บทที่ 373 ทำให้เขามองเห็นเซี่ยอวี้
ยามซื่อ* คณะทูตถู่เจียเคลื่อนขบวนเข้าเมืองหลวงมาแล้ว เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของบรรดาชาวบ้านกลบเสียงแตรสัญญาณไปจนสิ้น ประตูเมืองที่หนักและเก่าแก่ถูกเปิดออกทั้งสองด้าน ยังไม่ทันเห็นตัวคน เสียงคารวะองค์หญิงใหญ่ก็ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนก้องอยู่ในหูของทุกคน
* ยามซื่อ (巳时) หมายถึง ช่วงเวลา 09.00-11.00 น.
ฮ่องเต้เซี่ยเจินและหลี่ฮองเฮาแต่งตัวเต็มยศมาร่วมงาน บางทีอาจเป็นเพราะสองสามีภรรยาไม่ได้ออกงานสำคัญเช่นนี้ด้วยกันมานานแล้ว สีหน้าจึงไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด แต่เพราะวันนี้ไท่ซ่างหวงเองก็ออกมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นฮ่องเต้เช่นเขาจึงต้องยืนอยู่ข้าง ๆ
หานกุ้ยเฟยที่เป็นอันดับหนึ่งของสนมในวังหลังไม่อยู่แล้ว เต๋อเฟยก็ถูกประหารแล้ว ซูเฟยจึงได้ยืนอยู่ด้านหลังหลี่ฮองเฮา ทว่ากลับดีใจไม่ออกจริง ๆ
มิหนำซ้ำยังมีความรู้สึกว่า ความยากลำบากยิ่งกว่าก่อนหน้านี้กำลังรอนางอยู่
ท่านอ๋อง องค์ชาย ขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ล้วนรออยู่ที่ถนนจูเชว่ ตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ออกเรือนจากตรงนี้ บัดนี้ก็ได้กลับมาที่ตรงนี้อีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของราษฎรตรงหน้า พวงหยกที่ติดด้านหน้าหมวกฮ่องเต้ก็สั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้ามีรอยยิ้มฝืน ๆ เผยออกมา เขาไม่คิดว่าการที่เซี่ยวั่งซูกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ นางจะปล่อยเขาไปง่าย ๆ ไม่แน่อาจจะบีบให้เขายอมรับเซี่ยฉือในวันนี้เลยก็เป็นได้
เขาคิดดีแล้ว ยอมรับก็ยอมรับ ขอเพียงสิ่งที่เขาทำไม่มีปัญหา เซี่ยวั่งซูก็ไม่สามารถว่าอะไรเขาได้อีก
เหล่าทหารที่รักษาความสงบเรียบร้อย ก็ไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นของผู้คนได้ กลีบดอกไม้และธงหลากสีนับไม่ถ้วนถูกโปรยลงมาจากท้องฟ้า เมื่อคณะทูตถู่เจียที่แต่งกายเต็มยศเคลื่อนขบวนเข้ามาอย่างช้า ๆ ทุกคนจึงได้เห็นสตรีใบหน้างดงามที่สวมชุดของถู่เจีย พร้อมทั้งมีท่าทางสง่างามกำลังจูงมือเด็กคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุด
ส่วนด้านข้างของนางเป็นท่านข่านแห่งถู่เจียที่ดูอ่อนเยาว์และหล่อเหลา อาฉื่อน่าถูลี่
องค์หญิงใหญ่ไม่ได้นั่งอยู่ด้านใน ที่ทำให้คนมองเห็นพระพักตร์ได้ยาก!
แต่กลับยืนอยู่ด้านนอก และรับของจากราษฎรรวมถึงข้าราชบริพารด้วยพระองค์เอง
“องค์หญิงใหญ่อู๋ซวง!”
“ขอต้อนรับองค์หญิงใหญ่กลับมาเพคะ!”
ท่ามกลางเสียงเคารพรักที่ดังกึกก้องเช่นนี้ มีหลายเสียงที่ถูกกลบไป
“ท่านป้า!”
“พี่ใหญ่!”
“ไกลเกินไป พวกเขาไม่ได้ยินเจ้าค่ะ” อาอินร้อนใจขึ้นมา ร่างเล็กแทบจะพุ่งออกไปอยู่แล้ว
จี้จือฮวนจึงคว้าเอวของนางเอาไว้ พลางบอกให้นางระวัง เมื่อชะโงกตัวออกไปจึงพบว่าอาฉือกำลังมองมา ใบหน้าเล็กที่นิ่งขรึมเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นอย่างมากออกมาทันที
“เขาเห็นแล้ว” จี้จือฮวนยกมือของอาอินโบกไปมาให้เขา
เผยจี้ฉือเองก็ออกแรงโบกมือมาทางนี้ แม้ว่าจะมีฝูงชนขวางกั้น แต่ว่าหัวใจของพวกเขาอยู่ด้วยกันมาโดยตลอด
“อาฉือผอมเกินไปแล้ว คล้ำขึ้นด้วย” จี้จือฮวนเอ่ยออกมา
เผยยวนโอบไหล่ของนางเอาไว้และไม่สามารถหยุดการขยุกขยิกของอาชิงบนบ่าเอาไว้ได้อีกแล้ว
พ่ออย่างเขาได้แต่จับขาอ้วน ๆ ของเจ้าเด็กน้อยเอาไว้อย่างเอือมระอา “ด้วยฝีมือการทำอาหารของเจ้า กลับไปค่อยบำรุงให้เขากลับมาเหมือนเดิมก็ได้”
“บำรุงนิดเดียวก็พอนะเจ้าคะ หากเหมือนเชลยอ้วนต้องหาภรรยาไม่ได้แน่” อาอินหันมาเอ่ยด้วยความรังเกียจ
จี้จือฮวนกำลังคิดว่าเย็นนี้จะทำอะไรให้ลูก ๆ กินดี
กลับเป็นฮวาเซียงเซียงที่แทะเมล็ดแตงโมอยู่พูดออกมา “ว้าว ลูกชายท่านป้ารูปงามเกินไปแล้ว นั่นคงเป็นท่านข่านกระมัง?”
เซียวเย่เจ๋อตกใจขึ้นมาทันที จ้องถูลี่อยู่พักหนึ่ง
อืม…จะว่าสูงก็สูง แต่คล้ำไปหน่อยหรือไม่ ดูแข็งแกร่งมากทีเดียว
“เจ้าชอบแบบนั้นหรือ?” เซียวเย่เจ๋อถามขึ้นมาเบา ๆ
ฮวาเซียงเซียงกลับตอบอย่างส่ง ๆ “ข้าชอบคนหน้าตาดี”
เซียวเย่เจ๋อจึงหันหน้าไปเงียบ ๆ อยากหยิบกระจกออกมาส่อง ก็พลันเห็นว่าท่านพ่อตาก็กำลังจ้องถูลี่ด้วยใบหน้าที่ชื่นชมอยู่
เซียวเย่เจ๋อคิดใจใน อันตรายแล้ว!
“ดูเร็วเข้า พวกชาวบ้านเห็นอาฉือแล้ว!”
เด็กหนุ่มรูปงามที่องค์หญิงใหญ่จูงมืออยู่นั้น ไม่บอกก็รู้ฐานะดีอยู่แล้ว
เป็นการยืนยันข่าวลือได้เป็นอย่างดี!
ลูกของอดีตองค์รัชทายาทเซี่ยอวี้ยังไม่ตาย พระราชนัดดายังอยู่!
แต่ตอนนี้ยังไม่มีคนกล้าเรียกออกมา ทุกคนติดตามขบวนไปติด ๆ จนกระทั่งเห็นขบวนเสด็จของฮ่องเต้ที่รออยู่ด้านหน้าสุด ทางขบวนของถู่เจียจึงได้หยุดลง
ถูลี่ลงจากรถเป็นคนแรก จากนั้นก็รับองค์หญิงใหญ่และอาฉือลงมา
ไท่ซ่างหวงให้จางตงไหลประคอง พลางก้าวเร็ว ๆ ไปหาพวกองค์หญิงใหญ่ด้วยพระองค์เอง
เหล่าข้าราชบริพารทำการคารวะเสียงดังกึกก้อง “ขอต้อนรับองค์หญิงใหญ่อู๋ซวงกลับเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงมองหน้าลูกสาว อาฉือ และมองหลานชายที่เพิ่งพบหน้ากันเป็นครั้งแรก ในใจก็เกิดความรู้สึกหลากหลาย
หากไม่ใช่เพราะเหล่าสุนัขใต้บังคับบัญชาของเซี่ยเจิน ลูกสาวเขาจะต้องลำบากเพียงนี้อย่างนั้นหรือ ยังดีที่มีฮวนฮวนอยู่
“กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว” ไท่ซ่างหวงเอ่ยออกมา
“ลูกย่อมต้องกลับมาอย่างปลอดภัยอยู่แล้วเพคะ และเป็นห่วงพระพลานามัยของเสด็จพ่อเป็นอย่างมาก ถูลี่ รีบมาคารวะเสด็จตาของเจ้าเสียสิ” องค์หญิงใหญ่ตบบ่าของลูกชายเบา ๆ
ถูลี่ก้าวไปข้างหน้าพลางมองไท่ซ่างหวงเล็กน้อย ก่อนจะคารวะญาติในแบบของถู่เจีย “คารวะเสด็จตา ข้าคือถูลี่ ได้พบท่านเป็นครั้งแรกข้าดีใจมากพ่ะย่ะค่ะ”
ภาษาราชการของถูลี่องค์หญิงใหญ่เป็นคนสอนให้เขาใช้ตั้งแต่เด็ก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจมูกที่โด่งและตาที่คมอย่างเห็นได้ชัด บอกว่าเขาเป็นชาวต้าจิ้นก็คงไม่มีใครสงสัย
“เด็กดี ระหว่างทางลำบากเจ้าแล้ว” ไท่ซ่างหวงย่อมต้องดีใจอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นลูกของลูกสาวสุดที่รักของเขา
พูดถึงตรงนี้ ก็ไม่มีคนจำฮ่องเต้อย่างเซี่ยเจินได้อีกแล้ว
หลี่ฮองเฮากวาดตามองไปยังใบหน้าบึ้งตึงของเขาเล็กน้อย จึงได้เหน็บแนมขึ้นมา “องค์หญิงใหญ่อาศัยโอกาสนี้กลับมา นับว่าไว้หน้าฝ่าบาทมากแล้ว ที่ไม่ทำให้คนรู้ว่าตัวเองถูกคนของอัครมหาเสนาบดีหานลอบทำร้าย จนต้องระเหเร่ร่อน ราชสำนักไม่สนใจ เหตุใดฝ่าบาทยังไม่ทรงดีพระทัยอีกเล่าเพคะ?”
ฮ่องเต้เซี่ยเจินจ้องหน้านาง “ทำไม เจ้าสะใจมากอย่างนั้นหรือ?”
“ยังไม่ถึงเวลาที่หม่อมฉันควรจะสะใจเพคะ”
หากเจ้าเห็นอาฉือของเราได้ขึ้นครองบัลลังก์ ย่อมมีเรื่องสะใจรอเจ้าอยู่
ฮ่องเต้เซี่ยเจินคุยกับนางก็เหมือนหาเรื่องให้ตัวเองโมโห
“เจ้าไร้เหตุผลเข้าไปทุกที หลี่หมิงอวี้ในอดีตคงไม่อยู่อีกแล้ว”
“ไม่อยู่ก็ดีแล้วเพคะ นางโง่เง่าเกินไป หม่อมฉันคิดถึงตัวเองในอดีตก็นึกเสียใจทุกครั้ง”
“เจ้า!” ฮ่องเต้เซี่ยเจินเมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด ก็เงียบเสียงลงทันที
ไท่ซ่างหวงคุยกับถูลี่อีกสองประโยค จึงได้มองไปทางอาฉือ ความชื่นชมในดวงตาเผยออกมาชัดเจน พลางจับมือของเซี่ยฉือท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน “เรื่องหลูโจวเจ้าทำได้ดีมาก และถือเป็นคนแรกของราชวงศ์”
ไม่เพียงขุนนางในที่นั้นที่ประหลาดใจ แม้แต่ราษฎรที่คุกเข่าอยู่ใกล้ ๆ ต่างก็มองหน้ากัน มีคนที่ไหวพริบดีตะโกนขึ้นมา “ขอต้อนรับองค์หญิงใหญ่ ขอต้อนรับพระราชนัดดา”
“ขอต้อนรับพระราชนัดดา…”
อาฉือตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เผชิญกับตัวเองในฐานะนี้
ตอนนั้นเขายังมีเสด็จพ่อเสด็จแม่อยู่ด้วย จึงไม่รู้ว่าความเกลียดชังและการนองเลือดคืออะไร และยิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดญาติสนิทที่สุดถึงได้โหดร้ายเพียงนั้น
เซี่ยวั่งซูกุมมือของเขาเอาไว้แน่น ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยเสียงเบา “เด็กน้อย เมื่อเดินมาถึงวันนี้ เวลานี้ ไม่มีทางให้เจ้าถอยอีกแล้ว ยืดอกของเจ้าขึ้นมา ด้านหลังของเจ้ามีกองทัพทหารเกราะเหล็ก มีกองทัพของถู่เจียอันเกรียงไกร มีท่านทวดของเจ้า มีท่านย่าใหญ่ของเจ้า ยังมีท่านแม่ฮวนฮวนของเจ้า อย่าทำให้พวกเราผิดหวัง”
เวลานี้ในใจของเผยจี้ฉือราวกับมีน้ำพุอันอบอุ่นไหลเข้ามาละลายน้ำแข็งในหัวใจ เขาจ้องใบหน้าที่ซีดเผือดของฮ่องเต้เซี่ยเจินโดยไม่คิดจะหลีกเลี่ยงอีก
และในใจของฮ่องเต้เซี่ยเจินเวลานี้ เด็กที่ตัวผอมบางตรงหน้า กลับทำให้เขามองเห็นเซี่ยอวี้ทับซ้อนขึ้นมา
แต่เขาอ่อนเยาว์กว่า มีความสามารถยิ่งกว่า คนหนุนหลังของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเซี่ยอวี้ จึงทำให้เขาเกรงกลัวยิ่งว่าเซี่ยอวี้เสียอีก
.
.
.
———————-