บทที่ 352 ต่อสู้เป็น

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 352 ต่อสู้เป็น

บทที่ 352 ต่อสู้เป็น

ชายหัวล้านกัดฟันแน่นและยังพยายามสู้ต่อ เพราะเขาไม่ได้เสียเปรียบมากสักเท่าไหร่ แต่ซูโย่วอี๋ในตอนนี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

เธอดูโหดเหี้ยม

ภายในไม่กี่วินาทีที่เขากำลังคิดทบทวนอยู่นั้น ซูโย่วอี๋ได้หมดความอดทนลง เธอยกรองเท้าหนังสีดำขึ้นและเดินตรงไปยังตำแหน่งที่คาดเดาไม่ได้ในทันที

“พี่ใหญ่!”

เหล่าลูกน้องต่างตกใจจนหน้าถอดสี

ซิดคว้าซูโย่วอี๋เอาไว้และเสียหลักล้มลงไปบนพื้น

ซูโย่วอี๋มองซิดด้วยสายตาไม่เข้าใจ

อีกฝ่ายอธิบาย “… แจ้งตำรวจจะดีกว่านะ”

“อืม ก็ได้”

ชายหัวล้านถอนหายใจออกมา

ซิดโทรศัพท์แจ้งตำรวจ หลังจากนั้นสิบนาที รถตำรวจก็รีบมาจับพวกอันธพาลไปยังสถานีตำรวจ

ซูโย่วอี๋และอีกสองคนก็ตามไปด้วย

พวกอันธพาลรู้สึกกลัวขึ้นมา จึงไม่กล้าพูดอะไรและยอมรับสารภาพว่าพวกเขาหมายจะทำร้ายซูโย่วอี๋จริง

แต่พวกเขาเองก็กระดากอายเหมือนกัน “นอกจากที่พวกเราล้อมตัวเธอเอาไว้ ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูก…”

ตีจนหมดสภาพ

น่าขายหน้าจริง ๆ

ตำรวจมองไปที่พวกซูโย่วอี๋ “พูดความจริงมา”

ในฐานะเหยื่อ ซูโย่วอี๋และคนที่เหลือตอบคำถามของตำรวจเพียง 2-3 ประโยคก็กลับบ้านได้

ชายหัวล้านรอจนมองไม่เห็นใครแล้วจึงร้องขึ้นมา “ฉันจะไปหาหมอ”

เหล่าลูกน้องเข้ามาล้อมตัวเขาอย่างรวดเร็ว สายตามองไปที่เป้ากางเกง “พี่ใหญ่ พี่สูญพันธุ์แล้วเหรอ?”

ชายหัวล้าน “แกน่ะสิที่สูญพันธุ์!”

ทั้งโคตรเหง้าของแกสูญพันธุ์ไปทั้งหมดนั่นแหละ!

ซูโย่วอี๋ออกมาจากสถานีตำรวจโดยไม่ได้สนใจเรื่องการต่อยตีเมื่อครู่นี้เลย เธอกำลังคิดว่าจะกลับไปเอารถที่วิทยาลัยและขับกลับบ้าน แต่เมื่อหันหน้าไปก็เห็นว่าคนข้าง ๆ สองคนกำลังมองเธออยู่

“มีอะไรหรือเปล่า?”

แชคพูดขึ้น “คนสวย คนจีนแบบพวกคุณต่อสู้เป็นกันหมดเลยเหรอ?”

นี่…

ซูโย่วอี๋พยักหน้าตอบกลับสายตายกย่องของแชค “ใช่ พวกเราเหาะข้ามกำแพงได้ด้วยนะ”

“โอ้” แซคตกใจ “ข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องจริงหมดเลยเหรอเนี่ย”

“ใช่”

ซิดยืนฟังเรื่องล้อเล่นของซูโย่วอี๋ก็รู้สึกอดยิ้มไม่ได้

แต่ก็พยายามกลั้นไว้

ซูโย่วอี๋เรียกรถแท็กซี่ “พวกคุณจะไปไหน? ฉันเตรียมจะกลับไปที่วิทยาลัย”

“อืม ไปด้วย”

ระหว่างทางแชคดูตื่นเต้น เขาบอกว่าอยากจะเรียนการต่อสู้ของจีน ถึงขั้นให้ซูโย่วอี๋แนะนำอาจารย์ของเธอให้กับเขา

ซูโย่วอี๋อดไม่ได้ที่จะพูดเล่นต่อ พอลงจากรถจึงพูดขึ้น “ศิลปะการต่อสู้ในประเทศจีนก็เหมือนการออกกำลังกาย”

การเหาะข้ามกำแพงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แชคนิ่งไป “แต่คุณเก่งมากเลยนะ”

“อืม สู้กับสามคนก็ยังถือว่าไหวอยู่”

ซูโย่วอี๋ยิ้มน้อย ๆ “ความว่องไวของสมองสำคัญกว่า”

ในที่สุดซิดก็ยิ้มออกมา “แชค หุบปากได้แล้ว”

ซูโย่วอี๋หารถตัวเองเจอแล้ว เธอค้นหาของในช่องเก็บของและหยิบพลาสเตอร์ออกมาสองแผ่น

“ให้”

ซิดมองมือเล็ก ๆ ที่ยื่นมาตรงหน้าของเขา “ทำไมเหรอ?”

ซูโย่วอี๋ชี้ไปยังแขนของเขา “คุณบาดเจ็บ”

“บังเอิญว่าในรถมีอยู่พอดี”

เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับซุ่ยซุ่ย ซูโย่วอี๋มักพกพลาสเตอร์ไว้กับตัวตลอด

พลาสเตอร์รูปตัวการ์ตูน น่ารักมาก ๆ

“ขอบคุณ”

ซิดรับพลาสเตอร์มา “ทำไมวันนี้คุณถึงไปที่ซอยเล็ก ๆ หลังตึกได้ล่ะ?”

“บังเอิญน่ะ”

ดวงตาของซูโย่วอี๋สั่นไหว “อาจารย์ผู้ช่วย เรื่องคืนนี้คุณมีอะไรที่ปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า?”

ซิดเม้มริมฝีปากและไม่ได้ตอบกลับ

ซูโย่วอี๋พูดต่อ “ในซอยมันมืดมาก ฉันควรจะมองไม่เห็นหน้าของคุณ แต่คงเพราะความบังเอิญ ที่คุณพูดคุยกับเหล่าอันธพาลพวกนั้น ฉันเห็นหมดแล้ว”

“เหมือนกับว่าคุณรู้เลยว่าจะมีคนมาหาเรื่องฉัน”

หัวใจของซิดบีบแน่น เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะระวังตัวมากขนาดนี้

“อืม”

เขาปฏิเสธที่จะพูด

ซิดไม่อยากให้ซูโย่วอี๋รู้เลยแม้แต่น้อยว่าการที่ตัวเขาเข้าใกล้เธอก็เพราะว่ามีเป้าหมาย

โดยเฉพาะหลังจากผ่านเรื่องคืนนี้ไปแล้ว

ซูโย่วอี๋รออยู่สักพักก่อนที่จะเข้าไปในรถ “ไม่อยากพูดก็ช่างเถอะ”

เธอดูออกว่าซิดไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อเธอ

รถออกไปไกล ซิดจึงหมุนตัวจากมา

วันต่อมา

ซูโย่วอี๋มาเรียนตามตารางเรียน ตอนที่มาถึงห้องเรียน จูลิสซึ่งขาดเรียนมาหลายวันกำลังนั่งอยู่ตรงที่นั่งของเธอ

เมื่อเห็นซูโย่วอี๋มาถึงก็รีบดึงให้เธอนั่งลงอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่มาแค่ไม่กี่วัน คุณกลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปแล้วเหรอ?”

?

จูลิสเห็นเธองุนงงจึงเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่เพราะฟังมาจากที่พวกเขาพูด ฉันก็คงจะไม่รู้ว่าคุณคบกับอาจารย์ผู้ช่วยอยู่”

ตอนไหนกัน?

เธอเป็นคนในข่าวลือแท้ ๆ ทำไมถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย?

ซูโย่วอี๋ขมวดคิ้ว “ข่าวปลอม อย่าไปเชื่อ”

จูลิสไม่ค่อยเชื่อ “คุณไม่ต้องปิดบังฉัน ถึงตอนแรกฉันจะไม่เชื่อก็เถอะ แต่…”

เธอกดเสียงต่ำลง “ว่ากันว่าอาจารย์ผู้ช่วยดูถูกชั้นเรียนฝึกอบรมของพวกเรามากเลยนะ เพียงแค่ไม่ได้แสดงท่าทีออกมา พอฉันได้ยินเรื่องพวกนี้ก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยปกติ”

ซูโย่วอี๋คิดย้อนกลับไป ดูถูกงั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง

จูลิสเตือนขึ้น “ถ้าพวกคุณไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบคู่รักต่อกันงั้นก็รีบไปชี้แจ้งเถอะ มีคนตามจีบซิดอยู่ตั้งเยอะ ในกลุ่มคนพวกนั้นมีตั้งหลายคนที่เป็นคนบ้า จะได้เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหามากระทบถึงตัวคุณด้วย”

ซูโย่วอี๋คิดทบทวน จะว่าไปแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อาจจะเป็นเรื่องที่มาจากความเสียสติของใครสักคน

เธอแค่อยากมาเรียนอย่างสงบสุข จึงได้ส่งข้อความไปหาซิดให้เขาชี้แจ้งอย่างเป็นทางการ

เวลาผ่านไป การฝึกอบรมก็ผ่านไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว หลังเลิกเรียน ซีลไม่ได้ให้เลิกเรียนในทันที “นักศึกษา อาจารย์รู้ว่าพวกเธอให้ความสำคัญกับการประเมินมาก”

“เพื่อให้พวกเธอมีเวลามากพอในการเตรียมตัว ทางวิทยาลัยจึงตัดสินใจเผยแพร่เนื้อหาการประเมินล่วงหน้า”

ปัง

เรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น

เหล่านักศึกษาตื่นตัวในทันที

ซีลนิ่งไปสักพัก “นักศึกษาทุกคนจะต้องส่งผลงานเพลง เนื้อหาเป็นได้ทั้งเพลง เพลงแบบบรรเลง และการสร้างสรรค์ หลังการเข้าเรียนครั้งสุดท้ายให้อัปโหลดคลิปใส่ USB และนำไปส่งให้กับอาจารย์ผู้ช่วย”

“พวกเธอมีปัญหาอะไรไหม?”

มีนักศึกษาลุกขึ้นยืน “รูปแบบการแสดงไม่เหมือนกัน จะกำหนดมาตรฐานในการประเมินยังไงครับ? ถ้าอาจารย์ไม่บอกพวกเราว่ามีกฎเกณฑ์ในการให้คะแนนยังไง พวกเราก็ไม่รู้ว่าควรจะไปโฟกัสในจุดไหนดี”

จะต้องเน้นไปที่ความยากของชิ้นงาน ความสร้างสรรค์ ความสมบูรณ์แบบ หรือความคิดทางด้านศิลปะกันแน่

นี่มันมากเกินไป

ซีลตอบกลับ “เรื่องพวกนี้ให้พวกเธอทำความเข้าใจเอง แม้ว่ามาตรฐานจะไม่เหมือนกัน แต่ผลงานที่ดีกับไม่ดีมันเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว”

ตรงมุมห้องมีคนพูดติดตลกขึ้นมา “ถ้าแค่ส่งผลงาน จะไม่มีคนขี้โกงเหรอคะ?”

ใบหน้ายิ้มแย้มของซีลนิ่งไป “ขอแนะนำให้ทุกคนอย่าทำแบบนั้น ทันทีที่ถูกตรวจสอบเจอ ผลลัพธ์ที่พวกเธอจะต้องเจอ พวกเธอคงรับเอาไว้ไม่ไหวหรอก”

เพราะพวกเขาจะต้องเจอกับความโหดร้ายทั้งหมดของฮิลเบิร์ต

“ยังมีคำถามอะไรอีกไหม?“

ไม่มีใครส่งเสียงอะไร

จากนั้น น้ำเสียงอบอุ่นของซีลก็ดังขึ้น “เลิกเรียนได้”

จูลิสหมอบลงไปกับโต๊ะ “อ่า ความกดดันจากการประเมินมาไวจัง ฉันยังอยากพักอีกสักวันสองวันอยู่เลย”

“คุณอยากทำแบบไหนเหรอ?”

ซูโย่วอี๋คิด “ร้องเพลง”

“เขียนเองหรือว่าร้องเพลงของคนอื่น”

“ของคนอื่น”

จูลิสขมวดคิ้ว “แบบนี้ก็ไม่มีข้อได้เปรียบน่ะสิ”

“คุณร้องเพลงได้ดีงั้นเหรอ?”

หึ

“ก็พอได้มั้ง” น้ำเสียงของซูโย่วอี๋ไม่ค่อยแน่ใจ

จูลิสตบลงที่ไหล่ของเธออย่างเข้าอกเข้าใจ “ไม่เป็นไรนะ สอบไม่ผ่านก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าสอบผ่านนี่สิถึงจะไม่ปกติ”

ช่วงนี้ซูโย่วอี๋ไม่ค่อยได้ไปห้องสมุด เพราะต้องเตรียมการประเมินอย่างเต็มที่

หลายวันมานี้ ซิดจึงไปห้องสมุดแบบเสียเที่ยว แต่ก็พอเดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ หลังจากคิดทบทวนดูแล้วเขาจึงส่งข้อความไป [ถ้าต้องการความช่วยเหลือ คุณมาหาผมได้นะ]

ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะได้ข้อความตอบกลับ [ขอบคุณสำหรับความใส่ใจ แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรค่ะ]

ซูโย่วอี๋ที่มีระบบอยู่ในมือก็ไม่ต่างกับมีเครื่องแก้ไขความผิดพลาดที่ดีที่สุดอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเลยด้วยซ้ำ

เธอปิดตัวเองเอาไว้ในพื้นที่โฮโลแกรมและฝึกฝนเพลงดังของหลินลี่อย่างเพลง [พัวพัน] ซ้ำไปซ้ำมา

นี่เป็นเพลงแรกที่เธอขึ้นร้องบนเวที

เวลาได้ผ่านมาสามปี ไม่ว่าจะเป็นด้านทักษะหรือการส่งอารมณ์ซูโย่วอี๋ก็เชี่ยวชาญมากขึ้น ความสมบูรณ์ในตอนแรกที่มีเพียงแค่ 60% กว่า ๆ ตอนนี้พัฒนามาถึง 95% แล้ว

ตามคำพูดของสุนัขจิ้งจอก มีเพียงแค่ให้หลินลี่ฟื้นคืนชีพเท่านั้นถึงจะได้ 100% เพราะฉะนั้นในการร้องเพลงนี้ก็ไม่มีใครเก่งไปกว่าซูโย่วอี๋อีกแล้ว

หนึ่งสัปดาห์ก่อนการประเมิน เธอควบคุมเสียงได้เป็นอย่างดี รอแค่ให้การฝึกฝนจบลงก็ส่งงานได้เลย

ในบรรดาเพื่อนรวมชั้นที่รวมตัวกันอยู่ในตอนนี้ ซูโย่วอี๋ดูสบายใจอย่างเห็นได้ชัด

เธอกลับไปเรียนที่ห้องสมุดอีกครั้ง

ซิดมองเธออยู่สักพักจึงเดินเข้าไปหา เขาลากเก้าอี้ตัวตรงข้ามแล้วนั่งลง “ทำงานประเมินเสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม”

เธอดูสงบนิ่ง นิ้วมือเรียวยาวจับหน้าหนังสือเบา ๆ ดวงตาสีอัลมอนด์อันสดใสจ้องมาที่เขา

“คุณมั่นใจมากแค่ไหนว่าจะผ่านการประเมิน?”

ซูโย่วอี๋เอียงหัวเล็กน้อย “สักเก้าเต็มสิบ”

คำพูดปลอบใจของซิดเลยหายไปจนหมด

เป็นเวลาเนิ่นนานที่ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร ซูโย่วอี๋จึงถามขึ้น “มีอะไรอีกไหม?”

หัวใจของซิดกำลังต่อสู้กันอย่างหนักและเขาก็พูดออกมา “สวัสดี ผมขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการใหม่นะ ผมชื่อซิด เจมส์”

“ครอบครัวของผมเป็นอันดับหนึ่งในด้านการแพทย์ของโลก”

ซูโย่วอี๋จำได้ว่าโอห์ม เจมส์เป็นเพื่อนกับลู่เฉิน

“คุณจะพูดแค่นี้?”

“ผมมีเรื่องอยากถามคุณ”

ซูโย่วอี๋เปิดทางให้เขาถาม

“พวกเราตรวจสอบเจอว่าร่างกายของคุณไม่สามารถมีลูกได้ แต่คุณก็คลอดลูกออกมาได้สำเร็จ ระหว่างนั้นคุณใช้วิธีอะไรในการรักษาเหรอครับ?”

ซูโย่วอี๋มองลงต่ำ “ทุกปีคุณจะได้รับข้อมูลความผิดปกติแบบฉันเท่าไหร่?”

ซิดเองก็ไม่แน่ใจ “ไม่เยอะหรอก แต่ 80% จะทำให้พวกเรามีความก้าวหน้าในสาขาที่เกี่ยวข้องกัน”

บ้างก็เป็นเพราะยา บ้างก็เป็นเพราะการผ่าตัด บ้างก็เป็นเพราะสรีระส่วนบุคคล…

แต่สำหรับซูโย่วอี๋ ไม่มีวิธีอะไรที่อธิบายได้เลย เธอต่างออกไปและไม่สามารถตรวจสอบได้

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ถ้าคุณรู้มาก่อนก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่เคยทำการรักษาอะไรเลย ก่อนที่จะตั้งท้อง ฉันเองก็ไม่เคยคิดว่าจะท้องได้เหมือนกัน”

ซิดเชื่อเธอ

เขาจ้องมองไปยังดวงตาของซูโย่วอี๋ด้วยความจริงจังอยู่ตลอด

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”

“ต่อไปจะไม่มีใครมารบกวนคุณเพราะเรื่องนี้อีก”

การเรียนในวันสุดท้าย ซีลยิ้มให้พวกนักศึกษา “นี่เป็นการสอนครั้งสุดท้ายของฉัน หวังว่าปีนี้จะมีนักศึกษาที่เข้าสู่วิทยาลัยฮิลเบิร์ตได้อย่างราบรื่น”

เหล่านักศึกษาต่างก็ไม่ได้มั่นใจมากขนาดนั้น

“ตอนนี้ให้นำ USB ไปใส่ไว้ในกระเป๋าด้านบนเวที ถ้าไม่ส่งก็ถือว่ายอมแพ้ หลังจบการเรียนการสอน ซิดจะรวบรวมไปส่งให้กับกรรมการคุมสอบของวิทยาลัย”

ซูโย่วอี๋ตามหลังจูลิสไป และนำ USB สีดำใส่ลงไป ตอนที่เดินออกมาซิดก็พยักหน้าให้เธอ

การเรียนในครั้งนี้เป็นการเรียนครั้งสุดท้ายของใครหลาย ๆ คน

ทุกคนต่างก็รู้สึกเศร้า

“ถ้าสอบไม่ผ่านก็คงต้องกลับไปปลูกต้นไม้แล้วล่ะ”

“คุณหมายถึงฟาร์มขนาดใหญ่ของครอบครัวที่มีพื้นที่นับหมื่นตารางกิโลเมตรนั่นเหรอ?”

โอเค

เศร้าแค่เล็กน้อยเท่านั้น

ซูโย่วอี๋และจูลิสกินอาหารเพื่ออำลากัน อีกฝ่ายกอดเธออยู่นานก็ไม่ยอมปล่อยออกสักที

“ไอดอล ถ้าสอบไม่ผ่านก็มาหาฉันนะ ครอบครัวฉันทำหนังอยู่ ฉันจะให้คุณเป็นนักแสดง และจะทำให้คุณดังจนกลายเป็นดาราเบอร์ใหญ่ ๆ เลย”