บทที่ 329 ร่ำลา
บทที่ 329 ร่ำลา
“อย่าเพิ่งเสียสมาธิตอนนี้!” หมี่ลี่ตะโกน
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน ฉู่ชูเหยียนก็ได้สติและรู้ว่ามันไม่คุ้มหากต้องเสียโอกาสอันมีค่านี้ไปเพราะความอับอายของตัวเอง
ดังนั้น นางจึงเริ่มโคจรพลังชี่ในร่างกายตามวิธีของหมี่ลี่ โดยชี้นำแก่นแท้โลหิตของซูอันไปซ่อมแซมเส้นลมปราณที่ขาดสะบั้นของนาง แต่น่าเสียดายที่ทุกครั้งที่นางใกล้จะทำสำเร็จ จู่ ๆ แรงกระแทกจากซูอันกลับทำลายสมาธิของนางจนต้องเริ่มใหม่เสมอ
ด้วยความรำคาญ นางต้องการบอกให้ซูอันหยุดสักที แต่นางก็เขินอายเกินกว่าจะพูดออกไป ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมรับแรงกระแทกจากเขา
จริง ๆ แล้วนางเข้าใจซูอันผิดเช่นกัน ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มจงใจรุนแรงกับนาง ตรงกันข้าม เขาพยายามซ่อมแซมเส้นลมปราณที่เสียหายของนางอย่างระมัดระวังที่สุด โชคไม่ดีที่เขาไม่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งของตัวเองให้พอดีได้ เนื่องจากยังไม่ชินกับร่างกายที่ได้รับการปรับแต่งใหม่จากวิชาปฐมบทแรกเริ่ม
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่ชูเหยียนไม่เคยผ่านประสบการณ์ระหว่างชายหญิงมาก่อน ความรู้สึกของนางจึงบอบบางเป็นอย่างมาก
ฉู่ชูเหยียนพยายามโคจรพลังชี่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางเริ่มรู้สึกว่าจิตสำนึกของนางพร่ามัว…
ในเวลาเดียวกัน ซูอันก็สังเกตเห็นหมี่ลี่ยืนดูพวกเขาทั้งสองอยู่เงียบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก เขารีบคว้าเสื้อผ้าบนพื้นคลุมตัวเองและฉู่ชูเหยียนไว้ก่อนจะถามว่า “พี่หญิงใหญ่ ท่านทำอะไร? แม้ว่าข้าจะไม่สนใจท่าน แต่ชูเหยียนอาจรู้สึกอาย…”
“ไม่ต้องกังวล นางมองไม่เห็นข้า” หมี่ลี่ตอบกลับ
ซูอันก้มหน้าลงไปมองทันที ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าตอนนี้ดวงตาของฉู่ชูเหยียนดูขุ่นมัวและเต็มไปด้วยความสับสน เขาถามด้วยความประหลาดใจ “นางเป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่มีเรื่องจะคุยกับเจ้า” หมี่ลี่ตอบ
ซูอันเกาหัวและพูดว่า “เวลาอื่นไม่ได้เหรอ? มาคุยกันเวลาอย่างนี้ ข้ารู้สึกไม่ดีเลย!”
หมี่ลี่เพิกเฉยต่อคำพูดของเขาและกล่าว “ข้ามาที่นี่เพื่อบอกลาเจ้า”
“บอกลาข้าเหรอ? ท่านจะไปไหน?” ซูอันถามอย่างกังวล
“เจ้าช่วยข้าจากผนึก ข้าก็ช่วยภรรยาของเจ้า เราได้ปฏิบัติตามคำสัญญาร่วมกันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปอีก” หมี่ลี่ตอบ
“ข้าคงจะคิดถึงท่านถ้าจู่ ๆ ท่านจากไปแบบนี้” ซูอันเอ่ยขึ้น เขายังคงรู้สึกยินดีที่ในที่สุดสิ่งต่าง ๆ ก็คลี่คลายหลังจากความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมา แต่เรื่องที่หมี่ลี่กำลังจะจากไปทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อย
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘ความผูกพันในยามยาก’ หรือไม่? ฮ่า ๆ! อย่าหลอกตัวเองเลย ข้าแค่เสียดายเพราะนางสวยแค่นั้นเอง
ซูอันเหลือบมองฉู่ชูเหยียน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองเล็กน้อยที่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปในเวลาเช่นนี้
“เจ้าจะคิดถึงข้างั้นแหรอ?” รอยยิ้มลึกลับผุดขึ้นบนริมฝีปากของหมี่ลี่ “บางทีอีกไม่นานเราอาจจะได้พบกันอีก”
ซูอันถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวว่า “แม้ว่าราชวงศ์ฉินจะล่มสลายลง แต่ท่านก็ยังเป็นผู้มีฝีมือสูงส่งเหนือผู้อื่น เราสองคนอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เราจะมีโอกาสเจอกันอีกได้ยังไง?”
“ตอนนี้ยังเร็วไปที่เจ้าจะเริ่มคิดถึงข้า บางทีในการพบกันครั้งหน้า เจ้าคงไม่อยากให้เราเจอกันอีกเลย”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง? ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะไม่ดีใจที่ได้พบกับจักรพรรดินีผู้งดงามเช่นท่าน เว้นแต่นั่นจะไม่ใช่ผู้ชาย!” ซูอันกล่าว
หมี่ลี่หัวเราะและกล่าวว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะจำคำพูดของเจ้าไว้!”
จากนั้นร่างของนางก็หายไปจากสายตา
ซูอันรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อยจากการจากไปอย่างกะทันหันของนาง แต่เขารีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวอย่างรวดเร็วและรักษาอาการบาดเจ็บของฉู่ชูเหยียนด้วยวิชาปฐมบทแรกเริ่ม
ในขณะเดียวกัน หมี่ลี่ได้กลับไปที่ด้านนอกม่านพลังที่นางสร้างขึ้น นางยกมือขึ้นและเห็นว่ามีหยดสีแดงปรากฏบนฝ่ามือซ้าย นางรู้ดีว่าตอนนี้พิษได้แทรกซึมไปถึงกระดูกของนางแล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่หัวใจในที่สุด
“ดูเหมือนว่าจางฮั่นไม่ได้โกหกจริงๆ ‘น้ำตาสีชาดแห่งมารดรเซียง’ สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งเซียนปฐพี!” หมี่ลี่ขมวดคิ้วอย่างเกลียดชัง “อิ่งเจิ้ง แม้เจ้าไปอยู่ในโลกหลังความตายแล้ว เจ้าก็จะไม่ปล่อยข้าไปเหรอ?”
แววตาของหมี่ลี่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง นางถอนหายใจก่อนพึมพำ “ตอนนี้ข้าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว”
ดวงตาของนางเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ก่อนที่เงาที่โปร่งใสจะลอยออกไปจากร่างกายของนาง เงาโปร่งใสนี้มันดูไม่ต่างจากตัวของนางเลยแม้แต่น้อย
เงาที่โปร่งใสนี้ลอยขึ้นไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองร่างเนื้อบนพื้น นางมองเห็นร่างกายของตัวเองค่อย ๆ ถูกปกคลุมไปด้วยเส้นสีแดง ๆ ที่แตกระแหงออกมาจากหยดสีแดง และครู่ต่อมา ร่างกายของนางก็สลายเป็นฝุ่นผงปลิวหายไปตามสายลมที่พัดผ่าน
เมื่อดูฉากนี้ นางก็ถอนหายใจเบา ๆ “อิ่งเจิ้ง ข้าทนกัดฟันมานับพันปีเพื่อวันนี้ แต่ทันทีที่ข้าเป็นอิสระจากพันธนาการ ข้าก็ยังลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ แต่เจ้าคิดว่าจะจบชีวิตข้าได้เพียงเท่านี้เหรอ?”
หมวกใบหนึ่งที่หล่นอยู่ที่พื้นจู่ ๆ ก็ลอยขึ้นและพุ่งผ่านม่านพลังชี่ด้วยพลังของนาง นางปาหมวกใส่ซูอันเพื่อเบนความสนใจ จากนั้นนางก็พุ่งเข้าไปในร่างของฉู่ชูเหยียนอย่างรวดเร็ว
ดวงตาที่มึนงงของฉู่ชูเหยียน ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท คล้ายกับที่เคยปรากฏในดวงตาของหมี่ลี่ อย่างไรก็ตามซูอันได้ถูกหมวกหันเหความสนใจ เมื่อเขาหันกลับมามอง ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
เมื่อเห็นคนรักจ้องมองมาที่เขา ซูอันก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากของนางและพูดเบา ๆ ว่า “ข้าก็นึกว่าหมี่ลี่กลับมาซะอีก”
‘ฉู่ชูเหยียน’ แสดงสีหน้าเย็นชาและพูดว่า “เจ้าเกลียดนางมากขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? แต่ทำไมเมื่อครู่เจ้ากลับแสดงท่าทางชมชอบนางแบบนั้นกัน?”
ซูอันส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าเกลียดนาง แต่นางมีพลังมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น นางถูกผนึกมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางเป็นมนุษย์หรือผีกันแน่!”
‘ฉู่ชูเหยียน’ ค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้วโอบรอบคอของเขา เล็บของนางเริ่มยืดยาวออกมาอย่างน่ากลัวก่อนที่จะหยุดอยู่ด้านหลังตรงตำแหน่งหัวใจของเขา “แล้วเจ้าคิดว่านางเป็นมนุษย์หรือผีล่ะ?”
“ต้องเป็นผีอยู่แล้ว! ข้าคิดว่า มนุษย์ไม่ควรมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนั้น!” ซูอันตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“อย่างนั้นเหรอ?” ‘ฉู่ชูเหยียน’ เตรียมที่จะปักเล็บที่แหลมคมตรงเข้าไปทะลวงหัวใจของเขา
“แต่ข้าคิดว่านางก็ค่อนข้างน่าสงสารเหมือนกัน นางถูกผนึกอยู่คนเดียวมาหลายพันปีในสุสานใต้ดินที่รกร้างแห่งนี้ โดยไม่มีใครแม้แต่จะคุยด้วย” ซูอันกล่าวเสริม
“น่าสงสาร?” การเคลื่อนไหวของ ‘ฉู่ชูเหยียน’ หยุดชะงักลง
“ใช่ ที่รัก ข้าจะสัญญากับเจ้าว่าข้าจะไม่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างที่อิ่งเจิ้ง ปฏิบัติต่อนาง” ซูอันให้คำมั่น
“สัญญาจะมีความหมายอะไร? ถ้าวันนึงเจ้าคิดเห็นไม่ตรงกันกับข้า เจ้าจะต้องเกลียดชังข้าแน่นอน” ‘ฉู่ชูเหยียน’ เยาะเย้ย
ซูอันรู้สึกว่าวิธีที่ฉู่ชูเหยียนพูดฟังดูแปลก ๆ เขารู้สึกเหมือนกำลังคุยกับผู้หญิงอีกคนในร่างของฉู่ชูเหยียน อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มสลัดความคิดนี้ออกไปในทันที มันเป็นเรื่องปกติที่ฉู่ชูเหยียนจะทำตัวแตกต่างไปจากเดิมเพราะสิ่งที่นางเพิ่งเผชิญมา
เขาอดไม่ได้ที่จะดูถูกตัวเอง
ข้าคิดถึงผู้หญิงคนอื่น ในขณะที่ข้าอยู่กับนางได้อย่างไร ข้ามันแย่จริง ๆ!
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น” ซูอันคิดว่าฉู่ชูเหยียนคงรู้สึกไม่มั่นคงหลังจากสูญเสียครั้งแรกของผู้หญิง ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะปลอบโยนนาง “ความสนใจของเราจะแตกต่างกันได้ยังไง เราเป็นคู่กัน ทุกอย่างของข้าเป็นของเจ้า ไม่มีอะไรที่จะแยกเราได้”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น” ‘ฉู่ชูเหยียน’ หัวเราะเบา ๆ “ลิ้นของเจ้านี่มันแน่นอนจริง ๆ”
“ตอนนี้เราไม่พูดถึงเรื่องอื่นแล้ว มามีสมาธิกับสิ่งที่เราทำกันดีมั้ย?” ซูอันกล่าวขณะที่เขาโน้มตัวเข้าไปจูบนาง
‘ฉู่ชูเหยียน’ เอียงศีรษะไปทางด้านข้าง หลบการจูบของเขา เมื่อตระหนักได้ถึงสภาพร่างกายในปัจจุบัน นางอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ข้าคิดว่าร่างกายนี้ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว แต่ยัยเด็กนี่ยังไม่สามารถรักษาเส้นลมปราณได้ทั้งที่เวลาผ่านมานานขนาดนี้? มัวทำอะไรอยู่กันแน่?
เมื่อไม่มีทางเลือก นางทำได้เพียงอดทนสานสัมพันธ์กับชายตรงหน้าต่อไปขณะที่นางรักษาตัวไปด้วย