บทที่ 334 ไม่ใช่ความผิดของคุณ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 334 ไม่ใช่ความผิดของคุณ

เฟิงจิงเป่ย “ผมไม่ไป ผมยังมีเรื่องต้องทำ”

เจียงหยุนเอ๋อเผยสีหน้ากังวลออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “แต่ฉันไม่สบายใจ คุณคนเดียว หลังจากนี้ไม่มีคนดูแลแล้วจะทำยังไง?”

ลี่จุนถิงมองเฟิงจิงเป่ยในใจฉลาดเฉียบแหลมมาก

สถานะของเฟิงจิงเป่ยต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าเป็นคนธรรมดา จะยังดูแลเจียงหยุนเอ๋อสองแม่ลูกนี้ได้ดีขนาดนี้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้ยังไง

แต่ที่ทำให้ลี่จุนถิงสงสัยก็คือ ทำไมเฟิงจิงเป่ยต้องอยู่ที่นี่ต่อ หรือว่าโรงงานนี้จะมีความลับอะไรอยู่?

“คุณสบายใจได้เลย ผมตัวคนเดียวดูแลตัวเองมานานขนาดนี้แล้ว จะยังมีปัญหาอะไรได้อีก?” เฟิงจิงเป่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเจียงหยุนเอ๋อเหมือนผู้ใหญ่ของตัวเอง ทั้งที่อายุใกล้เคียงกับตัวเองแท้ๆ แต่กลับชอบพูดจู้จี้จุกจิกอยู่ตลอดเวลา

แต่ก็อย่างว่า คนที่เป็นแม่แล้วก็มักจะมีนิสัยแบบนี้กันทั้งนั้น

“เอาน่า อย่าไปบังคับคนเขาเลย” ลี่จุนถิงพูดเสียงเบาแนบหูของเจียงหยุนเอ๋อ จากนั้นก็มองไปที่ เฟิงจิงเป่ย “ช่วงระยะเวลานี้ดีที่มีคุณดูแลพวกเขาสองแม่ลูก ผมขอขอบคุณอีกครั้งครับ”

เฟิงจิงเป่ยทำท่าสะบัดมือ “แค่เรื่องเล็กน้อยครับ ถ้าไม่มีอะไรผมไปก่อนนะครับ”

พูดจบเฟิงจิงเป่ยก็เดินจากไป

เดิมทีเจียงหยุนเอ๋อยังครุ่นคิดอยู่ว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไงดี แต่ใครจะไปรู้ว่าพอตัวเองรู้ตัวอีกทีก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเฟิงจิงเป่ยแล้ว

“จุนถิง คุณเฟิงช่วยเหลือฉันมานานขนาดนี้ แต่ฉันไม่ได้ตอบแทนอะไรเขาเลย ตอนนี้ก็ให้เขาตัวคนเดียวอีก ไม่เหมาะสมเลยจริงๆ” เจียงหยุนเอ๋อเป็นคนที่รู้จักตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นก็ยังรู้สึกวางใจไม่ลงอยู่ดี

ลี่จุนถิงไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไร ในเมื่อเฟิงจิงเป่ยกล้าเข้ามา ก็หมายความว่าต้องมีความมั่นใจระดับหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าเขาอยู่ที่นี่คนเดียวแล้วจะเกิดอันตรายอะไร

ชิงโม่ได้ยินก็เสนอขึ้นว่า “คุณหนูเจียงครับ เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมให้อั้นเย่กับอั้นหยิ่งอยู่ที่นี่ต่อ ดูว่ามีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

ลี่จุนถิงคิดว่าการจัดการแบบนี้ดีมาก ไม่รอให้เจียงหยุนเอ๋อพูดก็พูดขึ้นเองว่า “ผมคิดว่าความคิดนี้ของชิงโม่ไม่เลวเลย เอาตามนี้แล้วกันนะ อั้นเย่กับอั้นหยิ่งเป็นยอดฝีมือกันทั้งคู่ คุณไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา สามคนดูแลกันและกันได้”

เจียงหยุนเอ๋อครุ่นคิดอยู่สักพัก ก็คิดว่าวิธีที่เหมาะสมที่สุดในตอนนี้ก็คือวิธีนี้แล้ว “ได้”

ลี่จุนถิงโอบเจียงหยุนเอ๋อแล้วยิ้มพูดว่า“แบบนี้คุณคงสบายใจได้แล้สินะ”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า

“โอเค พวกนายสองคนไป มีเรื่องอะไรติดต่อมาได้ตลอด” ชิงโม่พูดสั่ง

อั้นเย่และอั้นหยิ่งรับคำสั่งของชิงโม่เสร็จก็เดินไปทางที่เฟิงจิงเป่ยจากไปอย่างรวดเร็ว

ในสถานที่เฮงซวยแบบนี้ ลี่จุนถิงไม่อยากอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว จึงพูดเร่งรัดว่า “เอาล่ะ ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปกันดีกว่า”

เจียงหยุนเอ๋อก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน อยู่ที่เฮงซวยนี้มานาน ตอนนี้จะได้ออกไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย

“พวกคุณตามผมมา” เพื่อนของเฟิงจิงเป่ยพูดขึ้น

พวกลี่จุนถิงเดินตามหลังเพื่อนของเฟิงจิงเป่ยเงียบๆ สังเกตสถานการณ์รอบตัวตลอดเวลา จะได้ไม่ถูกคนมาเห็นเข้า

“ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ต้องให้พวกคุณลำบากชั่วคราวมาอยู่ข้างในนี้ก่อนนะครับ” เพื่อนของเฟิงจิงเป่ยพูดพลางก็เปิดกล่องใบหนึ่งที่ตั้งอยู่บนรถจัดซื้ออาหารออกมา

“ไม่ลำบากค่ะ แต่ลำบากคุณแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าชัยชนะอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

แต่ถวนจื่อกลับตื่นเต้นแปลกๆขึ้นมา “หม่ามี้ ผมรู้สึกเหมือนกำลังแสดงละครอยู่เลยครับ”

พวกผู้ใหญ่ที่ได้ยินถวนจื่อพูดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆออกมา

“ใช่จ้ะ ตอนนี้พวกเรากำลังแสดงละครกันอยู่” เจียงหยุนเอ๋อพูดคล้อยตาม

แต่ถวนจื่อก็ไม่ได้พูดผิด ชีวิตคนก็เหมือนกับแสดงละคร เพียงแค่ว่าละครเรื่องนี้หยุดชั่วคราวไม่ได้เท่านั้นเอง

ก็เหมือนกับเจียงหยุนเอ๋อที่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังไงก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้นั่งเรือลักลอบเข้าฝั่งมาถึงที่นี่ เช่นเดียวกันก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับลี่จุนถิงที่นี่และออกไปได้เร็วขนาดนี้

“เอาล่ะ พวกเราต้องเร่งหน่อยแล้ว แต่เดี๋ยวคนตรวจตราก็จะมาแล้ว” เพื่อนของเฟิงจิงเป่ยดูเวลา

อยู่ที่นี่มานาน ก็คาดการณ์เวลาของทีมลาดตระเวนที่จะผ่านมาที่นี่ได้พอประมาณแล้ว

ทุกคนจึงรีบทยอยเข้าไปในกล่องอย่างรวดเร็ว

ของเฟิงจิงเป่ยเห็นว่าการเตรียมได้พอประมาณแล้ว จากข้างนอกก็ไม่เห็นพิรุธอะไร จึงขึ้นรถพาพวกเขาหนีออกไป

ตลอดทาง เจียงหยุนเอ๋อแม้แต่หายใจก็ระมัดระวังมาก กลัวว่าตัวเองจะหายใจเสียงดังทำให้คนอื่นมาเจอเข้า

ลี่จุนถิงเห็นเจียงหยุนเอ๋อเป็นแบบนี้ตลอดทางก็อดรู้สึกขำไม่ได้

เจียงหยุนเอ๋อมองลี่จุนถิงอย่างสงสัย แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณหัวเราะอะไร? นี่มันเวลาไหนแล้วคุณยังจะหัวเราะอีก?”

ถ้าให้คนอื่นมาเห็นเข้าจะทำยังไง?

ลี่จุนถิงรีบเก็บรอยยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจังทันที

ลี่จุนถิงเพราะว่าท่าทีเคร่งขรึมจริงจังของผู้หญิงคนตรงหน้านี้หรอกถึงได้รู้สึกว่าน่ารัก

แต่ในเมื่อคุณภรรยาพูดแล้ว ลี่จุนถิงก็ไม่กล้าหัวเราะอีก

นี่คือครั้งแรกที่ชิงโม่เห็นลี่จุนถิงอ่อนข้อให้ทันทีด้วยตาของตัวเองก็พลันรู้สึกมหัศจรรย์

ที่แท้บอสของตัวเองก็มีวันนี้เหมือนกัน

ฟ้าก็ราวกับว่าดูแลพวกเขาอยู่ ตลอดทางรู้ว่ากำลังจะออกจากโรงงาน ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความพิเศษของรถคันนี้เลย

รู้ว่าตัวเองออกมาจากสถานที่เฮงซวยนั่นแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ตบหน้าอกตัวเองสองสามทีอย่างโล่งอก

“ว่าไง คราวนี้สบายใจได้แล้วใช่ไหม?” ลี่จุนถิงมองเจียงหยุนเอ๋อแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า “ใช่สิ ที่เฮงซวยแบบนั้น ต้องหวาดระแวงกลัวอยู่ทุกวัน”

สายตาของลี่จุนถิงพลันอ่อนโยนขึ้นมาทันที “ขอโทษนะ ทำให้คุณต้องลำบากแล้ว”

เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้า “ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เสียหน่อย”

ทั้งสองกุมมือเข้าด้วยกัน ในสายตาล้วนคืออีกฝ่าย

รถหยุดลงแล้ว

“เอาล่ะ พวกคุณถึงแล้ว รีบออกมาเถอะครับ” พอถึงครึ่งทาง เพื่อนของเฟิงจิงเป่ยก็ปล่อยพวกเขาลงมา “พวกคุณอยู่ข้างในนี้นาน ขนาดนี้ คงอึดอัดแย่แล้วสินะครับ”

“พอได้ค่ะ” เจียงหยุนเอ๋อคิดว่าขอแค่ได้ออกมา อึดอัดนานแค่ไหนก็คุ้มค่า

ชิงโม่ติดต่อกับคนข้างนอกมาก่อนหน้าแล้ว ตอนนี้ก็ส่งคนมารับที่นี่แล้ว

“ครั้งนี้ขอบคุณคุณมากจริงๆค่ะที่พาพวกเราออกมา” เจียงหยุนเอ๋อพูดขอบคุณกับเพื่อนของเฟิงจิงเป่ย

เพื่อนยิ้มพูด “มันคือเรื่องที่สมควรทำครับ ในเมื่อคนของพวกคุณมาถึงแล้ว ผมก็ขอตัวไปก่อนนะครับ มีโอกาสไว้เจอกันใหม่นะครับ”

“ลาก่อนค่ะ”

หลังจากที่โบกมือลากับเพื่อนของเฟิงจิงเป่ยแล้ว พวกเขาทั้งสี่ก็รีบกลับไปโรงแรมอย่างรวดเร็ว

เจียงหยุนเอ๋อมองความโอ่อ่าตระการของโรงแรม แล้วคิดถึงความมืดมนจนมองไม่เห็นแสงอาทิตย์ของตัวเองเมื่อตอนที่อยู่ในโรงงานก็พลันรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา ตัวเองสามารถมายืนอยู่ที่นี่ได้โดยที่ยังครบสามสิบสองอยู่ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

“เอาน่า อย่าดูแล้ว กลับไปที่ห้องก่อนนะ” ลี่จุนถิงโอบไหล่ของเจียงหยุนเอ๋อแล้วพาเธอขึ้นไปชั้นบน

พาเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อเข้ามาในห้องแล้ว สิ่งแรกที่ลี่จุนถิงทำก็คือเรียกเชฟของโรงแรมส่งอาหารที่เอร็ดอร่อยเข้ามา

นานมากแล้วที่เจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อไม่ได้กินอาหารดีๆเลย ลี่จุนถิงก็จินตนาการออกว่าพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นด้วยความยากลำบากแค่ไหน