บทที่ 285 คงไม่ได้ท้องหรอกนะ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“เคยเห็นสายตาที่พงศกรมองปาจรีย์”ริมฝีปากของนัทธีอ้าเล็กน้อย พูดเบาๆ

วารุณียิ้มอย่างขมขื่น“เอาเถอะ ฉันก็รู้ว่าเป็นจริงได้ยาก แต่ปาจรีย์คือเพื่อนฉัน ฉันหวังให้เธอประสบความสำเร็จ ดังนั้นในความเห็นแก่ตัวแล้ว ฉันไม่คาดหวังว่าจะมีคนอื่นมาแข่งกับปาจรีย์”

พูดถึงตรงนี้ เธอก็มองไปที่นัทธี สายตานั้นดูไม่สบายใจหน่อยๆ“นัทธี คุณคิดไหมว่าพฤติกรรมแบบนี้ของฉัน……”

“ไม่เลย!”นัทธีรู้ว่าเธอจะพูดอะไร จึงตัดบทของเธอไปโดยตรง เอามือวางไว้ที่หัวของเธอแล้วลูบ“ทำสิ่งที่คุณอยากทำก็พอ ผมบอกแล้ว ถึงแม้คุณจะฆ่าใครผมก็จะโยนศพให้คุณเอง ดังนั้นแค่คุณอยากทำ ผมก็จะสนับสนุน”

การสนับสนุนอย่างไม่สงวนใดๆของเขานั้น ทำให้ในใจของวารุณีประทับใจ ความไม่สบายใจในสายตา ก็หายไปในวินาทีนั้น

เธอยื่นมือออกไปก่อน กอดเขาไว้“ขอบคุณนะนัทธี คบกับคุณ ฉันมีความสุขมากเลย”

คำนี้มีต่อนัทธีคนนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยแน่นอน

นัทธีกอดเธอตอบ ลูบผมที่หลังของเธอ“ผมก็เหมือนกัน”

อาจารย์เมอร์เซเดอที่อยู่ตรงข้ามมองทั้งสองที่แสดงความรักต่อกันเหมือนรอบๆไม่มีใคร ก็ไม่รบกวนพวกเขา ลุกขึ้นแล้วออกไปเงียบๆ

และเป็นเช่นนี้ นัทธีก็มองเห็น

แต่ว่ากลับไม่เรียกเขาไว้

ดังนั้นรอตอนที่วารุณีออกมาจากอ้อมแขนของนัทธีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอาจารย์เมอร์เซเดอไม่อยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่

ช่วงหัวค่ำ ก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของอาจารย์เมอร์เซเดอ

ถึงแม้ครั้งนี้อาจารย์เมอร์เซเดอไม่ได้เชิญคนนอกมา แต่คนที่มาเอง ก็มีไม่น้อย มาได้ประมาณยี่สิบกว่าคน

หนึ่งในนั้น รวมถึงสองพ่อลูกคุณออสติน

งานเลี้ยงนั้นจัดที่โรงแรม

จัดไปได้ครึ่งทาง วารุณีก็วางมีดกับส้อมในมือลง เอียงตัวเล็กน้อย กระซิบไปที่ข้างหูนัทธี:“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ คุณดูอารัณกับไอริณดีๆ”

ถึงที่นี่จะเป็นโรงแรม เด็กทั้งสองหายไม่ได้แน่

แต่ยังไงในโรงแรมก็มีคนมากมาย ปลอดภัยดีกว่าเสียใจภายหลัง

นัทธีตอบอือ“ไปเถอะ รีบกลับมา”

“อือ”วารุณีหัวเราะ แล้วลุกขึ้นออกไปจากห้องส่วนตัว

คุณแอนนี่ที่อยู่โต๊ะอีกตัวของห้องส่วนตัวเห็นเธอออกไป ก็บีบฝ่ามือ วางมีดกับส้อมในมือลง ลุกขึ้นตามไป

วารุณีตระหนักได้ว่ามีคนตามตัวเองอยู่ จึงขมวดคิ้ว จากนั้นหยุดฝีเท้าลง หันไปมองที่ทางเดือนด้านหลัง“ออกมาเถอะ”

คุณแอนนี่รู้ว่าตัวเองถูกจับได้ ก็ไม่หลบ เดินออกมาจากมุม

พอเห็นว่าคนที่ตามตัวเองมาคือเธอ วารุณีแปลกใจก่อน จากนั้นจึงโล่งอก

คนที่ตามมาคือแอนนี่ ไม่ใช่คนแปลกหน้า เธอจึงไม่กังวลความปลอดภัยของตัวเอง

“มีอะไรหรือเปล่า?”วารุณีมองเธอ

แอนนี่กัดริมฝีปาก“ฉันอยากรู้ว่า ตอนนี้คุณหมอพงศกรอยู่ที่ไหน?”

“คุณจะถามสิ่งนี้ทำไม?”วารุณีขมวดคิ้ว

แอนนี่สูดลมหายใจลึกๆ“ฉันอยากไปหาเขาเองกับตัว อยากดูแฟนคนปัจจุบันของเขา”

“ดูแล้วจะได้อะไร?”วารุณีถอนหายใจเบาๆ“หรือว่าคุณจะทำให้พวกเขาเลิกกัน?”

แอนนี่อ้าปาก ไม่ตอบโต้ใดๆ

สภาพของเธอนี้ ทำให้วารุณีรู้ว่าตัวเองทายถูก หน้าเล็กๆนั้นหม่นลงไป“มันจำเป็นด้วยเหรอ พงศกรไม่ชอบคุณ ถึงคุณทำให้พวกเขาเลิกกัน เขาก็ไม่ชอบคุณ กลับยิ่งเกลียดคุณด้วยซ้ำ คุณเข้าใจไหม?”

“ฉันรู้ แต่ฉันไม่โอเค!”เบ้าตาของแอนนี่แดงก่ำ“ตั้งแต่ฉันเห็นเขาครั้งแรก ฉันก็ชอบเขา แต่ในสายตาเขาไม่มีฉันเลย แต่ฉันไม่แคร์ ฉันแค่อยากให้ฉันได้อยู่ข้างเขานานๆ ให้เขาสังเกตเห็นฉันบ้าง แต่ว่า……”

เธอสูดหายใจขึ้น เสียงก็สะอึกสะอื้น“แต่ว่าเขากลับคบกับเธอ ไม่ง่ายเลยที่ฉันจะรอให้พวกเธอเลิกกัน แต่เขากลับไปคบกับผู้หญิงอีกคนอีก ฉันไม่พอใจอย่างมาก ในเมื่อเขาสามารถมีแฟนได้ต่อเนื่องแบบนี้ แล้วทำไมแฟนคนนั้นถึงไม่ใช่ฉันล่ะ ดังนั้นฉันไม่อยากรอแล้ว ฉันจะเริ่มก่อนเอง!”

ถึงแม้ตอนสุดท้าย คุณหมอพงศกรจะไม่ชอบเธอ เธอก็ยอม

เธอแค่อยากคบกับเขา แค่คบกัน เธอก็สามารถละลายใจเขาทีละนิดได้ ให้เขาใจเต้นกับเธอ

มองสภาพแอนนี่ที่คลั่งไคล้ความรักแบบนี้ วารุณีรู้สึกแค่ว่าปวดหัว

เธอบีบระหว่างคิ้ว“แล้วมันจำเป็นกับคุณด้วยเหรอ?”

“เธอไม่ต้องยุ่ง ยุ่งเรื่องที่เธอกับประธานนัทธีคบกันเถอะ เรื่องของคุณหมอพงศกร คุณยุ่งให้มันน้อยๆหน่อย คุณไม่ใช่แฟนเขาแล้ว”แอนนี่จ้องเธออย่างตักเตือน กลัวว่าเธอที่เป็น‘แฟนเก่า’จะก่อเรื่อง

มุมปากของวารุณีกระตุก รู้สึกแค่ว่าน่าขันหน่อยๆ“ได้ ฉันไม่ยุ่ง แต่ฉันก็ไม่บอกคุณหรอก เกี่ยวกับเบาะแสของพงศกร”

“ทำไม?”ตาของแอนนี่เบิกโต น้ำเสียงสูงแหลมขึ้นมา

วารุณียิ้มตอบไปว่า:“เพราะว่าฉันไม่อยาก”

“เธอ……”แอนนี่โกรธจนหน้าแดง จ้องเธอด้วยสีหน้าหม่นลงสักพัก จึงกระทืบเท้าด้วยความโกรธจัด“โอเค เธอไม่พูด งั้นฉันจะสืบเอง ฉันไม่เชื่อหรอก จากอิทธิพลของตระกูลฮิลล์ของฉันแล้วจะสืบไม่ได้!”

พูดจบ แอนนี่ทำเสียงไม่พอใจใส่วารุณี แล้วหันกลับออกไป

วารุณีมองแผ่นหลังของเธอที่หายไปในมุม จึงอดไม่ได้ที่จะยักไหล่ หันกลับเช่นกัน แล้วเดินไปที่ห้องน้ำต่อ

สิบนาทีถัดมา วารุณีกลับมาที่ห้องส่วนตัว

นัทธีลากเก้าออกให้เธอ“ทำไมนานขนาดนี้ล่ะ?”

“เจอคุณแอนนี่”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

นัทธีหรี่ตาลง“พวกคุณคุยอะไรกัน?”

“จะอะไรได้อีกล่ะ พงศกรไง เธอมาถามเบาะแสของพงศกรกับฉันน่ะ”

“คุณบอกเธอเหรอ?”

“จะเป็นไปได้ไงล่ะ”วารุณีหั่นสเต๊กชิ้นหนึ่งแล้วเอาเข้าปาก“ฉันก็แค่ไล่เธอไป”

“เหรอ”นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ถามต่อ ยกไวน์แดงที่โต๊ะขึ้นมาเขย่า แล้วจิบไปคำหนึ่ง

สองชั่วโมงถัดมา งานเลี้ยงวันเกิดก็สิ้นสุดลง

วารุณีบอกลาอาจารย์เมอร์เซเดอ แล้วพาลูกทั้งสองคนกลับไปที่โรงแรม ด้วยกันกับนัทธี

เด็กทั้งสองคนง่วงจนหลับไปบนรถ

วารุณีกับนัทธีอุ้มคนละคน พาเด็กทั้งสองอุ้มกลับไปที่ห้องสูท ปักหลักเรียบร้อย

น่าจะทั้งกลางวันและกลางคืน ได้ยินความสัมพันธ์ของพงศกรจากปากของวารุณี

คืนนี้ นัทธีก็จัดหนักกับเธออย่างรุนแรง ทำซะจนเธอเหนื่อยหมดแรง จนใกล้จะหมดสติลง จึงยอมปล่อยเธอ

และตอนนั้น วารุณีก็ไม่มีแม้แต่แรงพูด ได้แต่นอนเหนื่อยหอบอยู่บนเตียง หลังจากจ้องมองชายหนุ่มที่ยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ข้างเตียง ด้วยความโกรธแล้วนั้น ก็หลับตาลงแล้วหลับไป

พริบตาเดียว ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์

เช้าวันนี้ ตอนที่วารุณีตื่นมา ก็เก้าโมงเช้าแล้ว

นัทธีพาเด็กสองคนออกจากบ้านไปแล้วตั้งแต่เช้า

ส่วนทำไมเธอตื่นสายขนาดนี้นั้น ก็ต้องโทษที่เมื่อคืนนัทธีไม่รู้จักควบคุม

“คุณวารุณี สวัสดีค่ะ”ป้าส้มเห็นวารุณีลงมาจากด้านบน จึงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม

วารุณีหาวออกมา ตอบด้วยรอยยิ้มอย่างไม่มีชีวิตชีวาเท่าไหร่“สวัสดีตอนเช้าค่ะ”

“คุณวารุณี สีหน้าคุณไม่ดีเท่าไหร่เลย ป่วยเหรอคะ?”ป้าส้มมองใบหน้าเธอที่ซีดขาว เก็บรอยยิ้มกลับไป แล้วไถ่ถามอย่างเป็นห่วง

วารุณีจับหน้าผากของตัวเอง“เปล่านี่คะ”

ตอนที่เธออาบน้ำก็เห็นว่าสีหน้าของตัวเองดูไม่ค่อยดีจริงๆ แต่ว่าก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่สบาย ดังนั้นน่าจะไม่ได้ป่วย น่าจะเพราะว่าเมื่อคืนพักผ่อนน้อย

กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆวารุณีก็รู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วน ความรู้สึกคลื่นไส้นั้นจะออกมาจากทางหน้าอก

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที รีบปิดปากไว้ แล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ

ป้าส้มเห็นแบบนี้ ก็ตกใจ แล้วรีบตามไป

ตอนที่ตามไปถึงห้องน้ำ เธอก็เห็นวารุณีฟุบอยู่ที่ขอบชักโครก อาเจียนจนน่าตกตะลึง น้ำตาไหลออกมา

“คุณวารุณี นี่คุณเป็นอะไร?”ป้าส้มเดินเข้าไป รีบถาม