คลาร่ากระจายแผนที่ที่ผมให้เธอไปจนครบ เธอคือคนที่ผมเลือกให้มาด้วยกันกับผมที่นี่ การที่เธอเป็นสาวใช้ของผมนั้นไม่ได้เป็นความลับที่นี่และเธออาจเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจมากที่สุดที่นี่ด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดเธอก็รู้ ‘ความลับ’ ของผม
“นี่คืออะไร?”
รอนถามขณะมองดูแผนที่ที่ได้รับมาที่ดูเหมือนจะมีคำอธิบายโดยละเอียดพร้อมระบุสถานที่บางแห่งไว้ นอกจากนี้ยังมีชื่อสถานที่บางแห่งที่ทำเครื่องหมายไว้เป็นเป้าหมาย โดยรวมแล้วมันมีลักษณะเหมือนแผนที่ของนักวางแผนผู้ชั่วร้ายเลย
“ฉันขโมยเจ้านี้มาจากหนึ่งในพวกที่ก่อปัญหามาหน่ะ และก็อย่างที่ทุกคนรู้ว่าไม่ว่าพวกนั้นจะเป็นใครก็ตาม พวกมันไม่ใช่กลุ่มระดับสอง พวกมันมีแผนและพลัง ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะแทรกซึมเข้ามาแม้กระทั่งภายในกลุ่มของเราแล้วด้วย”
หลังจากที่ผมพูดคำสุดท้ายออกมาก็เห็นว่าทุกคนที่นี่มีอารมณ์บูดบึ้ง ดูเหมือนว่าพวกเขาทุกคนจะผ่านการทรยศที่นี่มาแล้วครั้งหนึ่งหรือมากกว่านั้น ที่เลวร้ายที่สุดคือมาร์ลีนซึ่งมีสีหน้าแสดงความกระหายเลือดอย่างลึกซึ้ง บางทีเธออาจจะนึกไปถึงเรื่องของพี่ชายของเธอหล่ะมั้ง
“พวกมันกำลังมุ่งเป้ามาที่พวกเราทุกคนที่มีแข็งแกร่ง ซึ่งพวกมันก็เลือกที่จะเคลื่อนไหวในตอนที่เราไม่สามารถได้รับการคุ้มครองจากภายนอกได้”
อิซาเบลล่าพูดขึ้นมาด้วยดวงตาสีแดงหม่นของเธอที่ดูโกรธจัดก่อนจะพูดต่อ
“การที่พวกมันกล้าเล่นเสี่ยงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าภายในสถาบันเองก็คงถูกแทรกซึมเข้ามาแล้วเหมือนกัน บางทีพวกมันคงมีคนหนุนหลังอยู่หรือไม่ก็…”
เธอพูดหยุดขณะมองมาที่ผมและนอร่า
คำพูดของอิซาเบลล่านั้นทำให้คนอื่นๆ เพ่งความสนใจไปที่ผม เว้นแต่คนใกล้ตัวผมที่ไม่ได้สงสัยอะไรในตัวผม แต่คนอื่นๆ ดูเหมือนจะไม่ได้คิดเช่นนั้น เมื่อพวกเขาดูเหมือนจะเริ่มสร้างกำแพงขึ้นมาระหว่างผม
เมื่อเห็นสิ่งนี้ก็มีรอยยิ้มเล็กๆ ส่องประกายบนใบหน้าของผม
‘ชอบบงการคงอื่นเหมือนเคยสินะ’
“เธอหมายถึงอะไรงั้นเหรอคุณอิซาเบลล่า”
ผมถามโดยคงรอยยิ้มเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเธอไม่มีปัญหาในการตอบข้อกล่าวหาที่ไม่รุนแรงซึ่งไม่อ่อนโยนนัก
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากจะบอกว่าสถาบันของเรานั้นไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไปแล้ว และบางทีพวกมันอาจจะได้รับความช่วยเหลือจากคนในก็ได้เท่านั้นเอง”
คำพูดของเธอไม่ได้ปลุกเร้าใครมากนักหรือบ่งชี้ไปที่ใครเลย แต่ถ้อยคำแค่นั้นก็เกินพอสำหรับคนที่ไม่เชื่อในตัวผมให้เปลี่ยนจุดยืนได้แล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงนอร่าที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังกัดฟันด้วยความโกรธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมิร่า คนที่เธอชื่นชมและรักเหมือนครอบครัวกำลังถูกใครบางคนกำลังใส่ร้าย
“เธ-”
“ถูกของเธอ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องชดใช้”
ผมพูดตัดบทนอร่าที่กำลังจะระเบิดความโกรธออกมาก่อนจะหรี่ตามองอิซาเบลล่าและพูดต่อ
“แต่เขาหรือเธอที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จะต้องชดใช้หลังจากที่พวกเราได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องถูกพิสูจน์หลักฐานแล้วเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้นฉันขอสาบานในนามของเทพธิดาซิลเวียเลยว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จะต้องถูกฉันลงโทษอย่างสุดกำลังของฉันเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน”
หลังจากที่ผมพูดจบ บรรยากาศรอบๆ ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจพร้อมกับความสงสัยในตัวผมที่หายไป
การตอบโต้เพียงครั้งเดียวจากผมทำให้ปัญหาที่ถูกสร้างขึ้นจากอิซาเบลล่าสลบลงอย่างง่ายดาย
‘เสือ 2 ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรอกนะ’
ดวงตาที่แคบของผมสบกับอิซาเบลล่าซึ่งตอนนี้ให้ความสนใจผมมากขึ้นพร้อมกับความกดดันเล็กน้อยที่เริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างพวกเรา
ในตอนนั้นเอง
แปะ!
“ทำไมพวกเราไม่มาให้ความสำคัญกับสถานการณ์ปัจจุบันกันก่อนหล่ะ?”
เรซพูดพร้อมกับปรบมือของเขา โดยที่ดวงตาแมวของเขาหรี่ลงขณะที่เขายิ้มออกมาอย่างมีอัธยาศัยดี ส่วนผู้เป็นคู่หมั้นของเขาที่อยู่ด้านหลังเองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
“แทนที่จะพูดถึงปัญหาในอนาคต เราควรให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราสามารถทำได้กับข้อมูลทั้งหมดนี้ก่อนดีกว่า”
เนลพูดขณะที่เธอชี้นิ้วไปที่วงกลมสีแดงวงใหญ่ ซึ่งวงนั้นคือที่ที่เราอยู่ตอนนี้ ป้อมปราการแห่งนี้นั่นเอง และทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็ฉลาดพอที่จะเข้าใจข้อเท็จจริงที่ว่าการโจมตีอาจกำลังใกล้เข้ามาถึงสถานที่แห่งนี้ในไม่ช้าแล้ว
“เราต้องเริ่มเตรียมตัวกันแล้ว”
เนลพูดโดยที่หูสิงโตของเธอตั้งตรง ในขณะที่ดวงตาแมวของเธอเริ่มส่องแสงอย่างดุร้าย
“การโจมตีอาจเริ่มขึ้นในวันนี้, วันหน้าหรือพรุ่งนี้ก็ได้ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
เอลล่ากล่าวด้วยดวงตาแห่งนักคำนวณที่เปล่งประกาย ขณะที่สมองของเธอวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ต่างๆ มากมายโดยใช้สายเลือดของเธอที่ทำให้เธอได้รับสายตาที่มองการณ์ไกลในฐานะของนายและนักกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม
“ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเรา ฉันเห็นเพียงประมาณ 5% เท่านั้นที่เราจะประสบความสำเร็จในฐานะกองทัพ การขาดความไว้วางใจระหว่างเรานั้นสูงเกินไป”
เอลล่าพูดอีกครั้ง และคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
“ไม่ใช่ว่าเราไม่สามารถไว้วางใจกันและกันได้ ปัญหานั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยการทำสัญญาขึ้นมา แต่คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของพวกเราหล่ะ เราจะเชื่อใจพวกเขาได้ไหม? ไม่ใช่ว่าเราทุกคนก็ได้ลิ้มรสเจ็บปวดจากการถูกทรยศที่นี่ไปแล้วหรือไงกัน?”
แองเจลิน่าพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นเล็กๆ บนริมฝีปากของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ามันเป็นปัญหาหลักของที่นี่
พวกเธออาจจะทำสัญญากันเองได้ แต่พวกเธอจะสามารถทำแบบนั้นกับคนที่เหลือได้งั้นเหรอ?
“บางทีเราน่าจะได้คุยเรื่องนี้กันอีกทีพรุ่งนี้ ระหว่างทางมาที่นี่ฉันได้เจอกับกลุ่มของซาบริน่ากำลังเดินทางมาที่นี่ ดังนั้นพวกเราน่าจะสามารถวางแผนที่เยี่ยมยอดด้วยกันได้”
คำพูดของผมทำให้ทุกคนให้ความสนใจและต่างพากันพยักหน้าด้วยความเห็นด้วยก่อนจะแยกย้ายกันไปโดยที่การประชุมครั้งนี้ไม่ค่อยได้อะไรกันมากนัก
“ฉันต้องจัดการบางอย่างกับกลุ่มของตัวเอง เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังนะ”
ผมพูดออกมาโดยที่คำพูดของผมนั้นตอบให้สาวๆ ทุกคนที่ต้องการพูดคุยกับผมตั้งแต่โอลิเวีย, นอร่า, แคทเธอรีนและมาร์ลีน รวมถึงคาร์เมลด้วย
สาวๆ แต่ละคนต่างเข้าใจได้เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเธอเลยให้เวลาผมในการจัดการกับเรื่องของตัวเองและบอกลาอย่างนุ่มนวลก่อนจะจากไป
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปในขณะที่ผมเดินไปยังอาคารที่พังทลายแห่งหนึ่งซึ่งกลุ่มของผมดูแลอยู่
ผมพยักหน้าให้ทุกคนเบาๆ พร้อมกับพูดปลอบใจพวกเขาว่าทุกอย่างก็เรียบร้อยดีก่อนจะเดินเข้าไปในห้องหลัก ซึ่งภายในห้องนั้นก็มีเอ็มม่า, ซานะ, ริน่า, มิกะ, ริกะ, เจค็อบ, โซร่า, อเล็กซ์และเลโอนาร์โด ส่วนอาม่อนกับมาร์คนั้นอยู่ที่ไหนไม่รู้เนื่องจากผมไม่เห็นพวกเขา
“ดูเหมือนทุกคนจะสบายดีกันใช่ไหม?”
ผมถามขณะเดินเข้าไปในห้องที่มีโต๊ะยักษ์ตรงกลางก่อนจะนั่งลงที่หัวโต๊ะและกวาดสายตามองทุกคนที่นี่ ซึ่งมีความหมายที่ลึกซึ้งที่ทุกคนนอกเลโอนาร์โดต่างรู้กันดี และทุกคนก็ยืนยันด้วยการพยักหน้าให้ ทำให้ผมยิ้มขึ้นมา
ทุกคนได้เจริญเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับการบรรลุความสามารถเฉพาะตัวอย่างน้อยมากกว่าหนึ่งอย่างที่จะทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ ทุกคน
“มันสนุกมากเลย แถมฉันยังได้แข็งแกร่งขึ้นด้วย”
รินะพูดด้วยรอยยิ้มกระหายเลือดพร้อมโชว์กล้าม
“ฉันได้พบกับสัตว์น่ารักมากมายที่กลายมาเป็นครอบครัวของหนูค่ะ! พวกน้อนแข็งแกร่งกันมากเลยค่ะ!”
เอ็มมาพูด ใครจะคิดว่าเธอเป็นผู้ใหญ่อายุ 18 ปีที่มีร่างกายและทัศนคติเช่นนี้กัน?
“หนูได้เรียนรู้มากมายเกี่ยวกับการใช้มีดสั้นของหนูค่ะ”
ซานะกล่าวพรางใช้มือแตะเบาๆ ไปที่เส้นสีทองที่มีดสั้นบริเวณเอวของตัวเองซึ่งทำให้พวกมันเปล่งประกายขึ้นมา
“ฉันได้พัฒนาความสามารถของตัวเองและได้รับเพิ่มมากขึ้น”
“ฉันได้พัฒนาความสามารถของตัวเองและได้อะไรมาเยอะแยะเลยแหละ”
โซร่าพูดด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมกับมือของเธอที่ถือยาบางอย่างอยู่ก่อนเธอจะโยนมันมาให้ผม
ผมไม่ได้ถามอะไรและเก็บมันไว้
“ฉันได้รับหมัดเพลิงมา หมัดเพลิงของฉันนั้นอันตรายมากเลย”
มิกะพูดพร้อมกับผมสีดำของเธอที่ปลิวไสวไปรอบๆ หูของเธอ ขณะที่ไฟเล็กๆ ในมือเธอส่องประกายดูร้อนรุ่ม
“เวทย์น้ำของฉันสามารถทำลายบาเรียขั้นสูงสุดได้แล้ว ไม่มีอะไรสามารถหยุดการไหลของมันได้แล้วค่ะในตอนนี้”
ริกะพูดพร้อมกับผมสีขาวของเธอที่ปลิวไสวเหมือนน้องสาวของเธอ ในขณะที่รอยยิ้มของเธออ่อนโยนมากกว่าที่มิกะมี
‘ดูเหมือนว่ารินะจะมีอิทธิพลต่อมิกะสินะ’
ผมตั้งข้อสังเกตขึ้นมา
“ร่างกายของข้าเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
เจค็อบพูดด้วยเสียงเบาๆ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าเขาแสดงถึงความพึงพอใจ
“ผมได้รับความสามารถในการพูดและมองหลายๆ อย่างเลย”
อเล็กซ์พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับแลบลิ้นออกมา ซึ่งลิ้นของเขามีลวดลายที่ผมไม่รู้จักปรากฏอยู่ รวมถึงดวงตาของเขาที่ตอนนี้มีรอยสักอยู่ด้วย
“ดีมาก”
ผมพยักหน้ายิ้มอย่างจริงใจและดีใจที่พวกเขาผ่านมันไปได้ด้วยดี
ผมแนะนำเส้นทางให้กับพวกเขาแล้วพวกเขาก็ทำมันได้สำเร็จ แม้แต่คลาร่าที่อยู่ข้างหลังผมเองก็ได้รับพลังความมืดใหม่ ซึ่งเธอแสดงให้ผมดูแล้ว ลูกครึ่งปีศาจตัวน้อยกำลังรอรางวัลของเธออยู่
“แล้วนายหล่ะ? ดูเหมือนนายจะได้เพื่อนใหม่แล้ว?”
ผมถามโดยหันไปหาเลโอนาร์โดที่ดูเงียบผิดปกติ
“ฉันสบายดี ไม่มีอะไรพิเศษ”
เขาพูดพร้อมกับโบกมือ แม้ว่าสีหน้าของเขาจะพูดอย่างอื่นก็ตาม
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต