บทที่ 331 อยากเอาท่านมาครอบครองเป็นของตัวเอง

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 331 อยากเอาท่านมาครอบครองเป็นของตัวเอง

ท่านไม่กลัวเลยหรือว่าแผนการของท่านจะเกิดอุบัติเหตุ แล้วข้าก็จะตายอยู่ในทุ่งทะเลดอกไม้เช่นนั้น?”

ณ ตอนนี้ หลานเยาเยาไม่รู้ว่าจะใช้อะไรมาอธิบายอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ เยาเยา ก่อนที่จะดำเนินตามแผนการ ข้าใช้เลือดของเจ้าเป็นแนวทาง เลี้ยงบำรุงหนอนพิษกู่ไว้ที่กลางหัวใจ

เพียงแค่รับรู้ถึงความเจ็บปวดทรมานของเจ้า ข้าก็จะเจ็บปวดทรมานไปกับเจ้าด้วย หากว่าเจ้าตาย ข้าก็จะตายไปพร้อมเจ้าด้วย”

ฟังจบ หลานเยาเยาส่ายหัว พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เย่แจ๋หยิ่ง จิตใจท่านชั่งโหดร้ายนัก ไม่ใช่โหดร้ายเพียงกับข้า ท่านโหดร้ายกับตัวเองยิ่งกว่า”

หลานเยาเยารู้ คนที่บำรุงเลี้ยงพิษกู่ถงซิน

การเลี้ยงบำรุงหนอนพิษกู่ในหัวใจมาเป็นเวลานานหลายปี ร่างกายจะค่อยๆซูบผอมไปทุกวันไม่พอ แต่จะต้องทนรับกับความทุกข์ทรมานมากกว่าอีกฝ่ายอีกเป็นหลายเท่า

ก็เหมือนวันอื่นๆก่อนหน้านี้ เมื่อเย่แจ๋หยิ่งคิดอยากจะบีบคอนางให้ตาย เขาก็กลับกระอักเลือดเองเช่นกัน

ดังนั้น!

การกลับไปเมืองหลวงอีกครั้งหลังจากนั้นสามปี นางก็เห็นเขากระอักเลือดบ่อยๆ

“เยาเยา ขอโทษ!”

“เหอะ ท่านมีอะไรจะต้องขอโทษข้า? ท่านวางแผนทั้งหมดก็เพื่อข้า แม้ว่าจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตของตัวเอง ข้าดีใจแทบไม่ทันนะสิ!”

พูดออกมาอย่างง่ายดาย

แต่ในดวงตาของหลานเยาเยากลับไม่มีแววของความดีใจแม้แต่น้อย

กลับหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่ง แล้วพูดอีกว่า : “ทำไมหลังจากที่ลืมข้าแล้ว ไม่เอาพิษกู่ถงซินออกมา?”

ตรงจุดนี้นางไม่เข้าใจเล็กน้อย

หลังจากที่กินยาถอนพิษกู่จิ้นแล้ว ทุกคนจะมีผลข้างเคียง ผลข้างเคียงของนางคือความทรงจำที่สำคัญช่วงหนึ่งหายไป

และเย่แจ๋หยิ่งก็ได้ลืมตัวตนที่คงอยู่ของนางผู้นี้ไป

พูดตามเหตุผล

หลังจากที่เขาลืมนางแล้ว จะต้องรู้ถึงการคงอยู่ของพิษกู่ถงซินเป็นแน่ เช่นนั้นทำไมถึงไม่เอาหนอนพิษกู่ออกมา?

“เป็นข้าที่ยอมบำรุงเลี้ยงพิษกู่ถงซินเอง แม้ว่าลืมเจ้าแล้ว ข้าก็จะไม่เอาออกมาง่ายๆเป็นอันขาด”

ก็เหมือนกับแขนที่สักชื่อของหลานเยาเยาไว้

แม้ว่าจะหาความรู้สึกนั้นไม่พบแล้ว เขาก็ยังตัดใจไม่ลงที่จะลบแผลเป็นเหล่านั้นไป

“เอาเถอะ!”

หลานเยาเยาพูดออกมาอย่างไม่แยแส

จากนั้นก็หยิบแอลกอฮอล์ออกมาจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ผ้าพันแผลและยาห้ามเลือด ส่งให้เย่แจ๋หยิ่ง “ช่วยข้าพันแผลเถอะ!”

จากนั้นหูตาจมูกปากก็ขมวดเข้าหากันในพริบตา

ยังดีที่นางสามารถดึงหน้าได้จนถึงถามคำถามเสร็จ

ซื่อ……

เจ็บจะตายอยู่แล้ว

คราวหน้า ห้ามใช้วิธีเช่นนี้แล้วเป็นอันขาด

“เบาหน่อยเบาหน่อย เจ็บมากนะ ท่านต้องนุ่มนวลหน่อย ท่านจะต้องเจ็บกว่าหลายเท่านะ!”

เย่แจ๋หยิ่งเหลือบมองหลานเยาเยาด้วยความประหลาด

ไม่รู้ว่านางยังโกรธอยู่หรือไม่ได้โกรธแล้ว โดยรวมแล้วคือแปลกประหลาด

หลังจากที่พันแผลให้หลานเยาเยาอย่างระมัดระวังเสร็จแล้ว หลานเยาเยาไม่ได้พูดอะไร ก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปทันที

ไม่แม้แต่จะมองภาพบนกำแพงน้ำแข็งแม้สักนิด

และหลานเยาเยาก็รู้สึกจนปัญญามาก!

เพิ่งจะดึงเศษส่วนความทรงจำที่ลืมไปเพราะผลข้างเคียงกลับมาได้ สภาพจิตใจของนางสับสนมาก และไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเย่แจ๋หยิ่งอย่างไร ดังนั้นดีที่สุดก็คือสงบใจลงก่อน

เดิมทีคิดว่ามาถึงปากถ้ำ จะต้องใช้กำลังวังชาอย่างมากจึงสามารถเปิดประตูน้ำแข็งรูปกลมๆได้ กลับคิดไม่ถึง เมื่อนางเดินเข้าไป ประตูน้ำแข็งก็เปิดออกเองแล้ว

หลังจากที่นางออกมา

พบว่าเย่แจ๋หยิ่งตามอยู่ด้านหลัง

นางเอียงศีรษะเล็กน้อย พูดอย่างราบเรียบ :

“ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”

เป็นดังคาด หลังจากที่ได้ยินคำของนาง ร่างกายของเย่แจ๋หยิ่งก็ชะงัก หยุดฝีเท้าลงทันที แล้วก็มองดูนางเดินไกลออกไปเรื่อยๆอย่างเงียบๆเช่นนั้น

ความจริงแล้วหลังจากหลานเยาเยาเดินคนเดียวมาได้ระยะหนึ่ง ก็โดนความรู้สึกที่หนาวเหน็บพัดโชยจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

หยุดฝีเท้าลง ยืนนิ่งครู่หนึ่ง

นางคิดอยู่มากมาย จากเดิมที่จิตใจสับสน ก็ยิ่งสับสนมากขึ้น

ดูท่าแล้วอยู่เงียบๆ ก็ไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกนึกคิดได้!

ที่แท้อยากอยู่เงียบๆก็คือการหลอกคน คนที่อยากจะอยู่เงียบๆเหล่านั้นก็ไม่ได้อยากจะอยู่เงียบๆจริงๆ แค่อยากเรียกคนผู้นั้นที่ชื่อจิ้งจิ้ง(เป็นชื่อที่มีความหมายว่าเงียบๆ)

ทนความเหน็บหนาวไม่ได้ หลานเยาเยาคิดอยากจะเดินย้อนกลับไป

แต่ทว่า

เดินย้อนกลับไปตอนนี้เร็วเกินไป จะต้องเสียหน้ามาก?

ยังไงก็รอก่อนเถอะ!

แต่ว่าผ่านไปไม่นาน หลานเยาเยาก็ทนไม่ได้แล้วจริงๆ หันหลังและก็เดินกลับ กลับถึงในห้องนอน ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งนั่งอยู่บนเตียงหยกพอดี

เมื่อเห็นนางเดินเข้ามา สายตาของเขาก็มองมาที่ร่างของนาง เมื่อนางเดินมาใกล้ สายตาก็ขยับตาม

หลังจากที่หลานเยาเยาถึงข้างเตียง ก็ม้วนอย่างแน่นหนาเป็นก้อน ทำให้ร่างกายอบอุ่น

หาเวลาว่างเหลือบมองเขาเป็นบางคราว พบว่าเย่แจ๋หยิ่งก็กำลังมองนางอยู่ ราวกับว่ามีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่พูดออกมาสักที

ท่าทางเช่นนั้นค่อนข้างน่ารักเป็นที่สุด!

ด้วยเหตุนี้!

หลานเยาเยากระแอมเบาๆ ริมฝีปากที่หนาวจนเป็นสีม่วงค่อยๆปริขึ้น

“หนาว หนาวจังเลย!”

ได้ยินดังนั้น เย่แจ๋หยิ่งก็ขยับตัวเข้ามา ดึงมือนางมาไว้ที่หน้าอกทำให้อุ่นขึ้น จากนั้นก็โอบนางทั้งร่างไว้ในอ้อมกอด ให้ความอบอุ่นแก่นางและร่างกาย

แต่ทว่า หลานเยาเยากลับไม่แยแสความหวังดีของเขา มุดออกมาจากอ้อมกอดของเขา จ้องมองเขานิ่งๆ

ถูก!

ก็แค่มองดูเขานิ่งๆ มองเขาไปเรื่อยๆ ทั้งยังไม่พูดจาเช่นนั้น

อาจเพราะโดนนางจ้องมองนานแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งจึงเคลื่อนสายตาไปอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ เปิดปากเอ่ย : “เยาเยา……”

พูดยังไม่ทันจบ หลานเยาเยาก็จุ๊บไปที่ริมฝีปากเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอยออกมา แล้วมองเขาอย่างนิ่งๆอีก

เย่แจ๋หยิ่งตัวแข็งทื่อ มองไปทางนางด้วยลักษณะท่าทางที่ค่อนข้างแข็งทื่อ ในสายตาปรากฏถึงความประหลาดใจออกมา

ไม่เข้าใจทำไมนางจึงได้ทำเช่นนี้อย่างกะทันหัน

หลังจากที่เงียบอยู่นาน เย่แจ๋หยิ่งก็ปริปากเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“เจ้ายังโกรธอยู่?”

“ท่านคิดว่าข้าโกรธอยู่หรือไง?”

พูดไป นางก็โน้มตัวเข้าไป จุ๊บไปที่ริมฝีปากบางๆของเขาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ทำอย่างฉาบฉวย แต่หยุดค้างอยู่บนริมฝีปากของเขานานขึ้นหน่อย

หลังจากที่นางถอยออกมา ก็มองเขาอยู่นิ่งๆอีกครั้ง สีหน้ายังคงเฉยชา

ก็เป็นท่าทางที่โกรธอย่างชัดเจน

“เยาเยา เจ้า……นี่เจ้าจะทำอะไร?”

ครั้งแรกที่เห็นหลานเยาเยามีท่าทางเช่นนี้ หาได้ยากที่เย่แจ๋หยิ่งพูดจาติดอ่างสองสามครั้ง ไม่รู้ว่านางคิดอย่างไรกันแน่ เพียงแต่รู้สึกว่ากิริยาท่าทางของนางทำให้เขาค่อนข้างกระวนกระวาย

ใครจะรู้……

หลานเยาเยายกมุมปากขึ้นบางๆ จากนั้นก็ผลักเขาลงไปบนเตียงหยกอย่างรุนแรง

“เย่แจ๋หยิ่ง ท่านดูให้ชัด ตอนนี้ข้าจะทำให้ท่านรู้ว่าข้ากำลังทำอะไร”

เมื่อสิ้นสุดคำพูด

หลานเยาเยาก็ประกบริมฝีปากของเขาทันที

อืม ราวกับว่ารีบร้อนอดทนไม่ได้ไปหน่อย……

ในดวงตาของเย่แจ๋หยิ่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แววตาขึงขัง สำหรับหลานเยาเยาที่ทั้งแทะโลมและกัดบนริมฝีปากของเขาอยู่ เขาได้ยับยั้งตัวเองไว้อย่างที่สุด

จนมือขาวๆของหลานเยาเยาได้แหวกเข้าไปที่หน้าอกของเขาตามใจอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ราวกับว่ายังไม่ถึงอกถึงใจ นิ้วมือเคลื่อนไปถึงช่วงเอวของเขาอย่างรวดเร็ว

และไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะหยุดอยู่……

หลังจากรู้สึกถึงความผิดปกติ เย่แจ๋หยิ่งก็จับมือที่อยู่ไม่นิ่งของนางไว้ทันที

พูดด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อยว่า :

“หยุดได้แล้ว เยาเยา”

จากนั้นก็พลิกตัว กดมือทั้งสองข้างของนางไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำ กล่าวทีละคำทีละคำ

“เจ้ารู้ว่าตอนนี้เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือไม่?”

หลานเยาเยาไม่สนใจ ริมฝีปากที่สวยงามปริขึ้นเล็กน้อย

“ชัดเจนมาก ข้าต้องการท่านไง! เอาท่านมาครอบครองเป็นของตัวเองโดยเผด็จการอย่างเด็ดขาด ยังดูไม่ออกอีกหรือ?”

พูดจบ ยังกะพริบตามองไปที่เขา

“……”

ประโยคเดียวข้าต้องการท่าน

ทำให้เย่แจ๋หยิ่งตะลึงงันอยู่นานมาก……