หลังจากที่ดื่มเบียร์และทานเนื้อย่างจนเสร็จแพทย์ที่ทำงานควยกะ มาก็ขับรถกลับบ้านกัน
แพทย์ที่ต้องการจะกลับบ้านแต่ดันดื่มเบียร์ไปเยอะก็เรียกแท๊กซี่เช่นกันน เทียนฉีเองก็โทรเรียกคนขับรถเช่นกัน
หลังจากนั้นครู่หนึ่งรถสี่ประตูยี่ห้อเบนซ์เอสคลาส ได้จอดอยู่ด้านหลังรถเบนท์หลี่ และคนวัยกลางคนสองคนในชุดสูทก็ก้าวออกมา
“เชิญนั่งในรถเลยครับ รถคันนี้นั่งได้เพียงห้าคนร่วมคนขับด้วย” ตาของเทียนฉีก็เปร่งประกายและท้องของเธอก็เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ เธอดึงแขนของหลิงรันอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “ขึ้นรถไปกลับฉันเถอะเดียวฉันให้คนขับรถไปส่งที่บ้าน”
หยูหยวนและซู่เจียฟุเองก็ไม่ได้สนใจ พวกเขามองหลิงรันก่อนที่พวกเขาจะหันหลังให้และเข้าไปในเมอร์เซเดส – เบนซ์ พวกเขาไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิงรันเลย
เทียนฉียิ้มและเปิดประตูหลังของเบนท์ลีย์ผลักหลิงรันเข้าไปในรถแล้ววิ่งไปอีกด้านหนึ่งเอง
*ปัง.*
ประตูถูกปิดและมันเงียบจนรู้สึกเหมือนอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
“ไปโรงพยาบาลกันเถอะ” หลิงรันเลือกสถานที่ๆเขาจะไปใหม่อีกครั้ง
“ ถ้าอย่างนั้นเราไปโรงพยาบาลก็ได้ แต่คุณไม่อยากกลับไปพักรอ?” เทียนฉีถาม
“ก็ที่บ้านนของฉันไม่มีผู้ป่วยและฉันเองก็ไม่มีรถยนตร์ด้วยตอนนี้ ยังฉันเลยคิดว่าน่าจะไปโรงพยาบาลเลยคงจะดีกว่า” หลิงรันขยับตัวไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้งราวกับว่าเขากำลังในโซฟาราคาแพง และเขาก็ถอนหายใจอย่างพึงพอใจ
การผ่าตัดเล็กๆนั้นจะใช้วลาประมาณ สี่ชั่วโมงซึ่งใช้พลังงานมาก รวมไปถึงถ้าการที่หลิงรันเองเขาพึงทานเนื้อย่างและเบียร์นิดหน่อยจึงทำให้เขาง่วง
เทียนฉีมองดูหลิงรัน อย่างงุนงงแต่เธอไม่ได้คิดว่าหลิงรันจะปรับตัวได้ง่ายๆกับสภาพแวดล้อมรอบๆ
ที่นั่งของเบนท์ลีย์นั้นสะดวกสบายมาก แต่ก็น่าแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหลิงรันเผลอหลับไปทันทีหลังจากขึ้นรถ
“ลุงวังเพิ่มความเร็วไปมุ่งตรงที่โรงพยาบาล” เทียนฉีนจะทำอะไรได้อีก? เธอมองที่ด้านข้างของหลิงรันและนั่งเงียบ ๆ ซักพักก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าเธอก็จะเริ่มง่วงแล้ว
เบนซ์ลีย์ สีน้ำเงินสีฟ้าหยุดลงอย่างช้า ๆ ในโรงจอดรถใต้ดินของโรงพยาบาล
โรงจอดรถใต้ดินถูกสร้างขึ้นสำหรับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล คนขับแสดงบัตรประจำตัวให้ยามอย่างไม่เต็มใจให้เขาเข้าไป
หากพวกเขาจอดรถมูลค่า 7,000,000 หยวนที่ลานจอดรถอาจะมีใครบางคนมาทำให้รถเสียหายได้
หลังจากที่รถเทียนฉีหยุด หลิงรันเองก็ยังไม่ตื่นเทียนฉีเองก็เลยแกล้งทำท่าที่นอนก่อน
คนขับรถปรับแอร์และไม่ดับเครื่องยนต์ เขานั่งในรถและเล่นกับโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ
อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาหลิงรันก็ลืมตาขึ้นมาหลังกจากเนื้อย่างในท้องได้ย่อยจนหมดแล้ว
โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น
เทียนฉีฟังเพลงรอสาย “คิงอะลาวเดอะเวิน์ด” เธออดไม่ได้ที่จะจะหัวเราะแต่ก็พยายามทำท่าทางให้ไม่น่าเกลียดเกินไป
“ผู้อำนวยการแผนกฮวง?” หลิงรันพยักหน้าให้เทียนฉีและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ตอนนี้นายทำอะไรอยู่ ถ้าว่างก็เข้ามาที่โรงพยาบาล” เสียงของผู้อำนวยการฮวงนั้นดังขึ้นมา
“ตกลง.” หลิงรันเห็นด้วยในทันทีและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ตอนนี้หลิงรันได้รับการยอมรับในฐานะแพทย์สำรองที่สอง หากไม่ได้มีอะไรสำคัญๆเกิดขึ้นเขาจะไม่ถูกเรียกตัวกลับมาให้ช่วยๆ มันเหมือนกับการทำงานของทหารอากาศ โดยที่นักบินคนแรกจะต้องถูกใช้อย่างเต็มที่และไม่สามารถขับเครื่องบินต่อไปได้จึงจะให้นักบินที่สองมาบังคับการแทน จะไม่มีการขับแทนกันระหว่างการสู้รบ
ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภาคพื้นดินเช่นลูกเรือภาคพื้นดินและหน่วยปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานของสนามบินจะไม่ละสายตาจากภาคพื้นถึงแม้จะมีการเปลี่ยนเวรแล้วก็ตาม
ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลแพทย์ก็จะเหมือนยามที่คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ 24 ชั่วโมง โดยแทบจะไม่ได้หยุดพักและไม่ต้องพูดถึงสิทธิทางแรงงานที่พวกแพทย์จะได้จากการทำงานเลย
เมื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นแพทย์สายสองงานของพวกเขาก็จะลดลงเล็กน้อย อย่างน้อยพวกเขาก็จะมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่ความรับผิดชอบของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
แน่นอนคนที่มีต้องรับผิดชอบมากที่สุดก็คือหัวหน้าแผนก
ในแต่ล่ะวันผู้อำนวยการฮวงจะต้องโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา เสียงของเขาเบาลงเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า “มีเหตุเกิดรุนแรง ตอนนี้เราต้องการนาย”
“โอเคสิบนาทีเจอกันครับ” หลิงรันตอบอย่างมีความสุขมาก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาต้องไปที่ไหน
เมื่อเขาวางหูโทรศัพท์ เทียนฉีก็มองไปที่หลิงงรันอย่างสงสัย เธอไม่ได้ถามเขาตรงๆกับเรื่องนี้
“ทางแผนกบอกให้ฉันกลับไป ขอบคุณสำหรับวันนี้มากเลยนะ” หลิงรันตรวจดูร่างกายของเขา แต่พบว่าเขาไม่ได้พกโยเกิร์ตติดตัวมาด้วย เขาเลยไม่ได้พูดอะไรต่อ
“อย่างงั้นฉันขอไปดูด้วยได้ไหม?” เทียนฉีหาคำถามเพื่อให้ได้อยู่ต่อ
หลิงรันพูดว่า “ฉันไม่แน่ใจว่าสถาณการณ์จริงๆเป็นอย่างไร”
“ ไม่เป็นไรฉันแค่อยากไปกับคุณ คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอก” เทียนฉีหยุดพูดสักครู่ก่อนที่เธอจะพูดว่า “แค่ทำเป็นว่าฉันไปกับคุณเพื่อที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงพยาบาลก็พอ”
เธอเหยียดนิ้วชี้ซ้ายออกมาแล้วส่ายมันเล็กน้อย สติกเกอร์เป็ดโดนัลด์ยังคงเด่นชัดมากทำให้แผลที่ถูกห่อหุ้มนั้นดูซีดๆมากเมื่อเทียบกับสีของสติ๊กเกอร์
ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะปฏิเสธเทียนฉีไม่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมและพาเธอตรงไปที่ลิฟต์ จากนั้นพวกเขาเข้าไปในอาคารเวชศาสตร์ฉุกเฉิน
แพทย์มารวมตัวกันอีกครั้งในแผนกฉุกเฉิน
เทียนฉีสังเกตแพทย์รอบตัวเธออย่างสงสัย แต่อย่างไรก็ดีเธอไม่สนใจที่จะจ้องมองคนอื่น
ตั้งแต่เธอยังเด็กเธอเป็นที่จับตามองของฝูงชน อีกทั้งมันไม่เรื่องที่เธอจะแก้ไขอะไรมันได้เธอจึงทำใจได้แค่ยอมรับมัน
หลิงรันพบกับหมอโจวและถามว่า “คราวนี้เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
หมอโจวก็มองเห็นเทียนฉี จากนั้นเขาก็มองหลิงรันและยิ้มว่า “ฉันกลัวว่านายจะไม่มีเวลาจัดการกับงานนี้ เพราะมั่วแต่เป็นห่วงสาวสวยที่ตามนายมา”
หลิงรันเงียบดูหมอโจว เขาไม่ตอบสนองต่อการหยอกล้อใดๆ
ตามที่คาดไว้หมอโจวก็รู้สึกเบื่อ เขากระตุกริมฝีปากและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าเป็นเคสการจี้เอารถมีผู้บาดเจ็บ และแถมเมืองนี้ให้ความสนใจกับคดีนี้ค่อนข้างมาก รถพยาบาลจะมาถึงในไม่ช้าเราจะต้องรอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะมาถึง ถึงจะรู้สถานการณ์เป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามการอัพเดทล่าสุดมีอย่างน้อยหนึ่งคนตายและบาดเจ็บสี่คน “
หลิงรันรู้ว่าข้อมูลที่หมอโจวมีนั้นเยอะมาก
ในระหว่างทางที่หมอโจวเดินมาเขามักจะได้ยินข่าวมากมายเป็นประจำ เพราะเขาไม่เหมือนกับหมอคนอื่น ๆ ที่ทำตัวราวกับถูกขังอยู่ในกล่องดำเล็ก ๆ หลังจากเข้าห้องผ่าตัด แม้ว่าภรรยาของพวกเขาจะส่งวิดีโอสั้น ๆ ให้พวกเขาพวกเขาก็ไม่แม้แต่จะมีเวลาดู ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะกลับไปกลับมาระหว่างห้องชฉุกเฉินและห้องรักษาตัว พวกเขาใช้เวลาเกือบทั้งวันทำงานและยุ่งเหมือนกับผึ้ง
“แล้วเฮลิคอปเตอร์ล่ะล่ะ?” หลิงรันถาม
“ รถพยาบาลของโรงพยาบาลประจำภูมิภาคอยู่ในที่เกิดเหตุพวกเขาสามารถให้การปฐมพยาบาลได้โดยใช้เวลาสักพักหนึ่งก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะมา” เมื่อหมอโจวพูดแบบนี้เขากระซิบอีกครั้งว่า “เลือดของผู้ป่วยออกเยออะมากผู้อำนวยการฮวงจึงเรียกนายมาที่นี้”
“แล้วเลือดสำรองเราพร้อมไหม?” แม้ว่าเขาจะหยุดเลือดได้แต่มันก็เป็นการลดไม่ให้เลือดออกได้เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีเลือดออกรุนแรงจะต้องได้รับการถ่ายเลือด อย่างไรก็ตามระบบการจ่ายเลือดในปัจจุบันไม่ได้ทำง่ายๆ หากสองในสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีกรุ๊ปเลือดเดียวกันโรงพยาบาลหยุนหัวอาจมีเลือดไม่เพียงพอที่จะเตรียมให้พวกเขาทั้งสอง
หมอโจวพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายมากโจรปล้นรถบัสที่เต็มไปด้วยนักเรียนและรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก”
หลิงรันเข้าใจเรื่องนี้ดี
เทียนฉีฟังข้างๆ เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับการจี้รถในครั้งรนี้ พวกเขาทำสำเร็จหรือเปล่า?”
“เราไม่รู้สถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง” หมอโจวตอบ จากนั้นเขาเห็นว่าเทียนฉีสวมชุดเบอเบอรี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาจึงแลบลิ้นของเขา “ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหม ว่าโลกภายนอกนั้นอันตรายแค่ไหน”
“ครอบครัวของฉันนะส่งฉันไปอบรมการลักพาตัวทุกๆเดือนๆ ซึ่งถ้าฉันไม่ไปอบรมฉันคงจะไม่ยืนอยู่ตรงนี้หรอก” เทียนฉีตอบอย่างดุดัน
หมอโจวถึงกับตกตะลึง
ผ่านไปไม่นานข่าวเรื่องเคสจี้รถก็เริ่มมีหลายที่มามากขึ้นจนเริ่มจะผิดเพี้ยน
ผู้อำนวยการฮวงจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวและกล่าวว่า “เท่าที่เรารู้มีตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและโจรสามคนผู้ที่เสียชีวิตเป็นโจรนอกจากนี้มีครูสองคนและนักเรียนอย่างน้อยเจ็ดคน ได้รับบาดเจ็บนักเรียนคนอื่น ๆ จำนวนหนึ่งมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นรอยถลอก … “
ผู้อำนวยการฮวงพูดออกมามันดูศักดิ์สิทธิ์และคำพูดของเขากระชับ “ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเป็นสมาชิกแนวหน้าของคณะทำงานยาเสพติดเขาเพิ่งจะลาไปเยี่ยมครอบครัวของเขาเขาพร้อมที่จะกลับบ้านและวางแผนที่จะแต่งงานหลังจากเหตุการณ์การจี้รถ เขาก็หยุดผู้ร้ายทั้งสี่คนไว้ได้ และในที่สุดก็ช่วยตัวประกันสำเร็จเขากล้าหาญมากผู้บังคับบัญชาของเราขอให้เรารักษาเขาอย่างดีที่สุดและทำทุกอย่างเพื่อช่วยตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บผู้ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสามคนที่ถูกส่งมายังโรงพยาบาลกองทัพปลดปล่อยประชาชน ต่อไปฉันจะจัดตารางกลุ่มการรักษาใหม่ … “
เมื่อพวกเขารับคำสั่งจากผู้อำนวยการฮวงแล้วแพทย์ในแผนกฉุกเฉินก็เริ่มเตรียมการ
ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินจะลดจำนวนผู้ป่วยที่ส่งมายังโรงพยาบาลหยุนหัว เนื่องจากเป็นแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัว มันจึงมีใหญ่พอที่จะสามารถเพิ่มจำนวนคนที่จะเข้าไปรักษาตำรวจที่บาดเจ็บได้
หลิงรันถูกสั่งให้อยู่ข้างผู้อำนวยการฮวงตามปกติ เทียนฉีก็ออกจากพื้นที่การรักษาพยาบาลอย่างเงียบ ๆ นั่งเก้าอี้ตรงมุมและดูการเคลื่อนไหวของแพทย์ใน ขณะนั้นเธอก็เล่นโทรศัพท์ของเธอไปด้วย