ตอนที่ 377 หนิงเซ่ากับซูชีพบหน้ากันอีกครั้ง (1)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 377 หนิงเซ่ากับซูชีพบหน้ากันอีกครั้ง (1)

ผู้คนเยอะแยะขนาดนั้นไม่ปล้น เหตุใดขอทานมักจะชิงทรัพย์เจ้าคนเดียว

เจ้าที่เป็นสตรีเข้าเมืองหลวงมายังไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็เข่นฆ่าผู้คนไปมากขนาดนี้ ทั้งยังไร้บิดามารดา ไร้พี่ชายน้องชายและพี่สาวน้องสาว เกรงว่าจะเป็นคนที่ถูกลิขิตชะตาให้เดียวดายไปตลอดชีวิตลงมาเกิด เคราะห์ร้ายมาเยือนถึงที่

ถ้าหากว่าฮ่องเต้ใช้ข้ออ้างนี้ให้มั่วเชียนเสวี่ยไปขัดเกลาจิตใจให้สงบที่วัดของบรรดาเชื้อพระวงศ์เพื่อปัดเป่ากลิ่นอายพิฆาตบนร่าง ก็จะจัดการได้ยากแล้วจริงๆ

ถ้าหากว่าตระกูลหนิงใช้เหตุผลนี้ให้เขาหย่าก่อนทั้งที่ยังไม่ได้แต่ง ก็ยิ่งจัดการยากเข้าไปใหญ่

หนิงเซ่าชิงเพิ่งจะรับช่วงต่อตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ผู้คนมากมายล้วนเห็นแล้วขัดหูขัดตา ถ้าหากว่าวิเคราะห์เหตุการณ์นี้ในเรื่องการต่อสู้ระหว่างชนชั้นอย่างลึกซึ้งแล้ว หาตัวคนที่เป็นขอทานจริงๆ มาจำนวนหนึ่งจากบรรดาคนพวกนี้ และถูกคนที่จิตใจยากจะหยั่งถึงเหล่านั้นใช้เป็นข้ออ้างในการวิพากษ์วิจารณ์

นั่นก็คือหัวหน้าตระกูลหนิงไร้ซึ่งความเมตตาปรานี นั่นก็คือตระกูลหนิงฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา

แผนการนี้ ยิงธนูนัดเดียวก็มีนกอินทรีตายไปสามตัว โหดเหี้ยมจริงๆ! หนิงเซ่าชิงสีหน้าเย็นเยียบอีกครั้ง

คนพวกนี้ พวกเขามอบให้เขาฆ่า ทว่า เขาไม่เพียงไม่ฆ่า แต่ยังจะเก็บคนพวกนี้เอาไว้ เพื่อตามรอยเบาะแส…

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนิงเซ่าชิงก็เอ่ย ขณะยิ้มเยาะ “ปล่อยชีวิตน้อยๆ ของคนพวกนี้เอาไว้ รอให้แม่ทัพเก้าประตูมาจัดการ”

จวนแม่ทัพเก้าประตู ซูชีที่กำลังดูสมุดภาพได้รับรายงานจากองครักษ์ว่า มีคนก่อเรื่องวุ่นวายที่นอกเมือง เดิมเขาไม่สนใจ

เดิมตำแหน่งรองแม่ทัพเก้าประตูที่เขาเป็น ก็แค่รับเอาไว้เล่นๆ เพื่อใช้ปกป้องมั่วเชียนเสวี่ย เรื่องภายในเมืองหลวงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเขา ไม่สนใจไม่ได้ แต่เรื่องนอกเมืองนั้น เขาอยากจะสนใจก็สนใจ ไม่อยากจะสนใจก็ถือเสียว่าไม่ได้ยิน

ทว่า กลับได้ยินองครักษ์ผู้นั้นเอ่ยถึงเป้าหมายที่กลุ่มคนเร่ร่อนพุ่งเป้าไป คล้ายกับว่าจะเป็นหัวหน้าตระกูลหนิงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่กับคุณหนูใหญ่มั่วแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงขึ้นมา

ทันใดนั้น ซูชีก็นั่งไม่ติดแล้ว! เขารีบโยนสมุดภาพทิ้งไป พลางตะโกนว่า “รวมตัว! ออกเดินทาง”

สิ้นเสียง คนก็หายไปไม่เหลือแม้แต่เงา!

ท่านหญิงซูซูที่ถูกเมินมาโดยตลอด ก็ขยี้เท้าด้วยความโมโหอย่างแรง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับห้องที่ว่างเปล่า!

นางรู้ว่าซูชีเป็นห่วงมั่วเชียนเสวี่ยถึงได้รีบร้อนออกไป ในใจก็อิจฉาและเศร้าเสียใจมาก

แต่มั่วเชียนเสวี่ยเป็นสหายที่ดีที่สุดของนาง เป็นพี่น้องที่ดี นางก็เป็นห่วงเช่นกัน ตอนนี้จึงไม่ใช่เวลามาหึงหวงและอิจฉาริษยา

แม้ว่าท่านหญิงซูซูจะชอบซูชีตั้งแต่ยังเด็ก รู้ว่าเขาเก่งวรยุทธ์ ย่อมตอบสนองความชอบเขา ไม่กล้ากล่าวว่าเป็นปรมาจารย์ทางด้านวรยุทธ์ แต่กลับมีทักษะการต่อสู้พื้นฐานเช่นกัน

แม้ว่าสีหน้าท่านหญิงซูซูจะเปลี่ยนไป แต่กลับรีบตามไปทันที!

ขณะที่ซูชีกับท่านหญิงซูซูอยู่ระหว่างเดินทางไป ทางด้านทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวก็กวาดล้างเรียบร้อยแล้ว!

กุ่ยซามองกลุ่มคนที่ถูกฟันสลบไปหลายครา จากนั้นก็คว้าคนที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ขอทานจริงๆ ออกมาแล้วโยนลงไปข้างเท้าหนิงเซ่าชิง

“ท่านผู้นำตระกูล ลำคอและบริเวณมือของคนคนนี้สะอาดสะอ้าน ฝ่ามือมีตุ่มไตจากการใช้กระบี่ จะต้องไม่ใช่ขอทานจริงๆ แน่นอนขอรับ”

หนิงเซ่าชิงพยักหน้า ก้มหน้ามอง

ระหว่างที่คนคนนั้นถูกโยนก็ได้สติขึ้นมา เงยหน้ามองคนตรงหน้าแล้วก็ตัวสั่นระริก

หนิงเซ่าชิงก้มมองคนที่ตัวสั่นระริกอยู่ข้างเท้าเขา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกถึงขีดสุด

“พูด ใครบงการให้พวกเจ้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่”

“ข้าน้อย…ข้าน้อยมิทราบ…” น้ำเสียงที่ตอบคำถามก็สั่น ดูท่าทางหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง!

หนิงเซ่าชิงยิ้มเย็น “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” จากนั้นก็เหลือบตามองกุ่ยซาแวบหนึ่ง “ทำให้เขาเปิดปาก”

น้ำเสียงนี้เย็นยะเยือก โหดเหี้ยม!

จะยังมีความนุ่มนวลอ่อนโยนเสียที่ไหน

พลังอำนาจบนร่างก็เพิ่มขึ้นตามพลังเสียง กลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งปกคลุมไปทั่ว

“เจ้าจะพูดไม่พูด…”

“ข้าน้อยไม่รู้จริงๆ ท่านจะให้ข้าน้อยพูดอันใด…”

ขอทานผู้นั้นยังกล่าวไม่จบ กุ่ยซาก็วาดดาบลงบนร่างเขาไปมา

วิถีดาบนั้นทำร้ายให้บาดเจ็บ วิถีดาบนั้นทำให้จุดอ่อนไหวนั้นเจ็บปวด แต่วิถีดาบนั้นกลับมิได้คร่าชีวิต

คนคนนั้นปากแข็งมาก แม้ว่าตัวสั่นระริก กลับยอมตายแต่ไม่ยอมสารภาพ

นี่ก็อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของหนิงเซ่าชิง ถ้าหากว่าสารภาพออกมาง่ายขนาดนั้น เช่นนั้นก็ไม่สนุกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขอทานที่นี่มีเยอะมาก เขาไม่เชื่อหรอกว่าทุกคนจะแข็งแกร่ง

วิธีการสอบถามคำให้การขององครักษ์เงาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพียงแต่ตอนนี้ไม่สะดวกจะแสดงมันออกมาเท่านั้นเอง

อีกทั้ง ที่นี่ก็มีผู้ที่เป็นขอทานจริงๆ ไม่น้อย ไม่แน่ว่า จะได้อะไรบางอย่างจากปากของผู้ที่เป็นขอทานจริงๆ ก็ได้

สำหรับคนที่ได้รับบาดเจ็บจนมีสภาพย่ำแย่นั้น หนิงเซ่าชิงไม่ได้มีความรู้สึกอันใด แต่กลับกลัวว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะหวาดกลัว จึงรีบปิดตานางเอาไว้

“ไม่เป็นไร วางใจเถอะ ถ้าหากว่าข้าอยากจะแข็งแกร่ง ก็จำเป็นต้องรับเรื่องทั้งหมดนี้ให้ได้” มั่วเชียนเสวี่ยดึงมือที่ปิดตานางของหนิงเซ่าชิงออก จ้องมองขอทานที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา

ขอทานกลุ่มใหญ่นางก็เคยฆ่ามาแล้ว นางยังต้องกลัวพวกนี้ด้วยหรือ

นี่คือหนทางที่นางจำเป็นต้องเติบโต! นางไม่กลัว!

เมื่อจับขอทานกลุ่มนั้นได้ หนิงเซ่าชิงกับมั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ได้จากไป แต่ยืนอยู่ที่เดิม รอให้คนของสำนักว่าการแม่ทัพเก้าประตูมาถึง

จำเป็นต้องกล่าวว่าประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของจวนแม่ทัพเก้าประตูนั้นสูงมาก ทั้งสองคนยืนคุยเรื่องซุบซิบกันอยู่ตรงนั้นหลายประโยค หนิงเซ่าชิงวิเคราะห์ความสัมพันธ์อันทรงพลังในบรรดาพวกเขา คนของสำนักว่าการแม่ทัพเก้าประตู…ก็มาแล้ว

ผู้มาเยือนนั้นรวดเร็วมาก แรกเริ่มเป็นเพียงจุดสีดำเล็กๆ เพียงแค่เวลาพริบตาเดียว ก็ใกล้จนเห็นเงาร่างคนได้ชัดเจน

มั่วเชียนเสวี่ยหรี่ตามองคนที่วิ่งตะบึงมาอย่างรวดเร็ว มองจากที่ไกลๆ ก็รู้สึกว่าคุ้นตาอยู่บ้าง รอคนวิ่งเข้ามาใกล้แล้ว ถึงได้ค้นพบว่า ที่แท้ก็คือซูชี…

การมาถึงของซูชีในตอนนี้นั้นทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเป็นกังวลเกี่ยวกับคนขี้หึงที่อยู่ข้างๆ อยู่บ้าง เมื่อมองไป กลับพบว่าสีหน้าของหนิงเซ่าชิงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วอย่างไรอย่างนั้น มั่วเชียนเสวี่ยจึงใจสงบเล็กน้อย

นางรู้เสียที่ไหนว่า ยามที่เห็นเงาร่างของซูชีวิ่งตะบึงมา แม้ว่าในใจหนิงเซ่าชิงจะยังหึง แต่กลับไม่ได้แสดงออกมา

อย่างไรเสีย ซูชีมาที่นี่ก็เพื่อมาช่วยเขาจัดการปัญหา

แม้ว่าในใจหนิงเซ่าชิงจะไม่ชอบซูชี ทว่า สุดท้ายแล้วก็ยังคงชื่นชมซูชี คนเหล่านี้ มอบให้กับซูชี เขาวางใจ

“เชียนเสวี่ย! เจ้าไม่เป็นอันใดนะ” ซูชีมาถึงข้างกายมั่วเชียนเสวี่ยกับหนิงเซ่าชิงอย่างรวดเร็ว ในสายตาเขามีเพียงแค่มั่วเชียนเสวี่ยคนเดียว

หนิงเซ่าชิงหันหน้าไปอีกด้าน ไม่มองเขา ซูชีก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นหนิงเซ่าชิงเช่นกัน

ใครจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน สองคนที่มีบุคลิกไม่ธรรมดา กิริยาท่าทางดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ จะแย่งชิงกล่องบรรจุภาพวาดกันเอาเป็นเอาตาย

แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่มองกันสักครั้ง ทว่า กลับแผ่กลิ่นอายที่ทำให้ผู้อื่นเห็นแล้วไม่เข้าใจออกมาใส่กัน

มั่วเชียนเสวี่ยที่เห็นซูชี แม้ว่าจะค่อนข้างประหลาดใจ แต่กลับนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ ซูชีเคยบอกว่าเขาเป็นรองแม่ทัพเก้าประตู ดังนั้นจึงยิ้มบางๆ

“ซูชี ท่านมาแล้ว ข้าไม่เป็นอันใด สบายดีมาก”

กล่าวจบ ก็ใช้สายตาบอกใบ้ไปทางด้านหลังซูชี

ในสายตาของซูชีมีเพียงมั่วเชียนเสวี่ย ตลอดทางกลัวว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะมีอันตราย จึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่นๆ ตอนนี้เมื่อมองไปตามสายตาของมั่วเชียนเสวี่ย ก็เห็นขอทานที่บิดไปบิดมาเต็มพื้นด้านหลังทันที!