บทที่ 330 กลยุทธ์ลอกคราบจั๊กจั่นอันแนบเนียน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 330 กลยุทธ์ลอกคราบจั๊กจั่นอันแนบเนียน

นางต้องคิดหาวิธีแก้ไข

แล้วดวงตาก็ประกายขึ้นมา นางคิดได้ว่าในตอนที่นางหายาต้นกำเนิดตัวสุดท้าย ในทุ่งดอกไม้ มีฟอสฟอรัสขาวจำนวนมากอยู่ด้วย

ฟอสฟอรรัสขาว!

ใช่แล้วฟอสฟอรัสขาว!

ความคิดผุดขึ้นมา

ดังนั้นนางจึงปล่อยเปลวไฟออกมา เพื่อเผาไหม้ฟอสฟอรัสขาวบนทุ่งดอกไม้ ในไม่ช้าไฟก็ลุกโชน แล้วเปลวไฟก็ยิ่งลุกมากขึ้นเรื่อย จำเปลี่ยนจากทะเลดอกไม้กลายเป็นทะเลเพลิง ……

ส่วนตอนนี้ราชครูแห่งราชวงศ์เก่าที่กำลังใช้วิชาควบคุมหนอนพิษกู่ เพราะดอกกระดูกขาวที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงหนอนพิษกู่จิ้นถูกทำลาย และเหล่าหนอนพิษกู่จิ้นก็เผาไปด้วย จึงทำให้วิชาของเขาย้อนเข้าหาตัว จนเกือบจะระเบิดตัวเขาเอง

ส่วนหนอนพิษกู่จิ้นและคนโดนมนต์ดำที่โดนควบคุมจนเสียการทรางตัวของตัวเอง ก็เข้าไปทำร้ายผู้คนในหมู่บ้านชนเผ่าหยินไห่ ……

จนที่สุดเหล่าคนโดนมนต์ดำก็ถูกจัดการจนหมด และศพของชาวบ้านชนเผ่าหยินไห่ก็ถูกกองเป็นภูเขา ส่วนราชครูแห่งราชวงศ์เก่าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนฝั่งของหลานเยาเยาในตอนนี้

หลังจากทำยาถอนพิษสำเร็จ นางก็ค่อยๆป้อนยาให้กับทีละคนๆ

และนางก็ป้อนยาให้กับเย่แจ๋หยิ่งเป็นคนสุดท้าย นางป้อนยาใส่ปากของเขา แล้วยกคอของเขาขึ้นเพื่อที่จะให้ยาลงคอไปเข้าสู่ร่างกาย

ยาถอนพิษก็ถือว่าป้อนให้หมดแล้ว

หลานเยาเยาจึงกวาดตาไปมองหานแสที่นอนอยู่ข้างๆดวงตาก็ประกายขึ้นมา ก่อนจะลากเย่แจ๋หยิ่งไปซ่อนยังสถานที่ที่ค่อนข้างลับ

ก่อนที่จะจากไป

นางก็จดจ้องไปยังเย่แจ๋หยิ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“เย่แจ๋หยิ่ง ยาถอนพิษนี้จะผลข้างเคืองตามมา มันอาจจะทำให้ท่านลืมเรื่องราวบางสิ่งที่ท่านไม่อยากจะลืม ถ้าหากท่านลืมข้า ข้าเองก็จะลืมท่านเสีย เช่นนั้นพวกเราก็จะได้ลืมเลือนกันและกัน!เป็นเช่นนี้จะดีกับพวกเราทั้งสองคน!ถ้าหากไม่ใช่ เช่นน้นก็จะยิ่งดี อย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นว่า ในใจของท่านนั้นข้าไม่ได้สำคัญอะไรเลย”

พอพูดจบนางก็หันหลังจากไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า นางยังไม่ทันได้จากไป เย่แจ๋หยิ่งก็ลืมตาขึ้น มองไปยังทิศทางที่นางเดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย

“เยาเยา……”

“ข้าจะพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อจะจำเจ้าไว้ให้ได้……”

แล้ว!เขาก็ดึงปิ่นปักผมบนหัวลงมา พลางเปิดแขนเสื้อ แล้วใช้ปิ่นปักผมสลักแขนตัวเองด้วยคำสามคำ——หลานเยาเยา

ไม่ว่าเลือดที่แขนจะไหลออกมามากเพียงใด เขาก็ไร้ความรู้สึก และทำเพียงบีบแขนตรงที่สลักชื่อของหลานเยาเยาเอาไว้แน่น ก่อนที่ดวงตาจะแดงก่ำด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นอีกครา ……

“เยาเยา เจ้าเกลียดชังข้าหรือไม่?”

“แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเกลียดข้า แต่ข้ากลับยังทำเช่นนี้”

“เพราะเขาแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งถึงขนาดตัวข้าอย่างสามารถต่อกรด้วยได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงให้เขาเห็นกับตาว่าเจ้า 'ตาย'แล้ว เป้าหมายของเขาถึงจะเปลี่ยนได้”

หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะ

เย่แจ๋หยิ่งมองไปยังขนของตัวเองอย่างจดจ่อ จึงค่อยๆลุกขึ้น แล้วพยุงร่างอันหนักอึ้งของตัวเดินก้าวไปข้างหน้า

แผ่นหลังของเขาดูอ่อนล้าและหม่นหมอง แม้แต่ทุกสิ่งที่อยู่ข้างกายของเขาก็กลายเป็นหดหู่เยือกเย็นไปหมด ……

แล้วในเวลานั้นเองหลานเยาเยาก็ปรากฏตัวมาทางด้านหลังของเขา

เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขาที่ค่อยๆหายไปจากสายตาของนาง นางก็เอื้อมมือออกไปลูบหลังเขากลางอากาศ เพียงแต่มันกลับไม่สัมผัสถึงตัวเขา

ในที่สุด

หยดน้ำตาก็ไหลผ่านลงมา นางทรุดลงไปกับกับพื้น ด้วยร่างกายที่แสนจะทรุดโทรม

“จะกลุ้มใจไปทำไม?”

……

“จื้งๆๆๆๆ……”

กู่ฉินยังคงบรรเลงต่อไป

ภาพลวงตายังไม่สิ้นสุด แต่เย่แจ๋หยิ่งที่เจ็บแปลบในหัวใจ จึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาจากภาพลวงตาทันที

หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา เขาก็เห็นหลานเยาเยาที่น้ำตาไหลเป็นสองทางบนใบหน้า

พวกเขาเห็นภาพลวงตาเดียวกันงั้นหรือ?

ไม่สนใจว่าจะเป็นอย่างเดียวกันหรือไม่ เขาก็ต้องหยุดไม่ให้นางบรรเลงกู่ฉินต่อไป

ดังนั้น!เขาจึงเอื้อมือออกไปกดสาย เพื่อที่จะบังคับให้นางหยุดบรรเลง

พอกู่ฉินเงียบลง คนที่ฟื้นคืนสติออกมาจากภาพลวงตาอย่างหลานเยาเยา ก็ราวกับโดนมนต์สะกด เอาแต่จ้องมองไปยังสายกู่ฉินโดยไม่พูดจาสิ่งใด

“เยาเยา……”

เย่แจ๋หยิ่งเรียกนาง แล้วนางจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา จ้องมองไปยังเขาอย่างไม่คลายด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ

“เยาเยา เจ้าเป็นอะไรไป?”เย่แจ๋หยิ่งรู้สึกกังวลเล็กน้อย

ที่เขาหยุดการบรรเลงกู่ฉินของนาง ทำให้นางเกิดปัญหาขึ้นงั้นหรือ?

หลานเยาเยาไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับยื่นมือออกไปจับแขนของเขาเอาไว้ ก่อนจะเปิดแขนเสื้อออก แล้วคำสลักสามคำก็ปรากฏขึ้นมามือของนางถึงกับนิ่ง จากนั้นค่อยๆใช้มือลูบมันอย่างเบาเบาไปยัง‘หลานเยาเยา’สามคำนี้

เย่แจ๋หยิ่งอยากที่จะชักมือกลับ แต่หลานเยาเยากลับไม่ให้ เมื่อหมดหนทาง เขาจึงทำได้เพียงให้นางดูแล้ว

“เจ็บอยู่หรือไม่?”นางถาม

“ไม่เจ็บ!”เขาตอบ

“เหตุใดในร่างของท่านถึงมีหนอนพิษกู่?”สำหรับเรื่องนี้ นางได้รู้ตั้งแต่คราวที่แล้วที่นางจับชีพจรของเขา

“ไม่มี!”เย่แจ๋หยิ่งปฏิเสธ

“ข้าเป็นหมอ ท่านหลอกข้าไม่ได้หรอก พูดมา เหตุใดถึงยังมีหนอนพิษกู่?”

ใบหน้าของหลานเยาเยาเย็นชา เย็นชาถึงขั้นที่ทำให้เย่แจ๋หยิ่งต้องขยับ

แต่เขาไม่อยากพูด เพราะว่ามันไม่มีสิ่งใดน่าพูดออกมา ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบ

“จะไม่พูดใช่หรือไม่?”

หลานเยาเยายิ้มเยาะออกมา ก่อนจะหยิบกริชอันแหลมคมมาแล้วแทงไปบนแขนโดยไม่พูดกล่าวสิ่งใด

บาดแผลยาวๆปรากฏขึ้นมาบนแขนอันขาวเนียนและบอบบางของนางทันที และเลือดที่ราวกับเจอทางออก ก็ไหลออกมา

เมื่อเห็นเช่นนั้น!ใจของเย่แจ๋หยิ่งก็ถึงกับหล่นวูบ

ความเจ็บปวดรวดร้าวแผ่ซ่านไปทั่วก้นบึ้งหัวใจของเขา แต่เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาที่คิดอยากจะหยิบกรีชในมือของหลานเยาเยาโยนทิ้งไป แต่กลับถูกหลานเยาเยาต่อต้านอย่างไม่สนใจ

“แคร๊ก……”

เมื่อหยิบไม่ได้กริช เขาจึงฉีกเสื้อของตัวเองออกมาหนึ่งชิ้น พลางดึงมือของนั้นมาแล้วจะพันแผลให้

แต่ว่า……

หลานเยาเยาก็ยังคงดึงมือออก

ใจของเย่แจ๋หยิ่งร้อนรน พลันพูดด้วยเสียงเยือกเย็น“เยาเยา เจ้าบ้าไปแล้วหรือไร?”

“บ้า?ข้าบ้างั้นรึ?คนที่บ้าคือท่านต่างหากล่ะ เย่แจ๋หยิ่ง”

เย่แจ๋หยิ่งตะลึง!

หลังจากตกใจไม่นาน เขาก็พยายามที่จะพันแผลให้นางอีกครั้ง แต่นางก็ยังคงสะบัดมือออกอีกครั้ง

เลือดที่ไหลออกมาจึงกระเด็นไปบนพื้น และเลือดก็ยังคงไหลรินออกมาไม่ยอมหยุด

เมื่อดูมือที่มีเลือดไหลออกมาของนาง สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งก็ยิ่งเยือกเย็นมากขึ้น

“หยุดโวยวาย แล้วให้ข้าพันแผลให้เจ้าซะ”

ใครจะรู้ว่า……

หลานเยาเยาจะยิ้มออกมา แล้วหยิบกริชขึ้นมาจ่อไว้ที่แขนตัวเองอีกครั้ง

“หลานเยาเยา!”สีหน้าของเย่แจ๋หยิ่งหม่นหมอง หลังจากคำรามออกมา เขาก็ถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยเสียงต่ำ

“อยากถามสิ่งใดก็ถามมาเถอะ!อย่าทำร้ายตัวเองอีกเลย”

สำหรับสิ่งนี้ หลานเยาเยายิ้มออกมาด้วยความไม่แยแส แล้วเริ่มถามอีกครั้ง

“เหตุใดในตัวท่านถึงมีหนอนพิษกู่?”

“หนอนพิษกู่ที่อยู่ในร่างไม่ใช่พิษกู่จิ้น”

“สิ่งนี้ข้ารู้แล้ว ท่านเพียงตอบคำถามข้ามาก็พอแล้ว”ใช่ไม่ใช่พิษกู่จิ้นมีหรือนางจะไม่รู้?

อีกอย่าง!

นางยังรู้ว่าอะไรคือพิษกู่ ใช้เวลาเพาะนานเท่าไหร่ สามารถฆ่าคนได้หรือไม่อีกด้วย

“เพื่อที่จะรู้สึกแบบเดียวกัน”

“เกิดขึ้นเมื่อเวลาใด?”

แท้จริงแล้วหลานเยาเยาได้เดาคำตอบเอาไว้แล้ว เพียงแต่นางอยากที่จะให้เขาพูดกับนางด้วยตัวเอง ถึงแม้จะต้องใช้วิธีการที่รุนแรง ก็ต้องบังคับให้เขาพูดออกมาให้ได้

“สามปีก่อน”

“ก่อนหรือหลังจากเข้าไปในหุบเขาจิ้น?”

“ก่อนหน้านั้น!”

เช่นนี้นี่เอง ถ้าเกิดเป็นหลังจากที่เข้าไปในหุบเขาจิ้น เขาก็คงจะไม่มีเวลาที่จะเอาพิษกู่นั้นให้ตัวเองแน่

“ดังนั้นทั้งหมดนี้ท่านได้วางแผนไว้หมดแล้ว?ท่านทราบว่าเป้าหมายของราชครูคือข้า และท่านก็ทราบด้วยว่าราชครูเป็นคนประเภทเดียวกับข้าด้วย ทั้งยังรู้ถึงความพิเศษของข้าอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องการฆ่าข้าเสีย เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง!”

เย่แจ๋หยิ่งมองนางพลันพยักหน้า

“ดังนั้นตอนที่อยู่ในชนเผ่าหยินไห่ ท่านถึงได้บอกกับข้าว่าให้พวกเราตัดสัมพันธ์ซะ จากนั้นถึงได้วางแผนตลบหลัง เพื่อที่จะหลอกราชครูของท่าน และเพื่อที่จะหลอกข้าด้วย

เป็นกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบที่แนบเนียนมาก!ทำให้ทุกคนเชื่อจนสนิทใจ…