บทที่ 374 ไม่ไว้หน้าเจ้า
“อาฉือ” หลี่ฮองเฮาไม่ได้บึ้งตึงเหมือนฮ่องเต้เซี่ยเจิน ไท่ซ่างหวงยอมรับฐานะของเด็กคนนี้ด้วยตัวเอง นางไม่ต้องเก็บซ่อนความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้อีกต่อไปแล้ว ขณะที่พึมพำเบา ๆ ขอบตาของนางก็เริ่มร้อนผ่าว
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมองไปทางถูลี่แล้วจึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มออกมา “ท่านข่านเดินทางมาไกล อย่ายืนคุยกันตรงนี้เลย ในวังเตรียมงานเลี้ยงเอาไว้แล้ว เชิญด้านในดีกว่า”
ถูลี่มองไปทางฮ่องเต้เซี่ยเจิน “ฮ่องเต้ต้าจิ้น”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเก้อ “อยู่กันภายในไม่จำเป็นต้องเป็นทางการเช่นนี้ หากเจ้าต้องการ เรียกข้าว่าท่านน้าก็พอ”
ถูลี่ยกยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลามีสีหน้าเย้ยหยันพาดผ่าน “ฮ่องเต้ต้าจิ้นมีผู้ที่มีความสามารถมากมายรายล้อม ข้าเองก็คิดถึงคนผู้หนึ่งมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ทราบว่าวันนี้อัครมหาเสนาบดีหานมาด้วยหรือไม่?”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่ได้พูดอะไร เพราะรู้ว่าองค์หญิงใหญ่จะกลับมา หานเหล่ยย่อมไม่เหมาะที่จะติดตามมาด้วย จึงให้เขารออยู่ที่จวน
“หานเหล่ยถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ในราชสำนัก”
ถูลี่พยักหน้ารับรู้ “เช่นนี้นี่เอง อี้ชุ่น”
อี้ชุ่นที่ตามมารอต้อนรับโค้งตัวลงทันที “พ่ะย่ะค่ะ ท่านข่าน”
“กลับไปให้คนบันทึกเอาไว้ด้วย ว่าผู้ที่กล้ายุยงและสั่งให้คนลอบสังหารสมาชิกของราชวงศ์ต้องถูกประหารเก้าชั่วโคตร อย่าเป็นเหมือนต้าจิ้นที่ไม่เข้มงวด ใครไม่รู้จะคิดว่าเสด็จแม่ของข้าไม่สำคัญพอ คิดว่าราชวงศ์ต้าจิ้นดูถูกถู่เจียของเรา ดูหมิ่นไทเฮาแห่งถู่เจีย”
คำพูดของถูลี่ทำให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินที่ได้ยินถึงกับใบหน้าแดงก่ำ ความไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้า
“ท่านข่าน คำพูดนี้ดูจะรุนแรงเกินไปแล้วกระมัง ก่อนหน้านี้ข้าเองก็ได้อธิบายกับเสด็จพี่ไปแล้ว ว่าความจริงแล้วเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันก็เท่านั้น”
“อ้อ? เข้าใจผิดอย่างนั้นหรือ? น่าเสียดายที่ชาวถู่เจียอย่างเราไม่เคยปล่อยหายนะเอาไว้ แต่กลับสงสัยว่าที่ฮ่องเต้ต้าจิ้นเก็บคนที่ลอบสังหารองค์หญิงใหญ่ไว้ข้างกาย ต้องการจะทำลายมิตรภาพระหว่างสองแคว้น และทำสงครามกันอย่างนั้นหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงของถูลี่ ทหารกล้าของถู่เจียทางด้านหลังต่างก็ก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าวโดยพร้อมเพรียงกัน ความน่าเกรงขามของพวกเขาทำให้ทหารองครักษ์ของราชสำนักคิ้วกระตุก
เมื่อก่อนฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอทูตหรือกษัตริย์แคว้นอื่นพูดจาโอหัง หรือข่มขู่มาก่อน แต่ในเวลานั้นเขามีเผยเกออยู่ด้วย ต่อมาก็มีเผยยวน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหยิ่งผยองเพียงใด สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้สยบอยู่ใต้ฝ่าเท้าของกองทัพทหารเกราะเหล็กอยู่ดี
ฐานะของผู้ครอบครองพื้นที่ราบภาคกลางของต้าจิ้นไม่เคยสั่นคลอน
แต่ตอนนั้นฮ่องเต้เซี่ยเจินรู้สึกว่าเผยยวนไม่ควรทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาเขา ทว่าเวลานี้เมื่อเขาไม่อยู่แล้วจริง ๆ การจะแตกหักกับถูลี่ ฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ยังต้องคิดใคร่ครวญให้ดีถึงภายภาคหน้า
เขากลัวว่าถูลี่กับเผยยวนจะร่วมมือกัน เพราะในเวลานี้เขารู้สึกว่าทุกคนในที่นี้ต่างกำลังรอให้เขาลงมา เพื่อจะยกตำแหน่งให้เซี่ยฉือ
นี่เป็นการข่มขู่กันซึ่ง ๆ หน้า!
กลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถูลี่เอ่ยปากอีกครั้ง มุมปากของเขาก็แสยะยิ้มดูแคลนออกมา ราวกับนกอินทรีที่โบยบินอยู่บนทุ่งหญ้า มองดูเหยื่อเฒ่าบนพื้นดิน
“ข้าได้ยินเกี่ยวกับความปราดเปรื่องของหย่งกวานโหวแห่งต้าจิ้นมานาน ทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตพระราชนัดดา ฮูหยินของเขายังได้ช่วยเสด็จแม่ของข้าเอาไว้ด้วย ไม่ทราบว่าหย่งกวานโหวและภรรยาอยู่ที่ใดอย่างนั้นหรือ?”
“เผยยวนเขา…”
ตอนนั้นเองถังกั๋วกงก็เดินเข้ามาหนึ่งก้าว “หย่งกวานโหวและภรรยาตอนนี้อยู่ในเมืองหลวง กระหม่อมได้ส่งคนไปเชิญแล้ว ท่านข่านและองค์หญิงใหญ่ต่างก็เดินทางมาไกล คิดว่าคงจะเหนื่อยล้ากันมากแล้ว เข้าไปรอที่งานเลี้ยงในวังก่อนดีกว่านะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินแทบจะกระอักเลือดออกมา แต่ก็ไม่สามารถว่าอะไรถังกั๋วกงได้ เพราะที่เขาทำก็เพื่อกู้หน้าให้ไม่ใช่หรือ?บราวนี่ออนไลน์
ชั่วขณะหนึ่งแม้แต่ไฟโกรธก็ไม่รู้ว่าควรจะปลดปล่อยที่ใด ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาเกลียดถูลี่อย่างมาก รู้สึกว่าศักดิ์ศรีฮ่องเต้ของตัวเองถูกลบหลู่ และด้วยอำนาจทหารในมือของเผยยวนทำให้เขาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดกองทัพทหารเกราะเหล็กเหล่านั้นถึงภักดีต่อเผยยวนเพียงนี้
เผยยวนหายไปนานเพียงนั้น! พวกเขาก็ยังจงรักภักดีต่อเผยยวนอยู่ นี่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า คนที่ทหารเหล่านั้นภักดีหาใช่ฮ่องเต้เช่นเขาไม่ แล้วสิ่งที่เขาทำผิดอยู่ที่ใดกัน? ใครจะสามารถทนต่อขุนนางเช่นนี้ได้?
ภายในใจของฮ่องเต้เซี่ยเจินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และได้ข้อสรุปกับตัวเองแล้วว่า คนเหล่านี้ไม่อยากเห็นเขามีความสุข
…
อีกด้านหนึ่ง พ่อบ้านจูมายังภัตตาคารด้วยตัวเอง
อย่างไรเสียหย่งอันถังเดิมก็เคยเป็นของจวนถังกั๋วกงมาก่อน ระยะนี้จี้จือฮวนเปิดบริจาคยาที่หย่งอันถัง เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่สำหรับบ้านเมืองและราษฎร พ่อบ้านจูจึงคอยไปช่วยวันละหลายรอบ เมื่อได้ยินท่านกั๋วกงจะเรียกคนเข้าวังเขาจึงรีบมา
คุณูปการที่แม่นางจี้ทำ จะพูดเพียงสองสามคำแล้วปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ต้องให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว
แม่นางจี้ดีไปหมดทุกอย่าง แต่กลับไม่หวังชื่อเสียงใด ๆ เรื่องนี้ทำให้เขาร้อนใจจริง ๆ
“เข้าวัง?” จี้จือฮวนมองไปทางเผยยวน “ข้าไม่มีความเห็นอะไร อย่างไรเสียองค์หญิงใหญ่กับอาฉือต่างก็อยู่ที่นั่น ข้าอย่างไรก็ได้”
การไปงานเลี้ยง หากว่าต้องไปกินข้าวร่วมกับพวกที่ทำให้สะอิดสะเอียน เช่นนั้นก็ไม่มีความหมายอะไร
เผยยวนแม้จะรู้สึกว่างานเลี้ยงน่าเบื่อ แต่เขาเชื่อฟังภรรยา
“ท่านพ่อ ไปเถอะ ๆ ข้าคิดถึงพี่ใหญ่แล้ว”
“เช่นนั้นก็ไปเถอะ”
จี้จือฮวนตัดสินใจในท้ายที่สุด
พ่อบ้านจูดีใจเป็นอย่างมาก แต่ตอนลงบันไดก็ยังอดที่จะกระซิบกระซาบขึ้นมาประโยคหนึ่งไม่ได้ “แม่นางจี้ ครอบครัวของพวกท่านปิดเงียบมากเลยนะขอรับ”
นอกจากจะแต่งกับเผยยวนแล้ว ยังเลี้ยงพระราชนัดดาเหมือนลูกตัวเองอีกด้วย
“ตามดวงของครอบครัวพวกท่านแล้ว ลูกคนเล็กสองคนนั้นคงไม่ใช่องค์ชายหรือองค์หญิงที่ใดอีกหรอกกระมังขอรับ”
จี้จือฮวน “…”
“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ”
พ่อบ้านจูยังคงรู้สึกสงสัย เพราะว่างิ้วบนเวทีล้วนร้องกันเช่นนี้ แม่เฒ่าเลี้ยงดูลูกด้วยน้ำตา ไม่ได้สอบเป็นจอหงวนก็เป็นแม่ทัพ แต่ละคนล้วนมีอนาคตที่ดี อีกทั้งตอนนี้พี่ชายคนโตก็เป็นถึงพระราชนัดดา อีกสองคนก็ไม่น่าจะแย่ไปกว่ากันมิใช่หรือ?
พวกถูลี่เข้าประตูวังไปแล้ว พวกชาวบ้านเดิมก็ควรจะแยกย้ายกันได้แล้ว แต่จู่ ๆ ก็ไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมา “ท่านแม่ทัพเผยกับภรรยา!”
ในเมืองหลวงคนใดบ้างที่ไม่เคยดื่มยาที่จี้จือฮวนเป็นคนสั่ง
หากไม่ใช่เพราะนาง ครั้งนี้ทุกคนคงถูกราชครูนั่นกับจี้หมิงซูฆ่าตายไปแล้ว ทำให้บัดนี้เสียงเคารพรักจี้จือฮวนนั้นดังกว่าเผยยวนเสียอีก
ฮ่องเต้เซี่ยเจินกำลังเดินไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลังดังขึ้นเรื่อย ๆ จึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น “มีอะไรกัน?”
เจียงเต๋อจึงให้คนรีบไปดู ขันทีน้อยวิ่งเร็วมากไม่นานก็กลับมา ก่อนจะพูดเบา ๆ ข้างกายเจียงเต๋อ “พวกชาวบ้านด้านนอกเห็นหย่งกวานโหวและฮูหยินต่างก็ดีใจกันมากขอรับ”
ดีจริง ๆ สีหน้าของฮ่องเต้เซี่ยเจินบึ้งตึงขึ้นหลายส่วนแล้ว
หลังจากเข้าไปในตำหนัก ไท่ซ่างหวงก็นั่งที่ตำแหน่งบนสุด ฮ่องเต้เซี่ยเจินกับองค์หญิงใหญ่เซี่ยวั่งซูสองแม่ลูกแยกกันนั่งคนละฝั่ง
ส่วนอาฉือกลับถูกไท่ซ่างหวงจูงไปตลอดทาง ถึงขนาดพาไปนั่งอยู่ข้าง ๆ ไท่ซ่างหวงอีกด้วย บัดนี้หากว่ายังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกก็คงตาบอดแล้ว
เซี่ยซั่วเดิมคิดว่าหลังจากตัวขัดแข้งขัดขาอย่างเซี่ยหยางและเซี่ยเซวียนรนหาที่ตายแล้ว คงไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งองค์รัชทายาทกับตัวเองอีก แต่คิดไม่ถึงว่าไท่ซ่างหวงจะดีต่อเซี่ยฉือผู้นี้ยิ่งกว่าอะไร! ยกย่องเขาถึงเพียงนี้
เขาดื่มเหล้าไปหนึ่งจอก จากนั้นก็มองไปทางเซี่ยหยางที่เวลานี้เพิ่งจะถูกเหล่าคนรับใช้หามเข้ามา และดูผอมลงไปไม่น้อย
“พี่รองไม่ได้ออกมาเสียนาน บาดแผลบนร่างกายเป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”
ฝีมือด้านการแพทย์ของเย่จิ่งฝูไม่เลวจริง ๆ มือของเซี่ยหยางในเวลานี้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้แล้ว แต่การฝึกเขียนหนังสือยังทำได้ยากอยู่ ทว่าการกินข้าวกลับไม่ใช่ปัญหาแล้ว