“เจียงหลี่เจียงหลี่!”
คนหลายคนตะโกนออกมาจากห้องโถงกลางโรงพยาล พยาบาลที่อยู่ที่นั้นพยายามสกัดกันผู้คนเหล่านั้นไว้
“เราคือครอบครัวของเจียงหลี่! เขาเป็นตำรวจที่บาดเจ็บนอนอยู่ที่เตียงนั้น”
ผู้คนในระแวกนั้นพยายามดันประตูออกมาอย่างแรง พร้อมด้วยเสียงที่ดังและดูวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
ผู้อำนวนการฮวงที่กำลังเตรียมการรับมือกับผู้ป่วยอยู่เห็นหลิงรันกำลังเดินเข้ามา เขาจึงพูดว่า “นายมากับฉันเราจะไปตรวจดูสถาณการณ์ข้างนอกกัน”
สิ่งที่ผู้อำนวยการฮวงนั้นห่วงที่สุดในตอนนี้คือหลิงรันนั้นไม่รู้วิธีการรับมือกับญาติผู้ป่วยที่ ดังนั้นผู้อำนวยการฮวงจึงชอบมักพาหลิงรันไปไหนมาไหนด้วยเพื่อให้เรียนรู้วิธีการสื่อสารกับครอบครัวของผู้ป่วย แต่คราวนี้สถานการณ์เห็นได้ชัดว่ามันมีความซับซ้อนมากขึ้น
มันทำให้หลิงรันที่ไม่ได้รับหมอบหมายหน้าที่อะไรในตอนนี้เริ่มครวญครางออกมาก่อนที่จะเดินตามเข้าไปในห้อง
เพราะภารกิจของเขาในครั้งนี้มาเพื่อหยุดเลือดเท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังไปไม่ถึงตัวผู้ป่วย
เมื่อเขาผ่านประตูเข้าไปผู้อำนวยการฮวงกำลังขู่คำรามใส่ญาติของผู้ป่วยว่า “เจียงหลี่ไม่ได้อยู่ข้างในนี้!!“
ญาติๆของผู้ป่วยเริ่มสงบลงเมื่อเขาเห็นผู้อำนวยการฮวงทำเช่นนั้น แต่คำพูดเหล่านั้นก็กวนใจพวกเขาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“ทำไมเขาไม่อยู่ข้างใน”
“มีคนกล่าวว่าเขาจะถูกส่งไปโรงพยาบาลหยุนหัว”
“หมออย่าโกหกพวกเรา!”
ผู้อำนวยการฮวงตะโกนออกมาอย่างดังโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยินเขาหรือไม่ เขากล่าวว่า “เจียงหลี่ ยังอยู่ระหว่างการเดินทางมาผมในฐานผู้อำนวยการกำลังเตรียมการรักษาอยู่มีใครมีคำถามอีกหรือไม่”
ญาติๆของเจียงหลี่ที่กำลังโวยวายกันอยู่นั้นเริ่มลดเสียงก่อนที่จะตั้งใจสิ่งที่ผู้อำนวยการฮวงพูดออกมา
“อย่างงั้นปล่อยให้เราเขาไปข้างในได้ไหมเพื่อรอเขา?” หญิงชราคนหนึ่งที่เป็นญาติของผู้ป่วยกล่าวขึ้นมา
“ถ้าเป็นสถาณการณ์ปกติก็อาจะได้แต่ตอนนี้อยู่ในสถาณการณ์ฉุกเฉินจะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในอย่างเด็ดขาด!” แต่อย่างไรก็ดีผู้อำนวยการฮวงก็ฉุดคิดไปสักช่วงหนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “อย่างงั้น….คุณเลือกตัวแทนมาสองคนเข้าไปในห้องได้”
หากเป็นการรักษาฉุกเฉินตามปกติพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้โดยเฉพาะเมื่อญาติไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องช่วยชีวิต อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ต้องมีคนยืนยันว่าการรักษาของแพทย์นั้นได้ทำอย่างเต็มที่ เมื่อถึงเวลานักข่าวอาจเข้ามาดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะหยุดญาติของผู้ป่วยไว้
ญาติๆของผู้ป่วยสงบลงเล็กน้อยและตัดสินใจอย่างรวดเร็ว – แม่และคู่หมั้นของผู้ป่วยจะเข้าไปในห้อง
“ชื่อของคุณทั้งสองคือ ?” ผู้อำนวยการฮวงถาม
“ ชื่อของฉันคือเฉินฟาง” แม่ของผู้ป่วยตอบ
“มาดามเฉิน” ผู้อำนวยการ กล่าวก่อนที่เขาจะดูคู่หมั้นของผู้ป่วย
คู่หมั้นของผู้ป่วยดูอวบเล็กน้อย เธอเป็นผู้หญิงหน้ากลม ในเวลานี้เธอพูดอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเสียงเรียบๆ “ฉันชื่อวังยี่ฉันทำงานในโรงเรียนมัธยมปักกิ่งหมายเลข 4″
“คุณครูวังง” ผู้อำนวยการฮวง พยักหน้าและนำพวกเขาทั้งคู่เข้าไปในห้อง แต่ผู้อำนวยฮวงยังไม่ได้ปล่อยให้พวกเขาทั้งสองเข้าไปทันที “ตอนนี้ทางเรากำลังเตรียมการรักษาอยู่เมื่อเจียงฉี่ เราจะได้พาเข้ารักษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำพวกคุณทำได้แค่สังเกตการและเงียบไว้ เท่านั้นและไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น เข้าใจที่ผมพูดนะ”
“พวกเราเข้าใจ.” เฉินฟางได้แต่เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาตั้งแต่ที่เธอมาถึงโรงพยาบาล
“ชั่วโมงแรกของการรักษาเรียกว่าช่วงนาทีทองในการตัดสินใจของแพทย์ในช่วงเวลานี้มันสำคัญมากเราจะอนุญาตให้คุณเข้ามาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะเข้าไปยุ่งกับการรักษาของพวกเราได้ ถ้าคุณทำเราจะ ขอให้คุณออกไปทันทีคุณเข้าใจไหม ” ผู้อำนวยการฮวง มองดูทั้งสองด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“เข้าใจ”. เฉินฝางตอบรับอย่างจริงใจ
คู่หมั่นของผู้ป่วยอย่างวังยี่ก็พยักหน้าเบาๆเพียงเท่านั้นเพื่อตอบรับคำสั่งของผู้อำนวยการฮวง
ผู้อำนวยการฮวง หันหลังกลับและมอบหมายงานต่อไป
หลิงรันวิ่งตามเขามาและคิดอะไรขึ้นได้บางอย่าง
“นายได้เรียนรู้อะไรจากบทสนทนานี้บ้าง” ผู้อำนวยการฮวง ถาม
“มันฟังดูวุ่นวายมากเลย” หลิงรันกล่าวอย่างซื่อตรง
ผู้อำนวยการฮวงพยักหน้า “เราจำเป็นต้องบอกความจริงเมื่อมีความจำเป็นการมีความอดทนไม่ใช่เรื่องเลวร้าย เจียงหลี่เองก็ เป็นคนที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องการให้เราพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยชีวิตเขา ทุกวิถีทางซึ่งหมายความว่ายารักษาจะสามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังหมายความว่ารายการยารักษาที่เราสามารถใช้ได้นั้นไม่ จำกัดเช่นกัน โดยรายการยาที่อยู่ประกันสุขภาพและยาที่นำเข้ามา ในกรณีนี้การรักษาของเราจะค่อนข้างง่าย แต่มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับความเข้าใจของญาติผู้ป่วย แต่เราก็ต้องคำนึงชีวิตของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ถึงจะเจอคำถามแปลกๆก็ตาม! “
“เราจะต้องรักษาชีวิตของผู้ป่วยเป็นหลัก” เป็นคำพูดที่ผู้อำนวยการฮวงมักจะผู้บ่อยที่สุด และ เป็นคำที่ทุกคนจดจำได้
แต่อย่างไรก็ดีมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำตามประโยคที่ผู้อำนวยการฮวงกล่าวออกมา
ช่วงนาทีทองที่ ผู้อำนวยการฮวงพูดถึงนั้นเป็นชั่วโมงแรกของการรักษา การตัดสินใจของแพทย์จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของผู้ป่วย ความแม่นยำหมายถึงอายุขัยของผู้ป่วยที่จะได้รับผลกระทบ มันก็หมายความว่าการตัดสินใจในช่วงเวลาทองจะส่งผลกระทบต่อทั้งชีวิตของผู้ป่วย ตัวอย่างเช่นพวกเขาต้องตัดสินใจว่าพวกเขาควรทำการตัดแขนขา หรือว่าการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะหรือการตัดสินใจอื่น ๆ คำถามเช่นนั้นมักจะทำให้เกิดภัยพิบัติยิ่งใหญ่ต่อแพทย์และผู้ป่วย
ยิ่งมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของแพทย์มากเท่าใดก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อพิพาทมากขึ้นเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นผู้ป่วยที่ถูกตัดแขนขาอาจใช้เวลาหลายปีหรือหลายทศวรรษกว่าจะคิดได้ว่า ‘จะดีกว่าไหมถ้าฉันไม่ยินยอมให้ตัดแขนขา?’
ทุกครอบครัวต้องการให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและครอบครัวของเจียงหลี่ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
สำหรับเคสนี้เป็นเคสการรักษาที่ทุกคนในจีนจับตามองและให้ความสนใจมาก และถ้าทางญาติของผู้ป่วยร้องขอให้มีการใช้ยาแรงขึ้นมาก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาอย่างแน่นอน
ผู้อำนวยการฮวงเคยผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาอย่างมากมาย
หลายครั้งที่การผ่าตัดจะมีการเตรียมการมาก่อนเสมอ แต่ถึงอย่างไรก็มีปัจจัยบางอย่างที่ใหแผนการผ่าตัดคลาดเคลื่อนเนื่องมาจากคำขอของญาติ ทำให้พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจในการรักษาได้และทำให้การรักษามีขอบเขตที่จำกัดไปด้วย แต่อย่างไรก็ดีแพทย์ก็ต้องหัดที่จะมองข้ามคำขอบางคำขอบ้าง
พวกเขากำลังอยู่ในขั้นเตรียมการ สำหรับผู้อำนวยการฮวง นั้นเป็นส่วนหนึ่งของงานเตรียมการ
เฉินฟางและวังยี่นั่งอยู่ที่มุมห้องทั้งสองข้างของห้องและพวกเขาก็กระซิบและสื่อสารกับครอบครัวของพวกเขาผ่านทางโทรศัพท์ ในไม่ช้าผู้สื่อข่าวหลายคนเข้ามาในห้องบำบัดภายใต้คำแนะนำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการแพทย์ พวกเขายังตั้งค่าอุปกรณ์ของพวกเขาให้อยู่ในระบบสั่น
จุดที่เกิดอุบัติเหตุอยู่ห่างจากโรงพยาบาลหยุนฮวย 124 ไมล์ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เฮลิคอปเตอร์จะบินมาถึง
ผ่านไปสักพักเมื่อพวกเขาหลายคนหมดความอดทนรอผู้อำนวยการฮวงก็ยืนขึ้นและพาคนหลายกลุ่มเพื่อรับผู้ป่วยเข้ามา
หลิงรันเดินติดตามผู้อำนวยฮวงและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เขาเตรียมตัวอย่างเงียบๆ
เนื่องจากหลิงรันไม่ได้เชียวชาญด้านการรักษาฉุกเฉินอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นเขาจึงเตรียมการเรื่องที่เขาถนัดคือการหยุดเลือด
ในความเป็นจริงตำแหน่งปัจจุบันของหลิงรันในแผนกฉุกเฉินนั้นดูง่ายมาก นอกเหนือจากการผ่าตัดแล้วความสามารถพิเศษของเขาคือการควบคุมเลือดออกด้วยมือเปล่า โดยปกติเขาใช้ทักษะนี้เพียงอย่างเดียวและทำงานร่วมกับผู้อื่นในการช่วยชีวิต นอกจากนั้นเขายังทำหน้าที่จัดการกับแผลและเย็บเพียงอย่างเดียว
หากแพทย์อย่างหลิงรานถูกส่งไปยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเกรด B หรือต่ำกว่าเขาก็น่าจะต้องใช้สมองของเขาเล็กน้อยเพื่อให้มีชื่อเสียง อย่างไรก็ตามในโรงพยาบาลขนาดใหญ่เช่นโรงพยาบาลหยุนหัวความแม่นยำของหลิงรันในการหาจุดเลือดออกได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาและรุ่นน้องในแผนก
แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหยุนหัวไม่ต้องการแพทย์ที่พูดเก่ง แต่พวกเขาต้องการแพทย์ที่สามารถแก้ปัญหาได้ พวกเขาไม่ต้องการหมอที่สามารถแก้ปัญหาได้มากมาย ตราบใดที่พวกเขาสามารถแก้ปัญหาหนึ่งเรื่องนั้นได้ก็ดีพอ
เปลก็ถูกดึงออกมาจากเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็วและเลือดก็บไหลไปตามทางที่มันเลื่อนผ่าน
เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปในทันที
“เสียเลือดไปเท่าไร”
หัวหน้าแพทย์ของแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมืองยังฉี่ ที่มาพร้อมกับเฮลิคอปเตอร์ด้วย การแสดงออกของเขาหดหู่ในขณะที่เขาพูดว่า “เราถ่ายเลือดได้เกือบยี่สิบถุงและเราให้สารละลายฮีโมโกลบินที่เป็นผลึกทั้งหมดให้เขา ผลของการใช้ความดันโดยตรงสำหรับการควบคุมการตกเลือดนั้นไม่ใหญ่มาก … “
“หลิงรัน!” ผู้อำนวยการฮวง คำรามออกมาเสียงดัง เสียงของเขามาพร้อมกับเสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์
“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเลือดทั้งหมดนี้ได้” หลิงรันหันมองด้วยหางตาสายตาสองสามครั้งก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นรถเข็น เขาถอดผ้าพันแผลที่แขนข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วตัดผ้าพันรอบท้องแล้วยื่นมือออกมาและกดลงไปที่ด้านใดด้านหนึ่งของช่องท้อง ปริมาณเลือดลดลงทันที
แต่นั่นคือทั้งหมดที่ทำได้
วิกฤติที่เกิดขึ้นได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับทุกคนที่อยู่ที่นั้น
“ทำการผ่าตัดด่วน!” ผู้อำนวยการฮวงรอจนกระทั่งรถเข็นถูกผลักเข้าไปในห้องไอซียูและตัดสินใจโดยไม่ลังเล
หลิงรันไม่คัดค้าน ไม่ทราบว่าผู้ป่วยถูกแทงด้วยมีดกี่ครั้ง มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์สำหรับผู้ป่วยที่จะมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ หลิงรันสามารถกั้นการไหลของบาดแผลได้มากมาย นอกจากนี้การควบคุมเลือดออกด้วยมือเปล่าเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว โชคดีที่หลอดเลือดแดงของผู้ป่วยไม่ถูกทำร้าย อย่างไรก็ตามมันอันตรายมากที่มีเลือดออกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
“ตั้งค่าอุปกรณ์การเจาะให้เข้าถึงหลอดเลือดดำอีกสองจุด” ผู้อำนวยการฮวงได้รับคำสั่งหลังจากตรวจสอบอุปกรณ์การเข้าถึงหลอดเลือดดำทั้งสามที่ติดตั้งในรถพยาบาล
การเจาะหลอดเลือดดำสี่จุดนั้นมักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ หรือ ไข้เลือดออก แต่สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินธรรมดาการเจาะหลอดเลือดดำสองถึงสามครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีเลือดออกในจุดสำคัญการเจาะหลอดเลือดดำห้าครั้งอาจไม่จะเพียงพอ
เปลเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลมากมาย ดังนั้นญาติของผู้ป่วยจึงไม่สามารถเห็นหน้าของผู้ป่วยได้ถนัดมากนัก พวกเขาสามารถเห็นมุมของเครื่องแบบตำรวจที่ฉีกขาดของเจียงหลี่จากช่องว่างเช่นเดียวกับรอยเลือดที่ยาวและคราบเลือดจำนวนมาก …