อน ข้าจะไม่ชอบแม่นางได้อย่างไรกัน?”

ถังหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“โล่งอกไปที ข้านึกว่าตนเองทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่า?”

ทั้งสามคนพูดคุยกันในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น หลังจากนั้นไม่นานเมื่อฮูหยินกู้รู้สึกดีขึ้น พวกเขาก็เดินออกไปจากวัดกานเฉวียน ถังหลี่ประคองซ้าย ส่วนกู้อิ๋นประคองขวา ทั้งสามคนพากันเดินออกจากลาน แต่ไปได้ไม่ไกลนักทั้งสามคนต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นเด็กหญิงห้าขวบทะเลาะกับเด็กอายุแปดขวบ พวกนางกำลังโต้เถียงและตีกัน

“กระเป๋าใบนั้นท่านแม่ของข้าเป็นคนทำ!” เด็กหญิงหน้าแดงด้วยความโกรธ นางชี้ไปยังเด็กที่อายุมากกว่า

“เช่นนั้นก็ให้แม่ของเจ้าทำให้ใหม่สิแล้วยกใบนี้ให้ข้า!” เด็กอายุมากกว่าเชิดหน้าพูดด้วยจาอย่างโอหัง

“ท่านแม่ข้าต้องเหนื่อยยากทำให้ข้า ข้าจะให้เจ้าได้อย่างไร?!”

เด็กหญิงตรงรี่เข้าไปหาทันที แต่อีกฝ่ายตัวสูงกว่า นางเพียงแค่ชูกระเป๋าให้สูงขึ้นเด็กน้อยห้าขวบก็เอื้อมไม่ถึงแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยโกรธจนร้องไห้ออกมา

“เอาของๆ ข้าคืนมานะ! เอาคืนมา!”

“ไม่! ถ้าเจ้าเอาไปไม่ได้มันก็ต้องเป็นของข้า!”

เสี้ยวอึดใจต่อมากระเป๋าเงินใบนั้นก็ถูกแย่งไป ความเย่อหยิ่งยโสบนใบหน้าของเด็กน้อยแปรเปลี่ยนเป็นความงุนงง นางเงยหน้ามองคนที่แย่งไปจากมือของนาง คนผู้นั้นคือถังหลี่ที่มีใบหน้าเย็นชา

“บิดามารดาเจ้าไม่ได้สอนหรือว่าห้ามขโมยของผู้อื่น”

ผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่มีใบหน้าเย็นชาทำให้นางดูดุร้าย คนทำผิดจะหวาดกลัวเป็นธรรมดา

“เจ้าไม่ควรที่จะขโมยของผู้อื่นรู้ไหม?” ถังหลี่พูดอย่างดุดัน

เด็กหญิงผู้นั้นพยักหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ ถังหลี่คืนกระเป๋าให้กับเด็กหญิงตัวน้อย

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านน้า” นางกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“อย่าร้องไห้สิ ! อะไรที่เป็นของเจ้าย่อมเป็นของเจ้า ไม่มีผู้ใดเอาไปได้” ถังหลี่ลูบหัวนางเงยมองกู้อิ๋นทันที

“พี่สาวคิดเช่นนั้นหรือไม่?” กู้อิ๋นหัวใจเต้นระส่ำ นางรู้สึกว่ามีนัยบางอย่างแฝงไว้ในคำพูดของหญิงผู้นี้ นางพยายามบอกใบ้อะไรอยู่หรือ?

“ใช่แล้ว” กู้อิ๋นรีบพูดทันที

ถังหลี่มองแผ่นหลังของเด็กน้อยที่วิ่งหายไปอย่างครุ่นคิด

“แม้ว่าจะขโมยมา ไม่ช้าก็เร็วจำต้องคืนเจ้าของไปอยู่ดี” ถังหลี่กล่าว

ฮูหยินกู้ไม่รู้สึกถึงกระแสน้ำเชี่ยวกรากระหว่างถังหลี่และกู้อิ๋น นางคิดว่าถังหลี่เป็นเพียงเด็กสาวที่จิตใจดี แค่ต้องการจะยืนหยัดเพื่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ถูกรังแกเท่านั้น

“ใช่แล้ว จะขโมยของผู้อื่นได้อย่างไร” ฮูหยินกู้พูดเสริมขึ้น

ใบหน้าของกู้อิ๋นเผือดลง แต่ยากที่จะสังเกต เป็นเพราะแป้งที่นางใช้ผัดหน้าปกปิดเอาไว้

พวกนางนั่งบนเกี้ยวด้วยกัน ระหว่างทางกู้อิ๋นมีอาการเหม่อลอยไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่

เกี้ยวไปหยุดที่หน้าจวนแม่ทัพก่อน เมื่อฮูหยินกู้ลงแล้วจึงจะไปส่งถังหลี่ที่จวนอู่โหวเยว่

“ท่านแม่ ข้าขอไปส่งน้องถังหลี่นะเจ้าคะ” กู้อิ๋นกล่าว

“เอาสิ คุยกันดีๆ ล่ะ” ฮูหยินกู้ตบที่หลังมือของนาง ฮูหยินกู้นั้นชอบถังหลี่มาก ดังนั้นนางจึงหวังว่าบุตรสาวของนางจะเข้ากันได้ดีกับหญิงสาวผู้นี้

เกี้ยวถูกยกขึ้น ตอนนี้ในเกี้ยวมีเพียงถังหลี่และกู้อิ๋นเท่านั้น นางมองถังหลี่เงียบๆ

“เหตุใดพี่สาวจึงมองข้าเช่นนั้น?” ถังหลี่เอียงศีรษะมองนาง

“น้องสาว ข้าแค่คิดว่าเราสองคนดูคุ้นเคยกัน เราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม?” กู้อิ๋นยิ้ม

“อืม ข้าเองก็คิดว่าพี่สาวหน้าคุ้นๆ เช่นกัน” ถังหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

กู้อิ๋นกำชายเสื้อผ้าของนางไว้แน่น

“เป็นไปได้ไหมว่าชาติที่แล้วเราจะเคยรู้จักกัน?” ถังหลี่กระพริบตาถาม กลายเป็นเรื่องตลกล้อเล่นไป กู้อิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะถามต่อ

“น้องสาวมาจากที่ไหนหรือ?”

“ข้ามาจากมณฑลชิงเหอ”

ชิงเหอ…

หัวใจของกู้อิ๋นเต้นถี่อีกครั้ง

“น้องสาวมาจากหมู่บ้านจูเจียหรือไม่?” กู้อิ๋นอยากรู้ขึ้นมาทันใด

หมู่บ้านที่กู้อิ๋นจากมาคือหมู่บ้านจูเจีย แซ่เดิมของนางคือแซ่จูก่อนจะเปลี่ยนมาใช้แซ่กู้ในตอนที่มาอยู่จวนแม่ทัพ

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” ถังหลี่ยิ้ม

กู้อิ๋นพยายามทดสอบถังหลี่ตลอดทาง แต่ก็หาจุดสงสัยไม่ได้จนกระทั่งเกี้ยวมาหยุดที่หน้าจวนอู่โหวเยว่

“พี่สาว ข้าถึงจวนแล้วขอตัวก่อน”

กู้อิ๋นพยักหน้าอย่างเหม่อลอย ถังหลี่เห็นการแสดงออกของอีกฝ่ายก็หันหลังลงจากเกี้ยวทันที เมื่อลงมาจากเกี้ยวแล้วสีหน้าของนางเปลี่ยนไป ถังหลี่จงใจทำให้กู้อิ๋นรู้สึกกระวนกระวาย ขโมยของของคนอื่นไปเช่นนี้จะให้อยู่สุขสบายได้อย่างไร? ต้องทำให้นางไม่สบายใจ ทุกข์ทรมานเสียบ้าง หลังจากนั้นทรมานนางพอแล้ว จะได้ทุบตีให้นางกลับไปอยู่ในที่ที่นางควรอยู่แต่เดิม !

กู้อิ๋น ! นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ‘วันดีๆ’ ของเจ้ายังมาไม่ถึง

ถังหลี่เข้าไปในจวนอู่โหวเยว่ก่อนจะแยกไปที่เรือนของหมอซู ตอนนี้หมอซูอาจกำลังค้นคว้ายาอยู่ในสวน หรือไม่ก็ออกไปสอนหมอฝึกหัด ไม่ว่าผู้ป่วยจะยากดีมีจนเขาก็พร้อมจะทุ่มเทรักษาอย่างเต็มที่ หญิงสาวมาหาหมอซูเพราะเรื่องของฮูหยินกู้

ตอนที่ถังหลี่อยู่ที่วัดกานเฉวียนก็พบว่าฮูหยินกู้อาการไม่ค่อยดีจึงถามจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรเสียนางก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของถังหลี่ จึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่สบายใจเมื่อเห็นฮูหยินกู้มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง

ถังหลี่อธิบายถึงอาการป่วยของนางให้หมอซูฟัง หมอซูครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะบอกว่า

“สาเหตุของโรคนี้คือหลังคลอดลูกแล้วนางไม่ได้อยู่ไฟอย่างถูกต้อง เมื่อต้องลมหนาวจึงเป็นเช่นนี้ ผ่านมายี่สิบปีแล้วมันจึงเรื้อรังรักษาได้ยาก”

ถังหลี่ขมวดคิ้วแน่น

“แต่สามารถบรรเทาได้ อีกสองวันมาหาข้า ข้าจะให้ยาแล้วเจ้าค่อยนำไปให้นาง” หมอซูกล่าว

“ขอบคุณหมอซูมาก” ถังหลี่ตาเป็นประกาย

“ขอบคุณอะไรกัน พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” ฮูหยินซูตอบ

“หากเจ้ามีอะไรให้ช่วยก็มาหาข้าหรือไท่หยวนได้เลย”

“ใช่แล้ว อย่าได้เกรงใจ” หมอซูเห็นด้วยอย่างยิ่ง