ตอนนี้เองวารุณีก็อาเจียนออกไปได้พอประมาณแล้ว ในกระเพาะก็ไม่รู้สึกปั่นป่วนอีกต่อไป

เธอยืนขึ้นมาอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากกดปุ่มกดน้ำออกมา จึงส่ายหน้าตอบไปว่า:“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

“จะไม่เป็นไรได้ไงล่ะ หน้าของคุณขาวจนเป็นแบบนี้แล้ว”ป้าส้มมองเธออย่างกังวลใจ

วารุณีหัวเราะ แล้วปิดฝาชักโครก“อาจจะเพราะว่าช่วงนี้ฉันกินของเสียไปมั้งคะ”

“แต่สองสามวันนี้ป้าก็ไม่ได้ทำอาหารอะไรที่ขัดกันนะคะ”ป้าส้มสงสัย

วารุณีเดินไปตรงหน้าอ่างล้างหน้า เปิดหัวก๊อก แล้วรองน้ำมาล้างหน้า ชำระล้างความเปรี้ยวในปากออก แล้วจึงรู้สึกสบายขึ้นเยอะ“ไม่รู้สิ อาจจะฉันไปกินของอย่างอื่นข้างนอกมาเองมั้งคะ”

“ก็น่าจะนะ”ป้าส้มพยักหน้า หยิบผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่งออกมาจากตู้ให้เธอ“คุณวารุณี จะให้ป้าเรียกหมอมาดูคุณไหมคะ?”

“ไม่ต้องค่ะ”วารุณีรับผ้าขนหนูมาแล้วส่ายหน้า“เดี๋ยวฉันก็ไม่เป็นไรแล้ว”

“แต่สีหน้าคุณยังดูไม่ดีนะคะ”ป้าส้มพูดโน้มน้าว

วารุณีเช็ดน้ำที่หน้า แล้วเอาผ้าขนหนูแขวนไว้ตรงตะขอข้างๆ“เดี๋ยวสักพักก็คงฟื้นตัวได้แหละค่ะ ป้าส้ม ป้าช่วยเทน้ำให้ฉันหน่อยสิ”

“ค่ะ”ป้าส้มตอบกลับทันที หันกลับออกไปเทน้ำให้เธอ

วารุณีจัดผม และจัดเสื้อผ้าบนตัว แล้วจึงออกไปด้วย

พอเธอไปแล้วก็มาที่ห้องรับแขก ป้าส้มเทน้ำอุ่นแก้วหนึ่งออกมาจากครัว

วารุณีพูดขอบคุณ รับมาด้วยสองมือ จากนั้นดื่มไปคำหนึ่ง

น้ำที่อุ่นผ่านลำคอเข้าไปในท้อง ชำระความทรมานในกระเพาะของเธอออก

เธอหายใจเบาๆ ในที่สุดสายตาก็ดูนิ่งลง

วารุณีเอาแก้วน้ำยื่นให้ป้าส้ม

ป้าส้มรับมาแล้ว จึงถามว่า“เอาอีกไหมคะ?”

“ไม่ต้องแล้วค่ะ”วารุณีโบกมือ

ป้าส้มถือแก้วน้ำ แล้วจะกลับไปล้างที่ห้องครัว

เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ก็ถูกวารุณีเรียกไว้“เดี๋ยวค่ะป้าส้ม”

“อะไรเหรอคะคุณวารุณี?”ป้าส้มหยุดฝีเท้าลงแล้วหันมองเธอ

วารุณีลูบท้องของตัวเอง“มีของเปรี้ยวไหมคะ?ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆฉันก็อยากกินของเปรี้ยวๆ”

“ของเปรี้ยว?”ป้าส้มดูตะลึงก่อน จากนั้นเหมือนคิดอะไรได้ ก็ดูจริงจังขึ้นมา

วารุณียังไม่สังเกตเห็น จึงพยักหน้าตอบอือไปเบาๆ“มีไหมคะ?”

“มีๆๆ”ป้าส้มตอบกลับอย่างเร็ว แล้วสายตาก็มองสำรวจท้องของวารุณี ทนพูดไปอย่างตื่นเต้นว่า“คุณวารุณี ฉันถามคุณหนึ่งคำถามได้ไหม?”

“ได้ค่ะ”วารุณีกะพริบตาปริบๆ

ป้าส้มสูดหายใจลึกๆ กำแก้วในมือไว้แน่น ถามว่า:“ประจำเดือนเดือนนี้คุณมายังคะ?”

“ประจำเดือน?”วารุณีตะลึงก่อน จากนั้นส่ายหน้า“ยังค่ะ ป้าถามเรื่องนี้ไป……”

ยังพูดไม่จบ เธอก็ตระหนักถึงอะไรได้ ตาเบิกโตขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วเอามืออีกข้างกุมไว้ที่ท้องอย่างไม่รู้ตัว ก้มหน้ามองไป“ป้าส้ม ป้าคงไม่ได้สงสัยว่าฉันท้องหรอกนะคะ?”

“ใช่ค่ะ”ป้าส้มเดินไปตรงหน้าเธอ“ฉันสงสัยว่าคุณวารุณีท้อง ดูสิเมื่อกี๊คุณคลื่นไส้จนอาเจียน และอยากกินของเปรี้ยวอีก ประจำเดือนก็ไม่มา นี่ไม่ใช่อาการของการตั้งท้องเหรอคะเนี่ย?”

ริมฝีปากของวารุณีขยับ ไม่ตอบโต้

ใช่สิ สถานการณ์ของเธอเมื่อกี๊ เหมือนสถานการณ์ช่วงตั้งท้องจริงๆ

เพราะอาการแบบนี้ เธอเคยประสบมาแล้วเมื่อห้าปีก่อน ตอนที่เพิ่งท้องอารัณกับไอริณ เธอก็คลื่นไส้อยากอาเจียน อยากกินของเปรี้ยว หรือเธอจะท้องจริงๆนะ?

หัวใจก็เต้นแรงมากขึ้น มือที่วารุณีจับท้องตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะออกแรงกด เหมือนอยากดูว่าด้านในมีเด็กจริงไหม

ป้าส้มเห็นแบบนี้ ก็รีบห้ามเธอ จับมือเธอออก “โหยคุณวารุณีนี่ คุณอย่าใช้แรงกดสิคะ ถ้ากดไปโดนทารกในท้องจะทำไง?”

วารุณีอ้าปาก เสียงมีความตื่นตระหนก“ฉันท้องจริงๆเหรอ?”

“ใช่แน่ค่ะ”ป้าส้มพยักหน้าแรงๆ“แค่คุณกับคุณผู้ชายไม่ได้คุมกำเนิด อาการเมื่อกี๊ ตั้งท้องชัวร์ค่ะ”

ได้ยินอย่างนั้น วารุณีจึงพูดไม่ออกทันที ในใจก็เริ่มเชื่อว่า ตัวเองท้องจริง

เพราะว่าเธอกับนัทธี นอกจากครั้งแรกแล้ว เธอเคยกินยาคุมฉุกเฉิน แต่ตั้งแต่ครั้งที่สองเป็นต้นมา ก็ไม่เคยกินอีกเลย และนัทธีเองก็ไม่ได้ใส่ถุงยาง

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ครั้งที่สองของพวกเขา คือหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา ถ้าครั้งนั้นติดจริงๆ เวลาหนึ่งเดือนกว่านี้ ก็เป็นไปได้จริงๆที่เธอจะมีอาการแพ้ท้อง

คิดแบบนี้แล้ว วารุณีจึงกัดริมฝีปาก สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย ไม่ชื่นชมยินดีที่ตั้งท้องเลยสักนิด

ป้าส้มดูออกว่า อารมณ์ที่ตื่นเต้นนั้นค่อยๆเย็นชาลงไป จึงถามเบาๆว่า:“คุณวารุณี คุณท้องแล้ว ไม่ดีใจเหรอคะ?”

วารุณีหัวเราะอย่างขมขื่น“ฉันจะดีใจออกด้วยเหรอคะ?เด็กคนนี้มาอย่างไม่ตั้งตัว ฉันยังทำใจไม่พร้อมเลย อีกอย่าง นัทธีเขาจะต้องการเด็กคนนี้ไหม?”

นี่สิคือคำถามที่เธอกังวลที่สุด

ถ้านัทธีไม่ต้องการจะทำอย่างไร เธอต้องไปเอาออกไหม?

ป้าส้มจับมือของวารุณี“คุณวารุณี ไม่ต้องห่วง คุณผู้ชายต้องการแน่ค่ะ”

วารุณีมองเธอ“ป้ามั่นใจขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ป้าเชื่อคุณผู้ชาย ป้าดูคุณผู้ชายจนโต เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบนั้น”ป้าส้มตอบกลับพร้อมกับหัวเราะ

“นั่นแน่อยู่แล้วค่ะ”สำหรับเรื่องที่นัทธีมีความรับผิดชอบนั้น วารุณีสื่อออกไปว่าตัวเองไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“ดังนั้นนะคุณวารุณี คุณก็ต้องเชื่อคุณผู้ชาย ในเมื่อพวกคุณคบกันแล้ว ความเชื่อใจนั้นสำคัญที่สุด บอกเรื่องนี้คุณผู้ชายเถอะค่ะ”ป้าส้มตบหลังมือเธอ แล้วให้กำลังใจ

ภายใต้การให้กำลังใจของป้าส้ม ความกังวลกับไม่สบายใจข้างในใจของวารุณี ก็ค่อยๆหายไป สงบขึ้น สุดท้ายก็ตอบอือ พยักหน้าลง“ค่ะ”

พูดจบ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหานัทธี ภายใต้การมองมาของป้าส้ม

เสียงของนัทธีเข้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงทุ้มต่ำนั้นพูดว่า“ตื่นแล้วเหรอ?”

วารุณีได้ยินเสียงของเขา หัวใจก็เต้นแรง เร็วจนแทบจะทะลักออกมา จึงรีบตอบอือกลับไป เพื่อเป็นการตอบกลับ

นัทธีฟังความกังวลของเธอออก จึงหยุดปากกาในมือลง เอนไปที่พนักพิงเก้าอี้“คุณเป็นอะไร?”

“ฉัน……ฉัน……”

“หือ?”นัทธีเลิกคิ้วขึ้น รอเธอพูด

แต่วารุณีกลับอ้ำๆอึ้งๆ พูดแต่คำว่าฉันอยู่สักพัก แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา

ป้าส้มมองต่อไปไม่ไหว จึงหยิบโทรศัพท์จากมือเธอมา“คุณวารุณี ป้าพูดเองละกัน”

แน่นอนว่าวารุณีตอบตกลง

ถึงแม้เธอจะเพิ่งโทรหานัทธีไปด้วยความกล้าหาญ

แต่ตอนที่คุยกับนัทธีจริงๆ กลับพูดอะไรไม่ออก สรุปคือ เธอยังกลัวว่าถ้าตัวเองบอกเรื่องที่ท้องไปแล้ว จะได้ยินว่าเขาพูดว่าไม่ต้องการลูก

“ฮัลโหล คุณผู้ชาย ป้าเองนะคะ”ป้าส้มเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหู แล้วตะโกนเสียงดังออกไป

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มเล็กน้อย“ทราบครับ สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ไม่มีอะไรค่ะ เป็นข่าวดี”ป้าส้มพูดยิ้มๆ

นัทธีหรี่ตาลงอย่างสงสัย“ข่าวดี?”

“ค่ะ”ป้าส้มพยักหน้า

นัทธีบีบคิ้ว“ข่าวดีอะไร?”

ป้าส้มหัวเราะอย่างร้ายกาจ“ข่าวดีก็คือ……”

เธอจงใจลากเสียงยาว เพิ่มบรรยากาศอันลึกลับ

สองมือของวารุณีกำแน่นเข้าหากัน แล้วก็ตื่นตระหนกไปหมด

ป้าส้มรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับอุบเรื่องสำคัญไว้เท่าไหร่นัก จากนั้นจึงพูดทั้งประโยคออกมา“คุณวารุณีท้องค่ะ!”

“อะไรนะ?”รูม่านตาของนัทธีหดลง มือที่ไว้ตรงสันจมูก ก็หยุดลงทันที ในหัวมีแต่ประโยคนั้นว่า‘คุณวารุณีท้องค่ะ’

วารุณีท้อง!

เวลานั้น ในใจของนัทธีเต้นแรงๆ จากนั้นก็เป็นความสุขอันมหาศาลเข้ามา มือที่จับโทรศัพท์ ก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นจนสั่น แม้แต่การแสดงออกบนใบหน้า ก็ดูแปลกใจขึ้นมา