ตอนที่ 375 รนหาที่ตายเหรอ

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 375 รนหาที่ตายเหรอ

หลังกินอาหารเย็นเสร็จก็หาจุดที่ไกลหน่อยจัดการธุระส่วนตัว พวกมู่เถาเยาพักผ่อนกันตรงใต้เถาวัลย์ที่งูเถาวัลย์พันขัดอยู่

มีงูเถาวัลย์อยู่ ที่นี่ก็ถือว่าปลอดภัยพอสมควร

“ซาลาเปาน้อย ฉันรู้สึกว่าพรุ่งนี้ก็จะเจอหญ้าร้อยรสแล้วล่ะ”

“เมื่อความคิดของตัวเองแรงกล้าก็จะส่งผลต่อความรู้สึก ทำให้เกิดภาพลวงตาได้ อย่าใส่ใจนัก”

เธอเองก็อยากช่วยคน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสวรรค์ด้วยว่าจะให้เธอช่วยได้หรือเปล่า มิฉะนั้นเรื่องบางอย่างคิดมากไป ทำมากไปก็ไม่มีประโยชน์

ตี้อู๋เปียน “…”

ลู่จือฉินยิ้มพูด “วันนี้ค่อนข้างผิดจากปกติจริงๆ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า มันเกิดอะไรตรงไหนกันแน่”

ไม่พบเจออันตรายย่อมเป็นเรื่องดี แต่ผิดปกติมากเกินไปก็จะทำให้มนุษย์ที่เดิมทีมีความระแวดระวังอยู่แล้วยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ สังหรณ์ใจว่าสิ่งไม่ดีกำลังก่อตัวอยู่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือกระบวนความคิดที่ติดมาจากชาติที่แล้ว

เมื่อชาติก่อน หากวันไหนสงบเงียบขึ้นมาหน่อย สิ่งที่ตามมาก็คือแผนชั่วร้ายที่ชวนขนลุก

มู่เถาเยาเงียบไปสองวินาทีแล้วพูดขึ้น “น่าแปลกจริงๆ ค่ะ แต่หนูไม่รู้สึกถึงอันตราย…สัตว์ดุร้ายพวกนั้นไปไหนกันหมดนะ”

สัตว์ของเขตป่าชั้นในแทบจะเป็นสัตว์กินเนื้อทั้งหมด สัตว์กินพืชจะอยู่เขตป่าชั้นนอกเป็นส่วนใหญ่

ตี้อู๋เปียนพูดด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย “อาจารย์สาม ซาลาเปาน้อย ผมว่าอย่าคิดมากเลยครับ ไม่ว่าพวกมันจะไปไหนแล้วก็คงไม่มีทางขุดหลุมพรางรอพวกเราไปติดกับหรือเปล่า พวกมันจะไปเอาสติปัญญามาจากไหนกัน”

มู่เถาเยากับลู่จือฉินต่างอึ้งไป ชั่วขณะนั้นรู้สึกว่าความคิดของตัวเองน่าขำสิ้นดี

นั่นสิ สัตว์ไม่ใช่มนุษย์เสียหน่อย!

อย่างมากพวกมันก็แค่อยากกินให้ท้องอิ่ม มีหรือจะมาวางแผนทุกฝีก้าวแบบมนุษย์

“อาจารย์คะ ตี้อู๋เปียนพูดถูก พวกเราคิดมากเกินไปจริงๆ แล้วก็เสียงเดินของสัตว์พวกนั้นไม่เหมือนกำลังวิ่งหนี แสดงว่าเส้นทางที่พวกเราเดินไม่มีสัตว์แปลกประหลาดอะไรปรากฏหรอกค่ะ…”

“อืม แต่ต่อไปก็ต้องระวังไว้หน่อยอยู่ดี แมลงพิษสัตว์ร้ายไม่มี แต่หญ้าพิษดอกไม้พิษกลับมีไม่น้อย”

มู่เถาเยาตอบรับ

“อาจารย์สามครับ ซาลาเปาน้อย โดยทั่วไปพวกสมุนไพรวิเศษจะมีสัตว์ป่าเฝ้าอยู่ใช่ไหมครับ” ตี้อู๋เปียนเริ่มชี้นำเนียนๆ

สองศิษย์อาจารย์พยักหน้าพร้อมกัน

มู่เถาเยาอธิบาย “ปกติจะเป็นแบบนั้น แต่พิษฮ่วนเซี่ยงไม่ถือเป็นพิษที่แก้ยากอะไร การจะถูกพิษชนิดนี้ได้ต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขสองข้อ ซึ่งสัตว์กับพืชพาหะของสองเงื่อนไขนี้ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกันเลย…ดังนั้นหญ้าร้อยรสจึงไม่ถือว่าเป็นสมุนไพรวิเศษอะไร”

ลู่จือฉินพูดเสริม “…ถ้าแค่ถูกพิษของพืชหรือสัตว์ชนิดนี้อย่างเดียว มันจะไม่มีสรรพคุณทางการรักษา ดังนั้นก็ไม่แน่ว่าจะมีสัตว์ป่าเฝ้าอยู่ เว้นเสียแต่ว่าหญ้าร้อยรสจะยังมีสรรพคุณอื่นที่พวกเราไม่รู้อีก…”

มู่เถาเยาพยักหน้า “แต่เรื่องนี้ก็บอกยาก ยังไงซะหญ้าร้อยรสก็มีน้อยมาก สัตว์ไม่เคยเห็นอาจจะอยากกินมัน…”

ตี้อู๋เปียน “มีความเป็นไปได้แบบนั้น แต่เขตป่าชั้นในมีอันตรายสูงเป็นทุนเดิม หลายสิ่งหลายอย่างมีพิษ ถ้าไม่ใช่สัตว์ที่สามารถต้านพิษได้มาแต่กำเนิดอย่างงูเถาวัลย์ ผมว่าคงไม่มีสัตว์ตัวไหนกินของที่ไม่รู้จักได้ง่ายๆ”

สองศิษย์อาจารย์พยักหน้า เห็นด้วยกับคำพูดของตี้อู๋เปียน

มู่เถาเยา “พรุ่งนี้มุ่งหน้าต่อ ระวังไว้หน่อยย่อมดีกว่า”

“อืม ซาลาเปาน้อย ตอนนั้นเกาหม่าพาเธอไปด้านไหนเหรอ”

มู่เถาเยาชี้ไปทางซ้าย

“งั้นพรุ่งนี้พวกเราเดินตรงไปข้างหน้าไหม”

“ได้ คุณดวงดี งั้นไปทางที่คุณเลือก” มู่เถาเยาตอบ

ลู่จือฉินไม่ว่าอะไร

ไปทางไหนก็เหมือนกัน อย่างไรเสียก็ยังไม่เคยไปสักทาง

ตี้อู๋เปียนพูดอย่างจริงจัง “ซาลาเปาน้อย ฉัน ‘ดวงดี’ เป็นเรื่องจริง เธออย่าทำเป็นไม่ใส่ใจนะ เชื่อฉัน ตราบใดที่มันมีอยู่บนโลกจริง ยังไงฉันก็ต้องหาเจอ รวมถึงดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตด้วย”

ยังมีเวลาอีกสี่ปี เพียงพอให้เขาค้นหาไปทั่วโลก ถ้าไม่มีอยู่จริง แบบนั้นชีวิตของเขาก็ถึงฆาตแล้ว

“ตี้อู๋เปียน หลังตรุษจีนฉันจะให้หมิงเจ๋อสอนคุณฝึกยุทธ์”

“ฝึกได้แล้วเหรอ” ตี้อู๋เปียนตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“อืม ส่วนจะฝึกได้เป็นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแล้ว สองวันนี้พวกเราจะเก็บสมุนไพรสำหรับทำยากำลังภายในมาด้วย พอปิดเทอมหน้าร้อน ถ้าถึงเวลาเหมาะสม ฉันจะทำยาจื่อตันให้คุณกิน หรือกินทั้งต้นแบบฉันกับอาจารย์ก็ได้”

“ฉันจะไปถึงขั้นกินยาจื่อตันได้แน่” ตี้อู๋เปียนดีใจมาก

มู่เถาเยาพยักหน้า “กำลังภายในเพิ่มได้อย่างรวดเร็ว แต่วิชาตัวเบาต้องอาศัยขยันฝึกเอง” แต่มีกำลังภายในเป็นกองหนุน วิชาตัวเบาก็ง่ายขึ้น

ไม่เหมือนพวกเธอเมื่อก่อนที่ต้องฝึกทั้งในฤดูหนาวจัดและร้อนจัด

“ฉันรู้ ฉันไม่กลัวความลำบาก”

“ต่อให้ไม่กลัวความลำบากก็ต้องหยุดในเวลาที่เหมาะสม ห้ามฝืนเพราะต้องการสำเร็จไวๆ ต้องรู้นะว่าของแบบนี้มันเร่งกันไม่ได้”

“อืม เข้าใจแล้ว”

เขาอยากติดตามซาลาเปาน้อยไปนานแสนนาน เลยต้องทะนุถนอมชีวิตให้มากๆ ดังนั้นย่อมต้องทำทุกอย่างตามขอบเขตที่ร่างกายรับไหว

ลู่จือฉินมองมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนคุยกันอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“อาจารย์สามคะ?”

“หืม?”

มู่เถาเยา “คิดอะไรอยู่คะ”

“…แค่คิดเรื่องพรุ่งนี้น่ะ” คงไม่มีทางคิดถึงความเป็นไปได้ระหว่างเธอกับตี้อู๋เปียนหรือเปล่า

“งั้นอาจารย์เฝ้ายามนะคะ หนูกับตี้อู๋เปียนพักผ่อนก่อน”

ที่นี่ค่อนข้างปลอดภัย เฝ้ายามตอนกลางคืนได้แบบสบายๆ พรุ่งนี้ไปค้างตรงที่ที่ไม่คุ้นเคยเดี๋ยวเธอเฝ้ายามเอง

เธอสามารถเฝ้ายามได้สองคืน แต่อาจารย์ไม่ยอมแน่นอน ดังนั้นให้อาจารย์เฝ้าคืนที่สบายหน่อยแล้วกัน

ลู่จือฉินย่อมรู้ว่าลูกศิษย์คิดอะไร แต่ก็ไม่อยากปฏิเสธความหวังดี “ได้ พวกเธอพักผ่อนเถอะ”

ตี้อู๋เปียนสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ด

ทั้งสามคนนั่งด้วยกัน

มู่เถาเยาพักผ่อนจริงๆ

ลู่จือฉินส่องไฟไปรอบๆ เพื่อดูความเคลื่อนไหว

ตี้อู๋เปียนหลับตาคุยภาษาลับกับงูเถาวัลย์

“เสี่ยวหวัง งูที่เฝ้าหญ้าร้อยรสอยู่ข้างหน้าคืองูอะไร ตัวสีขาวลายดำ มีเขาหนึ่งคู่ ดูท่าทางน่ารัก…”

งูเถาวัลย์มองบนอยู่ในใจ ตอบ “เจ้ามนุษย์ ช่วยเรียกฉันว่าต้าหวัง! ข้างหน้าเป็นอาณาเขตของงูมังกรเขาขาว! อย่าพูดว่าน่ารักเลย ขนาดฉันยังไม่กล้าไปยุ่งกับมัน! ดีที่มันไม่กินพวกงูด้วยกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่หาบ้านอยู่ใกล้มันขนาดนี้หรอก!”

“ร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ! มีพิษไหม”

“มีสิ! พวกนายสามคนแค่ขนมกรุบกริบ ไม่พอยาไส้มันหรอก!”

“…พวกเราไม่ใช่ขนมนะ ขนาดตัวของมันดูไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของนายเลยนะ…”

“มันเล็กกว่าฉัน แต่ดุร้ายกว่าฉันเยอะ! ไม่เห็นเหรอว่าฉันเอาแต่ขดอยู่ที่นี่ ไม่กล้าไปไหนทั้งนั้นนอกจากเขตนี้!”

“…นายขี้ขลาดขนาดนี้เลยเหรอ”

“ถุย ฉันแค่ยังไม่อยากตายโว้ย” อยากใช้ชีวิตปกติสุข

“…แล้วนายไม่ออกไป กินอะไรยังไง”

“เดี๋ยวก็มีของกินมาเอง” เวลามันซ่อนตัวใครก็อย่าหวังจะได้เห็น ก็เลยมีอาหารเข้ามาหาเองอยู่ตลอด

ตี้อู๋เปียนถามด้วยความไม่เข้าใจ “จะว่าไปทำไมพวกนายถึงไม่จำศีลหน้าหนาวล่ะ”

“ก็ถูกพวกนายกวนจนตื่นนี่ไงเล่า!” งูเถาวัลย์มองบน

“งั้นงูมังกรเขาขาวล่ะ ทำไม”

“ก็เฝ้าดอกไม้นั่นเพราะอยากกินไง!”

“นายหมายถึงหญ้าร้อยรสเหรอ มันออกดอกด้วยเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ดอกของมันหอมอย่าบอกใครเชียว! อันที่จริงฉันก็อยากกิน แต่ไม่กล้าหรอก มังกรเขาขาวโคตรดุ ใครแย่งของกินกับมันไม่มีทางตายดี”

“งั้นมันฆ่าสัตว์ที่มาแย่งอาหารของมันยังไง”

“มันว่องไวมาก เหมือนฟ้าแลบ ถ้าไม่ติดว่าตัวขาว นายมองไม่เห็นเงามันหรอก ในป่านี้มีแค่ไม่กี่ตัวที่ไวกว่ามัน”

ตี้อู๋เปียนขมวดคิ้ว คิดอยู่ว่าจะปล่อยให้มู่เถาเยากับลู่จือฉินเสี่ยงอันตรายนี้ไม่ได้ เขาถามต่อ “มังกรเขาขาวชอบกินอะไรมากที่สุด ฉันอยากล่อมันออกไปแล้วเก็บหญ้าร้อยรสนั่น”

“รนหาที่ตายหรือไง ไม่งั้นให้ฉันกินนายดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปตายถึงที่นั่น”

ตี้อู๋เปียน “…”