บทที่ 333 ต้องเป็นคุณคิดไปเองแน่ๆ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 333 ต้องเป็นคุณคิดไปเองแน่ๆ

ลี่จุนถิงมองถวนจื่ออย่างรู้สึกตลก แต่ก็สละมือออกมาข้างหนึ่งลูบหัวถวนจื่อ

“ถวนจื่อ ขอโทษนะ ทำให้พวกเธอต้องมาลำบากที่นี่”

ถวนจื่อยกหัวเล็กๆขึ้นมองเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความจริงจังและเคร่งขรึม จากนั้นก็ส่ายหัวปฏิเสธคำพูดนี้ของลี่จุนถิง

“ไม่ใช่ซะหน่อย แค่รอแด๊ดดี้มาได้ก็ดีมากแล้ว! แด๊ดดี้ พวกเราเชื่อว่าแด๊ดดี้จะต้องหาพวกเราเจอแน่นอน เพราะฉะนั้นก็ไม่กลัวเลย”

มองใบหน้าที่อ่อนวัยและนุ่มนิ่มของถวนจื่อ ลี่จุนถิงก็บอกความรู้สึกในใจไม่ถูกเลยชั่วขณะ

พวกเขาเชื่อในตัวเขาจริงๆ ดีที่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ทำให้พวกเขาต้องผิดหวัง

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นกับตาตัวเอง ลี่จุนถิงก็ไม่มีทางเชื่อได้ว่าจะมีอันตรายซ่อนอยู่รอบตัวเจียงหยุนเอ๋อเยอะขนาดนี้ แต่โชคดีที่……เขามาถึงทันเวลา

ลี่จุนถิงปล่อยเจียงหยุนเอ๋อ มองหน้าของเธออย่างละเอียด จากนั้นมือข้างหนึ่งก็วางบนหน้าของเธอเบาๆ สายตาฉายแววปวดใจออกมาเล็กหน่อย

“หยุนเอ๋อ หลายวันมานี้……คุณผอมลงไม่น้อยเลย”

เจียงหยุนเอ๋อเม้นปากเบาๆ

หลังจากที่ถูกพาขึ้นเรือ ก็ถูกส่งมาที่นี่ต่อ

ผ่านมานานขนาดนี้ เธอไม่มีโอกาสได้กินดีๆสักมื้อเลย

ถึงแม้อาหารของที่นี่ก็ไม่ได้ถือว่าแย่อะไรมาก แต่อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็เป็นคนท้อง จึงอ่อนแอลงเยอะ

แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็รู้ว่าถ้าลี่จุนถิงรู้เข้าต้องรู้สึกผิดแน่นอน และต้องเป็นห่วงเธอด้วยแน่ๆ จึงรีบส่ายหน้า ยิ้มให้กับลี่จุนถิงแล้วพูดว่า “ไม่นี่ ต้องเป็นคุณคิดไปเองแน่ๆ คุณเป็นห่วงฉันมากเกินไปแล้วต่างหาก!” ถึงแม้แต่ก่อนจะทุกข์ยากลำบากมาเยอะก็จริง ทุกวันก็ใช้ชีวิตอยู่แต่ในความหวาดระแวง

แต่ ณ วินาทีที่ลี่จุนถิงปรากฏตัว เจียงหยุนเอ๋อก็พลันรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นไม่มีอะไรเลย ความกังวลและความไม่สบายใจที่ติดต่อกันหลายวัน ในที่สุดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตานี้

เฟิงจิงเป่ยมองฉากนี้อย่างตะลึงงัน ในใจจริงๆแล้วเต็มไปด้วยความตกตะลึง

ถึงแม้ช่วงที่อยู่กับเจียงหยุนเอ๋อในระยะเวลานี้ เจียงหยุนเอ๋อก็เคยพูดถึงสามีเธอจริงๆ แต่ช่วงแรกเฟิงจิงเป่ยก็ไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร

ยังไงซะที่นี่ก็อันตรายขนาดนี้ เขาไม่ค่อยเชื่อจริงๆว่าสามีของเจียงหยุนเอ๋อจะมาหาเธอ

ไม่พูดว่ามาที่นี่อันตรายแค่ไหน แค่จะมาเข้าที่นี่ได้ คาดว่าสำหรับคนทั่วไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเลยทีเดียว

แต่ดูจากลักษณะของคนพวกนี้ ดูแล้วก็ไม่เหมือนกับคนทั่วไปก็เถอะ

เฟิงจิงเป่ยสังเกตการณ์คนพวกนี้อยู่เงียบๆ ชั่วเวลานี้ก็ไม่กล้าไปรบกวนบรรยากาศอันแสนอบอุ่นนี้ของพวกเขา

แต่ความรู้สึกของเขายังไม่ทันได้สงบลง ก็พลันได้ยินเสียงดังก้องมาจากข้างนอก

พอลองตั้งใจฟังดูดีๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงระเบิดที่รุนแรง

สีหน้าของทุกคนในห้องแทบจะเปลี่ยนไปในทันที รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว

อั้นเย่กับอั้นหยิ่งไม่รู้ว่าออกไปสู้กับนักฆ่าสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ไม่รู้ว่านักฆ่าสองคนนั้นใช่เพราะว่าไม่ยอมหรือเปล่า ถึงได้กลับมาหาอีกครั้ง

ทุกคนทยอยกันเดินออกมา พอเห็นสถานการณ์ข้างนอกแล้วก็ล้วนตกใจ ที่แท้สองคนนั้นคือไปเอาปืนกลับมาเตรียมจู่โจมนี่เอง

แต่ที่โชคดีก็คือ กระสุนของพวกเขาเล็งพลาด ถึงแม้ปืนจะเป็นแบบเก็บเสียง แต่ก็ก่อความวุ่นวายไปแล้วไม่น้อย

เฟิงจิงเป่ยยังไม่ทันได้ลงมืออั้นหยิ่งกับอั้นเย่ก็ปราบสองคนนั้นจนน่วมแล้ว

ถึงแม้สองคนนั้นจะก่อเรื่องวุ่นวายอะไรไม่ได้แล้วชั่วคราว แต่อย่างไรเสียก็ก่อเสียงดังขนาดนี้ขึ้นแล้ว แต่เดี๋ยวคาดว่าต้องมีหลายคนมาแน่ๆ

ดังนั้นเฟิงจิงเป่ยจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเตือนพวกเขาว่า “ไม่ควรอยู่ที่นี่นาน รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ”

“โอเค” ลี่จุนถิงพยักหน้า เห็นได้ชัดว่าก็คิดแบบเดียวกัน

ไม่นานพวกเขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว และพอพวกเขาจากไปแล้ว ตึกหอพักก็วุ่นวายขึ้นมา

เพราะว่าเมื่อกี้มีคนไม่น้อยได้ยินเสียงจากทางนี้ จึงทยอยกันเดินออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

พวกลี่จุนถิงรีบไปที่ลับตาคนอย่างรวดเร็ว เห็นรอบตัวไม่มีใคร จึงตัดสินใจพักผ่อนเสริมกำลังที่นี่ก่อนชั่วคราว

และก็คือในเวลานี้เอง ลี่จุนถิงถึงมีเวลาว่างเงยหน้าขึ้นมาพินิจพิเคราะห์เฟิงจิงเป่ยและในเวลาเดียวกัน เฟิงจิงเป่ยก็มองไปที่เขาด้วยเช่นกัน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ถึงแม้จะยังไม่เคยพูดคุยกับลี่จุนถิงมาก่อน แต่แค่มองเฟิงจิงเป่ยก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากแน่นอน

ถึงแม้จะยังไม่ได้ถามออกมา แต่ดูจากการปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่ เฟิงจิงเป่ยก็เดาได้ลางๆแล้วว่าคนคนนี้ก็คือสามีที่เจียงหยุนเอ๋อพูดถึง

“คุณคือ……สามีของคุณหนูเจียง?”

เฟิงจิงเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามออกมาอย่างลังเล

และก็คือในตอนนี้เอง เจียงหยุนเอ๋อถึงนึกขึ้นได้ว่า ตั้งแต่ที่ตัวเองเจอลี่จุนถิง เธอก็เหมือนจะมองข้ามเฟิงจิงเป่ยไปเลย

พอคิดแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็อดรู้สึกละอายใจไม่ได้ ยังไงซะแต่ก่อนเฟิงจิงเป่ยก็ดูแลตัวเองมานานขนาดนี้ แต่ตัวเองกลับเพราะการปรากฏตัวของลี่จุนถิงก็ลืมเขาไปในทันตา

คิดถึงตรงนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็รีบแนะนำทั้งสองคนขึ้นมาทันที

“คนนี้คือสามีของฉัน ลี่จุนถิง จุนถิง ตอนที่ฉันอยู่ที่นี่ก็คือเฟิงจิงเป่ยเป็นคนดูแลฉันตลอด และยังช่วยฉันสกัดอันตรายไปไม่น้อยอีกด้วย”

ได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดคำว่าอันตรายคำนี้ สีหน้าของลี่จุนถิงก็พลันแย่ขึ้นมา

“อันตรายอะไร? คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?”

ถึงแม้จะรู้ว่าลี่จุนถิงก็คือเป็นห่วงตัวเองเกินไป แต่รอยยิ้มของเจียงหยุนเอ๋อก็จางลงเล็กน้อย ดึงแขนเสื้อของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ไม่ได้เป็นอะไร ฉันกำลังแนะนำคนอยู่ คุณทักทายคนเขาหน่อยไม่ได้หรือไง”

เจียงหยุนเอ๋อพูดเสียงเบาตรงหูของลี่จุนถิง เดิมทีเธอก็ไม่สนใจเฟิงจิงเป่ยมานานอยู่แล้ว ไม่อยากให้ เฟิงจิงเป่ยรู้สึกว่าถูกเมินเฉยอีก

ได้ยินเจียงหยุนเอ๋อพูดแบบนี้ ลี่จุนถิงก็ได้แต่ต้องระงับความสงสัยในใจก่อน หันหน้าไปทางเฟิงจิงเป่ยแล้วพูดขอบคุณเขาจากใจจริง “ช่วงระยะเวลานี้ ขอบคุณนะครับที่ดูแลหยุนเอ๋อกับถวนจื่อ”

“ครับ แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจ”

เฟิงจิงเป่ยพูดโดยที่ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

เดิมทีที่ช่วยเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ใช่เพราะต้องการคำขอบคุณอยู่แล้ว ถ้าจะพูดกันจริงๆ อาจจะเป็นเพราะแค่ความยุติธรรมในใจที่ทำให้เลือกทำแบบนี้มั้ง

“หลังจากนี้อย่าให้พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้อีกนะครับ” เฟิงจิงเป่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมต่อ

แววตาของลี่จุนถิงพลันสั่นไหว กอดเจียงหยุนเอ๋อเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเองแน่นกว่าเดิมจากจิตใต้สำนึก

“ผมรู้” ลี่จุนถิงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ นี่ก็เป็นคำสัญญาของเขาต่อเจียงหยุนเอ๋อด้วยเช่นกัน

“พวกคุณรีบไปเถอะ” เฟิงจิงเป่ยมองดูรอบๆแวบหนึ่ง ดูท่าคนในโรงงานน่าจะยังไม่ตามมา

เจียงหยุนเอ๋อตึงเครียดขึ้นมาทันทีพร้อมกับถามขึ้นว่า “คุณไม่ไปกับพวกเราเหรอ?”