บทที่ 398 เมื่อคืนคุณไปไหนมา?
บทที่ 398 เมื่อคืนคุณไปไหนมา?
“หือ? มีเรื่องราวเช่นนี้ด้วยรึ?!” กัวจื่อหมิงที่ได้ฟังคำอธิบายจากที่ปรึกษาจึงถึงกับต้องเลิกคิ้วสูง กระทั่งเผยน้ำเสียงโกรธเคือง
“ข้าน้อยกล่าวความจริงขอรับ ไม่มีส่วนใดผิดเพี้ยน!” ที่ปรึกษารีบตอบรับ
“สารเลว!” กัวจื่อหมิงตบมือลงกับโต๊ะตรงหน้าด้วยความโกรธ “อู๋ฝานอะไรนั่นคิดจะก่อกบฏงั้นหรือ? กล้าดีอย่างไรทำร้ายเจ้าหน้าที่ของทางการ?!”
กัวจื่อหมิงที่เดิมก็ไม่พอใจอู๋ฝานอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อคนของอีกฝ่ายทำร้ายคนของตน ก็เท่ากับเป็นการแสดงให้รู้ว่าไม่เห็นตนอยู่ในสายตา เป็นแค่คนอวดดีที่บังเอิญโชคดีได้รับบรรดาศักดิ์ ยามนี้เหิมเกริมถึงขั้นนี้แล้ว?
หมู่บ้านเร้นลับอยู่ภายใต้การปกครองของเทศมณฑลชิงหยวน เขาคือผู้ปกครอง เมื่อใดกันที่คนของเขาไม่อาจเข้าไปเยือนหมู่บ้านเร้นลับได้?
ต่อหน้าโทสะเดือดระอุของกัวจื่อหมิง ที่ปรึกษาทำได้เพียงก้มหน้าไม่พูดไม่จา
“ไป! รวบรวมทหารภายในเมือง ข้าจะไปกวาดล้างหน่วยรักษาการณ์อะไรนั่น ดูว่าพวกมันจะอวดดีได้ถึงเพียงใด!” กัวจื่อหมิงตอบกลับมา
นอกจากเจ้าหน้าที่ของสำนักปกครองในเทศมณฑลแล้ว ก็ยังมีกองทัพประจำการอยู่ กองทัพเหล่านี้ไม่ดีทัดเทียมกองทัพประจำการแห่งราชสำนัก และก็ไม่ได้มีจำนวนมากมาย มีคนราวสองพัน ปกติแล้วจะรับหน้าที่เพื่อปกป้องเทศมณฑลจากการลักลอบบุกโจมตีของทัพกบฏ ครั้งก่อนที่กองทัพกบฏล้อมอยู่รอบด้านเทศมณฑลชิงหยวน หากกัวจื่อหมิงส่งกองทัพเหล่านี้ออกไป หมู่บ้านเร้นลับคงจะไม่ถูกโจมตี
แม้กำลังสู้รบของกองทัพนี้จะไม่อาจเทียบเท่ากองทัพประจำการแห่งราชสำนัก แต่หากเทียบกับหน่วยรักษาการณ์ก็ถือว่าดีกว่ามาก ดังนั้นกัวจื่อหมิงจึงมั่นใจว่าจะสามารถกำจัดหน่วยรักษาการณ์ของอู๋ฝานได้
“ขอนายท่านระงับโทสะ!” เมื่อเห็นกัวจื่อหมิงคิดส่งกองทัพออกไป ที่ปรึกษาจึงรีบกล่าว “นายท่าน อู๋ฝานคือจื่อเจวี๋ยจากการอวยบรรดาศักดิ์ขององค์เหนือหัว นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลและความโปรดปราน หากนายท่านส่งกองทัพไปสังหารคนของเขาตอนนี้ เกรงว่าจะเป็นการตบหน้าทั้งอู๋ฝานและองค์เหนือหัวนะขอรับ”
กัวจื่อหมิงที่โกรธจัด เมื่อได้ยินคำพูดของที่ปรึกษาถึงกับต้องชะงักงัน
ใช่แล้ว แม้อู๋ฝานไม่อาจให้อภัย แต่อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นจื่อเจวี๋ยที่จักรพรรดิประทานบรรดาศักดิ์ให้ การตอบโต้ไม่เท่าการตบหน้าจักรพรรดิด้วยหรือ? เช่นนั้นสุดท้ายสถานการณ์มันจะไปจบลงที่ตรงใด?
“เรื่องนี้ต้องปล่อยผ่านไปอย่างงั้นรึ?” กัวจื่อหมิงไม่ยินดี
หากเรื่องราวครั้งนี้ทำได้เพียงปล่อยผ่าน ไม่เพียงเขาจะเสียหน้า แต่ความคิดจับตัวสัตว์เลี้ยงเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์กับจักรพรรดิและองค์หญิงเจ็ดก็มีแต่จะล้มเหลว มันคือผลลัพธ์ที่เขาไม่อาจยอมรับ!
“เรื่องนี้ต้องไม่ปล่อยผ่านขอรับ” ไม่เพียงกัวจื่อหมิง แต่ที่ปรึกษาก็ไม่อาจลืมเลือนความอัปยศนี้ได้ อย่างไรเขาก็เสียหน้าครั้งใหญ่ เรื่องนี้ต้องหาทางเอาคืน
“แล้วจะทำอย่างไร?”
“นายท่านไม่อาจใช้กองทัพประจำเมืองเล่นงานหน่วยรักษาการณ์ของอู๋ฝานได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่อาจใช้ทหารประจำตัวของนายท่านได้มิใช่หรือขอรับ หากเกิดการปะทะกันระหว่างทหารประจำตัวของนายท่านกับหน่วยรักษาการณ์ของอู๋ฝาน และบังเอิญเกิดพลาดพลั้งสังหารคนของอู๋ฝาน มันก็เป็นเพียงข้อพิพาทส่วนตัวระหว่างนายท่านและอู๋ฝานขอรับ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีทางไปถึงองค์เหนือหัว เรื่องราวเล็กน้อยเช่นนี้องค์เหนือหัวย่อมไม่คิดใส่ใจขอรับ” ที่ปรึกษาตอบกลับมา
การใช้กองทัพ ไม่ว่าเป็นที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องใหญ่ มันต้องมีเหตุจำเป็น และจักรพรรดิย่อมต้องให้ความสนใจกับการเคลื่อนพลของกองทัพ ทว่าหากเป็นการกระทบกระทั่งระหว่างทหารประจำตัวของเขากับอู๋ฝาน มันก็เป็นเพียงแค่การกระทบกระทั่งกันส่วนตัวระหว่างคนทั้งสอง อย่างไรการปะทะกันระหว่างขุนนางและข้าราชการพลเรือนก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก จักรพรรดิจะไม่มีทางให้ความสนใจกับเรื่องราวเล็กน้อยเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของที่ปรึกษา กัวจื่อหมิงจึงเผยดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “กล่าวได้ดี!”
กัวจื่อหมิงย่อมมีทหารประจำตัวที่จวนผู้ปกครองเทศมณฑล พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่สำนักปกครองจะเทียบได้ แต่ละคนต่างก็มีฝีมือสูงส่ง พละกำลังยอดเยี่ยม กัวจื่อหมิงเก็บพวกเขาเอาไว้ข้างกายก็เพื่อปกป้องความปลอดภัยส่วนตัว ดังนั้นฝีมือของพวกเขาจึงโดดเด่น ได้รับการฝึกและมีอาวุธที่ไม่น้อยหน้าผู้ใด แค่จัดการกับทหารประจำตัวหรือหน่วยรักษาการณ์ของอีกฝ่ายย่อมไม่ใช่ปัญหา
ทหารคุ้มกันเช่นนี้ตระกูลใหญ่ทั้งหลายหรือข้าราชการตำแหน่งสูงย่อมมีไว้ในครอบครอง โดยเฉพาะกับยุคนี้ที่ไม่ได้สงบสุข การมีทหารคุ้มกันส่วนตัวถือเป็นสิ่งจำเป็น และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ต้องไม่น้อยหน้าไปกว่าทหารประจำการแห่งราชสำนัก
“เอาเช่นที่ว่าแล้วกัน เช้าวันพรุ่งนี้ให้นำทหารส่วนตัวของข้าส่วนหนึ่งเดินทางไปที่หมู่บ้านเร้นลับ และครั้งนี้ไม่ว่าด้วยอะไรจะต้องจับตัวสัตว์เลี้ยงพวกนั้นมาให้ได้ เข้าใจหรือไม่?” กัวจื่อหมิงเอ่ยกับที่ปรึกษา
หลังพูดคุยก็พบว่าขณะนี้ฟ้ามืดแล้ว แม้กัวจื่อหมิงอยากจัดการให้สิ้นเรื่องราวเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ต้องรอคอยจนถึงวันรุ่งขึ้น
“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” ที่ปรึกษารับคำ
วันนี้ที่ปรึกษาได้รับความเสื่อมเสียครั้งใหญ่ในหมู่บ้านเร้นลับ เขาปรารถนาการแก้แค้นและกอบกู้หน้าตายิ่งกว่าใคร ดังนั้นจึงไม่เห็นแย้งกับการนำกลุ่มคนไปถล่มหมู่บ้านเร้นลับ
ทางฝั่งอู๋ฝานที่ไม่ทราบแผนชั่วของกัวจื่อหมิงที่คิดตีบ้านขณะเขาไม่อยู่ ชายหนุ่ม ลั่วหยาง และลั่วเยวี่ยกำลังรีบเดินทางมุ่งหน้าสู่อีกเมือง จนกระทั่งถึงช่วงก่อนอาทิตย์ตกดินจึงพบโรงเตี๊ยมสำหรับใช้พักผ่อน
หากไม่จำเป็นอย่างถึงที่สุด อู๋ฝานจะไม่พักค้างแรมในป่า ประการที่หนึ่ง เพราะสภาพแวดล้อมเลวร้าย ประการที่สอง เพราะความปลอดภัย อย่างไรในป่าย่อมไม่อาจขาดมอนสเตอร์ และประการที่สามซึ่งเป็นข้อที่สำคัญที่สุด ถ้าต้องค้างแรมในป่า เรื่องที่เขาเทเลพอร์ตไปที่อื่นอาจถูกเปิดโปง ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องรีบเดินทางให้ถึงเมืองอื่นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อที่จะได้หาโรงเตี๊ยมสำหรับใช้พักอาศัยชั่วคราว
ก่อนจะกลับไปยังห้องตนเอง อู๋ฝานได้กล่าวกับลั่วหยางและลั่วเยวี่ย “พรุ่งนี้ตอนเช้า หากข้ายังไม่ตื่นก็ไม่ต้องเรียกซ้ำ การเดินทางไปเมืองหลวงของพวกเราครั้งนี้ไม่ได้เร่งรีบอันใด พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเดินทางเมื่อนั้น”
“ทราบแล้วนายท่าน” สองพี่น้องตอบรับ
อู๋ฝานพยักหน้ารับ ก่อนจะเทเลพอร์ตกลับสู่โลกความเป็นจริง เพราะวันนี้ต้องเข้าพื้นที่หวงห้ามของภูเขาเทียนเหลียงไปกับหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ ดังนั้นจึงอาจเทเลพอร์ตกลับมาที่นี่ได้ไม่ทันเวลา เขาต้องบอกกับลั่วหยางและลั่วเยวี่ยเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ทั้งสองตื่นตูมและมาพบว่าตนไม่ได้อยู่ในโรงเตี๊ยม
หลังเข้าห้องพักในโรงเตี๊ยม ชายหนุ่มก็เทเลพอร์ตกลับโลกความเป็นจริง หลังพักผ่อนอีกพักหนึ่ง เขาก็ลุกไปอาบน้ำเตรียมตัว
ช่วงที่อู๋ฝานออกจากห้อง เขาก็พบว่านักศึกษาทั้งหลายตื่นกันเรียบร้อยแล้ว เห็นได้ชัดว่าทุกคนกำลังรอคอยทริปเดินเขาในวันนี้
“อรุณสวัสดิ์” อู๋ฝานทักทายกลุ่มนักศึกษา อย่างไรนับจากวันนี้ เขาก็ต้องทำความคุ้นเคยกับพวกเขาให้มากขึ้น
“อาจารย์อู๋ เมื่อคืนไปไหนมาคะ?” ขณะอู๋ฝานกำลังเดินไปหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์และถังอวี่เฟย ก็เป็นถังอวี่เฟยที่เอ่ยถามขึ้น
“ไม่ได้ไปไหนครับ หลังพวกคุณกลับมาได้ไม่นานผมก็ตามกลับมาแล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ
“โกหก! เมื่อคืนฉันแวะไปเคาะประตูห้องคุณอยู่ตั้งนาน เคาะอยู่ครึ่งคืนยังไม่มีคนตอบ หมายความว่าเมื่อคืนไม่มีคนอยู่ในห้อง!” ถังอวี่เฟยตอบกลับมาเสียงแข็ง