บทที่ 335 คิดถึงจนจะบ้าอยู่แล้ว
อยากกินของอร่อยทุกวันมันเป็นไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นลี่จุนถิงจึงเตรียมเชฟมาให้อย่างรู้ใจ
ถึงแม้เจียงหยุนเอ๋อจะหิวมาก แต่ก็ทนกับกลิ่นเหม็นเปรี้ยวบนตัวไม่ไหวแล้วจริงๆ
“ฉันอยากอาบน้ำก่อน เหม็นเกินไปแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อดมกลิ่นตัวตัวเองแล้วฉายแววตารังเกียจออกมา
ลี่จุนถิงพยักหน้า แน่นอนว่าก็ตามใจเจียงหยุนเอ๋อทุกอย่าง
“ถวนจื่อ ลูกก็ไปอาบน้ำด้วยนะ” เจียงหยุนเอ๋อหาเสื้อที่สะอาดสองสามตัวโยนให้ถวนจื่อ
ถวนจื่อรับเสื้อแล้วเข้าไปในห้องอาบน้ำเลย
เจียงหยุนเอ๋อก็เก็บของอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เข้าไปในห้องอาบน้ำอีกห้อง
ชิงโม่กับลี่จุนถิงก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกเขาสองคนไปนั่งที่ห้องโถง แล้วหยิบของที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา
พวกเขากำลังวิจัยพวกชิ้นส่วนอะไหล่ ซึ่งของพวกนี้ก็คือเอามาจากในโรงงาน
ในตอนแรกที่เข้าไป พวกเขาก็รู้สึกว่าโรงงานนี้แปลกๆแล้ว จึงตั้งใจเอาชิ้นส่วนอะไหล่เล็กๆออกมาจากโรงงานเพื่อวิจัยดู
“ของพวกนี้เหมือนจะไม่ธรรมดา” ลี่จุนถิงดูชิ้นส่วนอะไหล่ที่เอาออกมาทีละชิ้นๆแล้วพูดขึ้น
ชิงโม่พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ครับ ของพวกนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ของปืนผาหน้าไม้”
ชิงโม่สัมผัสกับของพวกนี้มาบ้าง จึงเห็นแค่แวบเดียวก็รู้เลย
แต่ว่าชิ้นส่วนอะไหล่พวกนี้ปกติแล้วพวกเขาก็ไม่ค่อยได้เห็น เป็นชนิดที่ค่อนข้างมีน้อย
สีหน้าของทั้งสองฉายแววเคร่งขรึมเล็กน้อย
ชิงโม่กับลี่จุนถิงอยู่ในโรงงานมาหลายวัน ถึงแม้จะรู้โครงสร้างของโรงงานมาพอประมาณแล้ว แต่ก็เป็นเพราะว่าพวกเขามีประสบการณ์ด้านนี้เลยสามารถคุ้นเคยกับเส้นทางได้แค่ในช่วงเวลาสั้นๆ
ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปก็คงต้องเป็นเดือนถึงจะคุ้นเคยได้
เขตฐานที่ใหญ่ขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะสร้างของพวกนี้ที่นี่
หลังจากที่สร้างของพวกนี้เสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่าจะส่งไปที่ไหน จะเอาไปขายหรือส่งให้กับสถานที่หนึ่งเป็นประจำบริการส่วนตัวเป็นการโดยเฉพาะ เรื่องพวกนี้ล้วนยังไม่รู้
“ดูท่าเขตฐานนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ” ลี่จุนถิงยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับเขตฐานนี้มากขึ้นซะแล้วสิ
ชิงโม่เองก็เช่นกัน “ผมจะให้คนไปสืบครับ”
และในเวลานี้เอง เจียงหยุนเอ๋อก็อาบน้ำเสร็จเดินออกมา
“พวกคุณเป็นอะไรกัน? สีหน้าแย่เชียว?” เจียงหยุนเอ๋อเช็ดผมไปพลางพูดไปพลาง
ลี่จุนถิงไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับเจียงหยุนเอ๋ออยู่แล้ว “ไม่มีอะไร”
ในเมื่อลี่จุนถิงไม่อยากบอกก็ต้องย่อมมีเหตุผลของเขา เจียงหยุนเอ๋อก็จะไม่ถามมาก
“เอาล่ะ รีบมากินข้าวกันเถอะ ผมจะเรียกพ่อครัวเอาอาหารมา” ลี่จุนถิงพูดพลางกดปุ่มสีแดงตรงประตู
ปุ่มสีแดงนี้คือใช้เรียกให้พ่อครัวมา
เพราะว่าเจียงหยุนเอ๋ออาบน้ำอยู่ ลี่จุนถิงกลัวว่าอาหารจะเย็นไป จึงให้พ่อครัวเอาไปอุ่นไว้ก่อน
“ได้ งั้นฉันไปดูถวนจื่อก่อนนะ” เจียงหยุนเอ๋อไปห้องอาบน้ำอีกห้อง ถวนจื่อก็ใกล้อาบเสร็จแล้ว
แม่ลูกสองคนออกมาแล้ว
ตอนที่ออกมา บนโต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารน่ากินมากมายแล้ว ทั้งสองเห็นก็น้ำลายไหลยืด
ถวนจื่อได้กลิ่นอาหารก็รีบนั่งลงกลืนกินอย่างตะกละอย่างอดใจไม่ไหวแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อเห็นลูกชายทำอย่างกับไม่ได้กินข้าวมาสิบกว่าปีก็รู้สึกขำ “ลูกกินช้าๆหน่อย ไม่มีใครแย่งลูกเสียหน่อย”
ถวนจื่อจะฟังเข้าได้อย่างไร ตักกับข้าวใส่ถ้วยตัวเองรัวๆ
ความจริงเจียงหยุนเอ๋อก็อยากกินแบบนี้เหมือนกัน แต่ชิงโม่ก็อยู่กินข้าวด้วย เธอก็ต้องรักษาภาพลักษณ์หน่อย
“ช้าหน่อย ไม่พอยังมีอีก” ลี่จุนถิงมองถวนจื่อ ความรักของพ่อพรั่งพรูออกมา
มิน่าล่ะ ทำไมตัวเองตอนเจอถวนจื่อครั้งแรกก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าใกล้ชิดและน่ารัก ที่แท้ก็เป็นเลือดเนื้อของตัวเองนี่เอง สายตาของลี่จุนถิงที่มองถวนจื่อก็ฉายแววรักใคร่เอ็นดูมากขึ้นกว่าเดิม
ลี่จุนถิงตักกับข้าวให้ถวนจื่อรัวๆ ส่วนชิงโม่ก็มองครอบครัวนี้อยู่เงียบๆ
นึกถึงความเย็นชาของลี่จุนถิงในแต่ก่อน ก็พลันรู้สึกว่าลี่จุนถิงที่อ่อนโยนดุจสายน้ำแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ข้าวมื้อนี้กินกันค่อนข้างนาน
กินเสร็จ ชิงโม่ก็พูดขึ้นอย่างรู้ตัวดีว่า “ผมกินอิ่มแล้ว ขอตัวไปก่อนนะครับ”
เจียงหยุนเอ๋อรั้งให้อยู่ต่อในฐานะเจ้านาย “ไม่นั่งอีกหน่อยเหรอคะ?”
ชิงโม่ส่ายหน้ารัวๆ ดูสายตาที่ลี่จุนถิงมองเขาสิชิงโม่รู้ว่าถ้าตัวเองนั่งต่ออีกหน่อย ไม่แน่ก็จะถูกสายตาของลี่จุนถิงฆ่าตายแน่ๆ
“ก็ได้ค่ะ งั้นไม่รั้งคุณแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อยิ้มพูด
ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อลุกขึ้นไปส่งชิงโม่
ถวนจื่อตอนนี้ก็กินได้พอประมาณแล้ว กำลังนั่งตบท้องของตัวเองบนเก้าอี้
“ว่าไงคะลูกรัก? กินอิ่มหรือยัง?” เจียงหยุนเอ๋อไปนั่งข้างๆถวนจื่อ
ถวนจื่อพูดด้วยความอิ่มเอิบใจอย่างยิ่งว่า “หม่ามี้ ผมกินอิ่มแล้วครับ ตอนนี้ผมมีความสุขมากเลย”
“กินอิ่มก็ดีแล้ว” เจียงหยุนเอ๋อลูบหัวของถวนจื่อ
“เอิ้ก” ถวนจื่อเรอออกมาด้วยความอิ่ม “หม่ามี้ ผมอยากนอนแล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อรู้ว่าวันนี้เหนื่อยมานานขนาดนี้ ถวนจื่อต้องเหนื่อยแล้วแน่ๆ “ได้จ้ะ หม่ามี้พาลูกเข้านอนนะ”
เจียงหยุนเอ๋อพาถวนจื่อเข้าห้อง แล้วห่มผ้าให้เขา
ไม่นานถวนจื่อก็เข้าสู่ห้วงความฝัน
“นอนแล้ว?” ลี่จุนถิงเดินเข้ามา
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า
ลี่จุนถิงพลันดีใจขึ้นมาทันที ในที่สุดก็ไม่มีคนแล้ว เขากับเจียงหยุนเอ๋อจะได้มีเวลาคุยกันซะที
ลี่จุนถิงดึงเจียงหยุนเอ๋อเข้ามา แล้วประกบริมฝีปากที่อบอุ่นของตัวเอง
เจียงหยุนเอ๋อก็พลันตกใจ แต่จากนั้นก็คล้องแขนบนคอของลี่จุนถิง ปิดตาลงแล้วจูบลึกกว่าเดิม
ลี่จุนถิงกอดเจียงหยุนเอ๋อแน่น จูบนี้เขาคิดถึงมานานขนาดไหน คิดถึงมากี่วันกี่คืน ในที่สุดวันนี้ผู้หญิงที่ตัวเองรักก็กลับมาเสียที
ผ่านไปสักพัก ลี่จุนถิงก็ผละออกจากริมฝีปากอย่างเสียดาย แล้วเอาหน้าผากของตัวเองแนบกับหน้าผากของเจียงหยุนเอ๋อ จากนั้นปากบางก็พูดขึ้นว่า “คิดถึงคุณจัง”
เจียงหยุนเอ๋อยกยิ้มมุมปากขึ้น “ค่ะ ฉันก็คิดถึงคุณ”
เจียงหยุนเอ๋อคิดถึงกลิ่นนี้จนจะบ้าอยู่แล้ว
ตอนที่อยู่ในโรงงาน ทุกครั้งที่นอนลง เจียงหยุนเอ๋ออยากถูกกลิ่นกายนี้โอบกอดเข้านอนขนาดไหน แล้วอยากพอถึงเช้าวันต่อมาตอนลืมตาขึ้น อย่างแรกที่เห็นก็คือลี่จุนถิงมากขนาดไหน
แต่ความปรารถนาพวกนี้ตอนนี้ก็เป็นจริงแล้ว
“อยู่ที่นั่นลำบากมากใช่ไหม?” ลี่จุนถิงแค่คิดว่าเจียงหยุนเอ๋อจะต้องใช้ชีวิตให้รอดท่ามกลางสภาพแวดล้อมเลวร้ายนั่น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเต็มอก
เจียงหยุนเอ๋อส่ายหน้า “ไม่ ฉันไม่ลำบากเลย ฉันก็แค่กลัว”
“หืม?” คอของลี่จุนถิงส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา “กลัวอะไร?”
เจียงหยุนเอ๋อพิงที่หน้าอกของลี่จุนถิง “ฉันกลัวว่าจะกลับมาไม่ได้อีก กลัวว่าจะไม่เจอคุณอีก”
ลี่จุนถิงลูบหัวของเจียงหยุนเอ๋อเบาๆ “ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก”
“คุณคือตามมาตลอดทางเลยเหรอ?” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกแปลกใจว่าลี่จุนถิงหาตัวเองเจอได้ยังไง ตัวเองอยู่ในสถานที่แบบนั้น ไม่ได้ติดต่ออะไรกันเลยด้วย แต่ลี่จุนถิงก็หาตัวเองเจอได้อย่างแม่นยำ
ลี่จุนถิงพยักหน้า “ผมจะให้คุณกับถวนจื่อเป็นอะไรไปได้ยังไง โดยเฉพาะยิ่งตอนที่รู้เรื่อง DNA แล้ว……