ตอนที่ 597 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (4) ตอนที่ 598 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (5)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 597 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (4) / ตอนที่ 598 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (5)
ตอนที่ 597 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (4)

คิดจะแก้ไขปัญหาเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นรึ!

ขอโทษที นางไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อปิดเรื่องนี้อย่างเงียบๆ หรอก!

มันผู้ใดก็ตามที่กล้าแตะต้องกองทัพรุ่ยหลินของนาง มันผู้นั้นก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!

ฟ่านฉีไม่อาจหาคำใดมาตอบจวินอู๋เสียได้ ตอนแรกเขาตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหานี้เป็นการส่วนตัว เรื่องที่เกิดขึ้นจะได้ไม่แพร่งพรายออกไป ถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป มันจะกระทบกับชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัว โชคร้าย…อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสเขาทำแบบนั้นได้

เมื่อเผชิญหน้ากับท่าทางที่มั่นใจมากของจวินอู๋เสีย ฟ่านฉีก็พบว่าตัวเองไม่อาจทำอะไรต่อหน้านางได้เลย

ทหารกองทัพรุ่ยหลินมากกว่าร้อยนายยังคงตั้งขบวนยืนอยู่หน้าประตูสำนักศึกษาเฟิงหัว ทุกคนยืนเอามือจับดาบที่ห้อยอยู่ตรงสะโพก ดูเหมือนพร้อมจะชักดาบพุ่งเข้าใส่ทันทีหากฟ่านฉีกระทำการต่อต้าน

ถึงแม้สำนักศึกษาเฟิงหัวจะมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่มันก็ยังเป็นเพียงสำนักศึกษาที่มีหน้าที่ให้ความรู้และการศึกษาแก่ลูกศิษย์ ในด้านกำลังรบนั้น พวกเขาย่อมไม่สามารถต้านทานกองทัพรุ่ยหลินได้

ถึงแม้จะเป็นเพียงทหารกองทัพรุ่ยหลินแค่ร้อยกว่าคน ถ้าพวกเขาต้องการทำลายสำนักศึกษาเฟิงหัวให้สิ้นซาก มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปนักสำหรับนักรบชำนาญศึกพวกนี้

เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากของฟ่านฉี เขาไม่คิดจริงๆ ว่าเด็กสาวอายุน้อยเช่นนี้จะปล่อยรังสีกดดันได้รุนแรงขนาดนี้

“ถ้าเช่นนั้น…พวกเราจะทำอย่างที่คุณหนูจวินต้องการ” ฟ่านฉีไม่มีทางเลือกนอกจากยอมตกลง

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้น มองฟ่านฉีที่แสดงความตั้งใจจะแบกรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เอง และพูดว่า “เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านอาจารย์ใหญ่เรียกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาที่นี่ เราจะได้ชำระความทุกอย่างอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา”

ฟ่านฉีพบว่าตัวเองเหงื่อชุ่มโชก เขาพูดว่า

“หลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น เป็นเพราะทางสำนักศึกษาเฟิงหัวไร้ความสามารถในการสั่งสอนลูกศิษย์ ทำให้เกิดเรื่องชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้น ศิษย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัวทันทีหลังจบงานล่าวิญญาณ”

“โอ้” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงอย่างอันตราย

“ท่านกำลังบอกข้าว่าหนานกงซวี่ที่รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของศิษย์ในงานล่าวิญญาณก็ถูกท่านไล่ออกด้วยอย่างนั้นรึ”

ฟ่านฉีชะงัก เขารีบส่ายหน้าทันที

“ท่านอาจารย์หนานกงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาเพียงแค่…”

หลงฉีก้าวออกมาข้างหน้า สีหน้าของเขาเคร่งขรึมก่อนจะพูดว่า “คุณหนูใหญ่ของเราพูดชัดเจนแล้ว ถ้าท่านอาจารย์ใหญ่ไม่จริงใจกับการแก้ปัญหา เช่นนั้นกองทัพรุ่ยหลินก็จำเป็นต้องจัดการด้วยตัวเอง”

เมื่อหลงฉีพูดจบ ใบหน้าของฟ่านฉีก็เปลี่ยนสีไปในทันที

ความหมายของคำพูดพวกนั้นไม่อาจชัดเจนไปมากกว่านี้ได้แล้ว ถ้าฟ่านฉีไม่เรียกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นมาที่นี่ หลงฉีจะนำคนของกองทัพรุ่ยหลินบุกเข้าไปในสำนักศึกษาและ ‘เชิญ’ คนพวกนั้นมาที่นี่ด้วยตัวเอง

“ไม่…ไม่จำเป็น ข้าจะให้คนพาพวกเขามาที่นี่เอง” ฟ่านฉีแทบจะหลั่งน้ำตา เขาอยู่ในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่มาตั้งนาน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกต้อนจนจนมุมขนาดนี้

แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้พวกเขาเป็นคนผิด และต่อให้กองทัพรุ่ยหลินคุกคามพวกเขาจริงๆ ทางสำนักศึกษาเฟิงหัวก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะมาคัดค้านหรือโต้แย้งได้

หนานกงซวี่มาถึงอย่างรีบเร่ง เมื่อเขามองเห็นหลงฉี สีหน้าของหนานกงซวี่ก็เจือไปด้วยความละอาย

“ท่านแม่ทัพเอกหลงฉี” หนานกงซวี่ทักทายหลงฉีด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน

หลงฉีไม่สนใจเขาแต่มองจวินอู๋เสียเพื่อรอรับคำสั่งต่อไป

จวินอู๋เสียยกมือขึ้นเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณ หลงฉีก็หันมามองฟ่านฉีอย่างเย็นชาทันที

“อาจารย์ใหญ่ ท่านคิดจริงๆ หรือว่าจะหลอกกองทัพรุ่ยหลินได้ง่ายๆ น่ะ!”

ฟ่านฉีแทบอยากจะคุกเข่าลงต่อหน้าหลงฉี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าครั้งนี้เขาทำอะไรผิด จวินอู๋เสียถึงได้ไม่พอใจ

ในที่สุดเขาก็เข้าใจ หลงฉีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอาจจะเป็นแม่ทัพเอกของกองทัพรุ่ยหลินก็จริง แต่คนที่มีอำนาจตัดสินใจจริงๆ ก็คือจวินอู๋เสียที่อายุน้อยที่สุด แม้กระทั่งหลงฉีก็ต้องทำตามคำสั่งของจวินอู๋เสีย!

“ขอท่านแม่ทัพเอกหลงฉีช่วยชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ข้าด้วย ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณหนูใหญ่หมายความว่าอย่างไร” เมื่อพบว่าตัวเองถูกเด็กสาวคนหนึ่งต้อนเสียจนมุม ฟ่านฉีก็รู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่มาอย่างเสียเปล่าโดยแท้

ตอนที่ 598 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (5)

หลงฉีตอบอย่างเฉยเมยว่า “ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการจัดการแก้ปัญหา ขอให้ท่านอาจารย์ใหญ่เรียกตัวคนทั้งหมดนี้มาที่นี่ด้วย!”

ในที่สุดฟ่านฉีก็เข้าใจ เมื่อตกอยู่ภายใต้การข่มขู่และสภาวะกดดันให้เร่งรีบดำเนินการ เขาก็ไม่กล้าต่อรองใดๆ อีกและรีบส่งคนออกไปตามหาบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในทันที

ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อมุงดูเหตุการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่อาจเข้าใกล้ได้เนื่องจากกลิ่นอายกดดันของจวินอู๋เสียและหลงฉี แม้แต่อาจารย์ใหญ่ที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูงซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของสำนักศึกษาเฟิงหัว ก็ยังต้องยอมจำนนเมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสองคน

เป็นที่รู้กันดีในสำนักศึกษาเฟิงหัวว่าหนานกงซวี่นั้นเป็นคนหน้าตาย ไม่ค่อยยิ้มและเข้าถึงตัวได้ยาก ศิษย์ธรรมดาทั่วไปไม่กล้าแม้แต่จะพูดคุยกับเขาด้วยซ้ำ

แต่บัดนี้ หนานกงซวี่ไม่เพียงแต่จะยิ้ม แต่เขายังยิ้มกว้างชนิดที่ไม่มีศิษย์คนไหนเคยเห็นมาก่อน!

ท่าทียอมจำนนของฟ่านฉีและหนานกงซวี่ บอกเหล่าศิษย์ทั้งหลายได้เป็นอย่างดีถึงอำนาจของกองทัพรุ่ยหลิน

ไม่นานนักทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ถูกพาตัวเข้ามาทีละคน

เมื่อศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวเห็นคนที่ถูกนำตัวเข้ามา ทุกคนก็พากันตกใจ

ท่ามกลางคนเหล่านั้น ไม่ได้มีเพียงแค่อาจารย์ที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในงานล่าวิญญาณเท่านั้น แม้กระทั่งหนิงซิน อิ่นเหยียน ฟ่านจิ่น และแม้แต่รองอาจารย์ใหญ่ก็ยังถูกพาตัวมาด้วย!

ช่างเป็นการรวมตัวกันที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้!

“นอกจากคนที่ถูกไล่ออกไปแล้ว ยังมีศิษย์อีกสี่คนจากตึกรองกำลังเดินทางมาที่นี่ และมีศิษย์อีกคนหนึ่ง…ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสำนักศึกษา” ฟ่านฉีพยายามอธิบายพลางเช็ดเหงื่อออกจากหว่างคิ้ว

คนที่หายไปคือ ‘จวินเสีย’ ที่กู้หลีเซิงเพิ่งจะรับกลับเข้าสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ แต่เมื่อเขาส่งคนไปตามหา คนพวกนั้นได้กลับมาพร้อมกับข่าวที่ว่าจวินอู๋เสียได้ออกไปข้างนอกแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัว

หลงฉีไม่ตอบฟ่านฉีในทันที แต่หยุดและหันไปมองจวินอู๋เสีย หลังจากจวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างพอใจ หลงฉีจึงหันมาทางฟ่านฉีและพูดว่า “ใช้ได้แล้ว”

ฟ่านฉีแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

สีหน้าของหนิงซินซีดเผือด ดวงตางามหลุกหลิกล่อกแล่ก นางปล่อยให้อิ่นเหยียนนำนางมายืนอยู่ในกลุ่ม ดูจากสภาพของนางแล้ว เห็นได้ชัดว่านางยังไม่หายจากความบอบช้ำทางจิตใจที่เจอมาเมื่อวานนี้ และนางก็ยังถูกบังคับให้มาที่นี่ตอนนี้

หนิงซินยังคงรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงถูกสูบให้หายไปจนหมดสิ้น นางเงยหน้าขึ้นมองภาพตรงหน้า เมื่อสายตาสบเข้ากับหลงฉี นางก็ใจหายวาบ

กองทัพรุ่ยหลินมาที่นี่จริงๆ!

หนิงซินหันไปมองหนิงรุ่ยอย่างไม่ตั้งใจ ความกลัวแล่นผ่านไปทั่วร่าง นางคิดว่าเรื่องจบไปแล้วตามที่ท่านพ่อของนางวางแผนไว้ แต่ไม่คาดคิดเลยว่านางจะถูกนำตัวมาที่นี่

หนิงรุ่ยส่งสายตาให้หนิงซินวางใจ นั่นช่วยให้หนิงซินผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

“ศิ…ศิษย์พี่หนิง…เรา…เราจะทำอย่างไรกันดี” อิ่นเหยียนหวาดกลัวมากจนแข้งขาอ่อนไปหมด “เจ้าจะกลัวอะไร ในเมื่อท่านพ่อของข้าเองก็อยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว ลู่เว่ยเจี๋ยกับคนอื่นๆ กลายเป็นแพะรับบาปไปแล้ว กองทัพรุ่ยหลินไม่เอาความโกรธมาลงกับผู้เยาว์เพียงสองคนอย่างเราหรอก”

“แต่…แต่…”

“ไม่มีแต่! ท่านอาจารย์ใหญ่สนิทสนมกับท่านพ่อของข้ามาก เขาจะต้องช่วยพูดให้กับเราแน่ กองทัพรุ่ยหลินอาจจะแข็งแกร่ง แต่รัฐชีเป็นเพียงรัฐเล็กๆ ข้าต้องบอกเจ้าหรือไม่ว่าศิษย์ที่ร่ำเรียนกับท่านพ่อข้าและท่านอาจารย์ใหญ่นั้นมีจำนวนมากเท่าใด และพวกเขาก็ได้ไปรับใช้รัฐที่มีอำนาจมากมายทั่วแผ่นดิน ต่อให้กองทัพรุ่ยหลินไม่สนใจในชื่อเสียงของสำนักศึกษาเฟิงหัว อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องฉุกคิดถึงศิษย์ของอาจารย์ใหญ่กับท่านพ่อของข้า มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าพวกเขาจะยืนกรานตามเรื่องต่อไป” หนิงซินพูดพร้อมกับหรี่ตา ดูเหมือนนางพยายามจะปลอบใจอิ่นเหยียน แต่มันเหมือนนางพยายามปลอบใจตัวเองมากกว่า

หนิงซินวิเคราะห์ได้ถูกต้อง แค่สำนักศึกษาเฟิงหัวอย่างเดียวก็คงไม่มีความสำคัญอะไรมากนัก แต่ศิษย์ทุกคนที่เคยได้รับการสั่งสอนจากฟ่านฉีและหนิงรุ่ยในอดีตนั้น ตอนนี้ได้ไปรับใช้ตระกูลหรือไม่ก็สำนักที่ทรงอำนาจต่างๆ ทั่วดินแดน ถ้าอาจารย์ของพวกเขาถูกระรานหรือถูกทำให้เสื่อมเสียเกียรติ พวกศิษย์ที่เคยร่ำเรียนอยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัวจะต้องปกป้องอาจารย์ของพวกเขาอย่างแน่นอน