บทที่ 344 อุบายของถังหลี่

ฮูหยินกู้แทบไม่เชื่อในสายตาของตนเอง แต่เดิมทีนางย่อมเห็นว่าบุตรสาวคนเล็กเป็นเด็กน่ารัก อ่อนโยน น้ำใจงาม แต่จากที่นางเห็นตอนนี้กลับกลายเป็นว่า ดวงตาของนางโหดเหี้ยมราวกับจะฆ่าคน ดูไปแล้วฮูหยินกู้ไม่สงสัยเลยว่านางมีเจตนาจะฆ่าถังหลี่จริง

อาอิ๋นที่เป็นเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าไม่ใช่คนรู้จักอีกต่อไป ภายใต้ใบหน้าที่งดงามอ่อนหวานมีความเหี้ยมโหดแอบแฝงอยู่ จนฮูหยินกู้รู้สึกรับไม่ได้ไปชั่วครู่

กู้อิ๋นได้สติ นางช่วยพยุงถังหลี่ขึ้นมาจากพื้น

“น้องสาว ข้าขออภัยที่หยอกเจ้าแรงไปเมื่อครู่ เจ้าเจ็บหรือไม่?”

กู้อิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ถังหลี่มีประสาทสัมผัสที่ดีมากกว่าคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว นางรู้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้จึงเลือกโอกาสนี้เปิดเผยตัวตนกับกู้อิ๋น ทั้งยังทำให้กู้อิ๋นได้แสดงธาตุแท้ของตนเองออกมาด้วย

แม้ว่าถังหลี่จะเปิดโปงกู้อิ๋น แต่นางยังมีความระแวดระวังมากกว่าที่ถังหลี่คิดเอาไว้ ถึงจะโดนจับได้ แต่ปากของนางยังหุบสนิทไม่ยอมรับแต่อย่างใด

ถังหลี่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะชี้นำให้ผู้คนเห็นว่านางมีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต โชคดีที่ฮูหยินกู้เป็นผู้มาเห็นฉากนี้ด้วยตาของนางเอง กู้อิ๋นอยู่ในตระกูลกู้มานานถึงหกปีแล้ว ทั้งความรู้สึกและสายสัมพันธ์ย่อมมีเยื่อใยต่อกันไม่มากก็น้อย

ถังหลี่อยากให้คนสกุลกู้ได้เห็นใบหน้าที่แสดงความเห็นแก่ตัวและโหดเหี้ยมของกู้อิ๋น เพื่อจะได้ขจัดความรู้สึกนี้ออกไปทีละน้อย นางเงยหน้ามองกู้อิ๋นที่ยังทำท่าเป็นกังวลห่วงใย ภายในใจของถังหลี่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

กู้อิ๋นยังแสร้งทำเล่นละครอยู่ ถังหลี่ทำท่ากลัวหากแต่ยังจับมือกู้อิ๋นอย่างกล้าหาญ

“พี่สาว ข้าสบายดี” ว่าแล้วนางก็สบตากับฮูหยินกู้ก่อนจะพูดว่า

“ฮูหยิน ข้ากับพี่สาวแค่หยอกล้อกันเท่านั้น ข้าทรงตัวไม่อยู่จึงได้ล้มลง พี่สาวแค่บีบ เอ่อ…ไม่ใช่นางแค่จะช่วยพยุงข้าลุกขึ้นเท่านั้นเจ้าค่ะ”

ถังหลี่รีบร้อนอธิบายราวกับนางวิตกว่าฮูหยินกู้จะตำหนิกู้อิ๋น

ทั้งๆ ที่นางโดนผลักจนล้มลงกับพื้นขนาดนั้น ใบหน้าเล็กๆ ซูบซีดเซียวด้วยความตกใจ แต่เป็นเพราะกังวลว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์ของนางกับกู้อิ๋น เด็กหญิงเล็กๆ จึงได้พยายามที่จะทำท่าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทำไมนางจึงได้ดูน่าเวทนาถึงเพียงนี้? ยิ่งถังหลี่มีเหตุผลมากเพียงใด ฮูหยินกู้ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น

“เจ้าจะหยอกล้อใครก็ต้องรู้จักระมัดระวังบ้าง” ฮูหยินกู้ใบหน้ามืดครึ้ม

กู้อิ๋นรู้สึกว่านางกำลังกระอักเลือด เห็นอยู่ว่าถังหลี่จงใจยั่วยุนาง แต่ตอนนี้กลับแกล้งทำตัวน่าสมเพช ช่างเสแสร้งเก่งจริงๆ กู้อิ๋นได้แต่กลืนโทสะและความขมขื่นลงไป ไม่เช่นนั้นความประทับใจของมารดาที่มีต่อนางในสถานะบุตรสาวอาจจะคลอนแคลนไปได้

“ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าใจร้อนเกินไป” ดวงตาของนางแดงก่ำใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายและสำนึกผิดนางมองถังหลี่

“น้องสาวขอโทษ…ข้าผิดไปแล้ว”

“พี่สาวไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสา”

“ให้ข้าดูหน่อยเถิดว่าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” กู้อิ๋นมองรอยแดงที่รอบคอของถังหลี่อย่างทุกข์ใจ คนทั้งคู่ดูแล้วสนิทสนมกันเป็นอย่างดี จนในที่สุดฮูหยินกู้อดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ กระนั้นภาพความดุร้ายของกู้อิ๋นที่นางได้เห็นแค่เพียงชั่วแวบเดียวกลับตราตรึงในความทรงจำอย่างน่าประหลาด

…………

ไม่มีครั้งไหนที่กู้อิ๋นจะรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเท่ากับวันนี้ หลังจากรอให้ถังหลี่กลับไป นางจึงเดินเข้าห้อง ปิดประตูทรุดนั่งลงบนเตียง เสื้อตัวในของนางชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

เป็นนางจริงๆ แต่ทำไมถังหลี่ไม่เปิดโปงต่อหน้าฮูหยินกู้ไปตรงๆ เลยว่า นางเป็นบุตรสาวที่แท้จริงของฮูหยินกู้ และกู้อิ๋นเป็นคนขโมยจี้หยกของนางไป

หากถังหลี่ไม่อ้อมค้อมและพูดตรงไปตรงมานางยังจะพอรับมือได้ แต่ถ้าเป็นแบบนี้กู้อิ๋นคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เหมือนนางนั่งอยู่บนพรมเข็ม ความรู้สึกแบบนี้ช่างทรมานจิตใจทำให้กระวนกระวายจนนิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้ นางต้องชิงลงมือก่อน ถ้านางยังกำจัดถังหลี่ไม่ได้ นางย่อมกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นแน่

“จู๋เยว่” กู้อิ๋นร้องเรียกสาวใช้

จู๋เยว่ผลักประตูเข้ามา

“คุณหนู”

“ข้าต้องการให้เจ้าทำบางอย่างให้…” กู้อิ๋นกวักมือเรียกจู๋เยว่เข้าไปใกล้ๆ เมื่อสาวใช้เอียงกายเข้าไปหานาง กู้อิ๋นกระซิบเบาๆ แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตพยายบาท

………………

ถังหลี่เดินออกจากจวนสกุลกู้อย่างอารมณ์ดี หากกู้อิ๋นไม่มีความสุข นางย่อมมีความสุขแทน นางแค่ต้องการเห็นหญิงสาวผู้นั้นเป็นทุกข์ โกรธ ทำอะไรไม่ถูกและกังวลใจ

ยามที่ถังหลี่เดินเข้าไปในจวนโหว นางโดนคนผู้หนึ่งเข้ามาโอบกอดไว้แน่นในอ้อมแขน ลมหายใจและกลิ่นอายของตัวเขาช่างคุ้นเคย เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นจึงเห็นแนวสันกรามของชายผู้นั้น นางถามเขาอย่างนุ่มนวลว่า

“สามี ทำไมวันนี้ท่านถึงได้กลับมาเร็วนัก”

เว่ยฉิงเข้าทำงานในกรมอาญา เขานอนดึกตื่นแต่เช้าไปทำงานทุกวัน วันนี้เขากลับมาจวนได้เร็วกว่าปกติ

“ไม่มีงานมากนัก ทุกอย่างเรียบร้อยดี ได้เวลาพักผ่อนแล้ว”เว่ยฉิงพูดแล้วก้มลงจูบใบหน้าของภรรยา แม้จะเหนื่อยอยู่สักหน่อย แต่เมื่อได้เห็นหน้าถังหลี่ เขาย่อมหายเหนื่อยราวกับปลิดทิ้ง

เว่ยฉิงอุ้มหญิงสาวเข้าไปในห้องก่อนจะปิดประตู ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมกลายร่างเป็นสุนัขตัวใหญ่ที่ออดอ้อนภรรยาของเขา

“ภรรยา ข้าเหนื่อยเหลือเกิน” ถังหลี่ได้ยินก็เข้าใจทันที นางเหนี่ยวใบหน้าเขาลงมาจูบอย่างเร่าร้อน ดวงตาของเว่ยฉิงเป็นประกาย เขามีความสุขที่ภรรยาตอบสนองเขาจนอดไม่ได้ที่จะจูบตอบนางกลับ เขาอุ้มถังหลี่นั่งบนตัก เกยคางไว้ที่ไหล่พูดคุยกับนางอย่างเป็นกันเอง

ถังหลี่เล่าเรื่องราวสองสามวันที่ผ่านมาให้เขาฟังรวมถึงเรื่องความลำบากทุกข์ใจของกู้อิ๋นด้วย

“ภรรยาของข้าช่างเก่งกาจเหลือเกิน” เว่ยฉิงพูดอย่างภาคภูมิใจ

“อืม” นางยอมรับคำชมจากเขาอย่างไม่ถ่อมตน

“กู้อิ๋นน่าจะนอนไม่หลับไปหลายวันเลยทีเดียว”

“หากนางร้อนรนตื่นตระหนก นางจะยิ่งทำสิ่งเหลวไหลร้ายกาจมากยิ่งขึ้น ในที่สุดข้าจะจับนางทัน” ถังหลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจราวกับทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนาง

เว่ยฉิงรู้มานานแล้วว่า ภรรยาของเขานั้นมีหลากหลายใบหน้า บางครั้งอ่อนโยนนุ่มนวล หากบางครั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ หยิ่งยโส ทว่ารูปลักษณ์ที่มั่นใจเช่นนี้กลับดึงดูดใจเขามากเป็นพิเศษ เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะจูบนางอีกครั้ง ถังหลี่หันไปมองด้านข้างพลางเอ่ยถามว่า

“สามี กรมอาญาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“พวกขยะเหล่านั้นจะถูกศาลต้าหลี่บดขยี้จนแหลก” เขาเอ่ยอย่างขยะแขยง

ความรับผิดชองศาลต้าหลี่และกรมอาญามีความเหลื่อมล้ำทับซ้อนกันมากจนไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน เจ้าหน้าที่ของกรมอาญาดูจะตกเป็นเบี้ยล่างของกู้หวนเนี่ยนแห่งศาลต้าหลี่ คนผู้นี้มีความแข็งแกร่งและเฉียบขาดสามารถตัดสินเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ศาลต้าหลี่จึงได้รับโอกาสที่จะตัดสินคดีสำคัญต่างๆ เว่ยฉิงเองก็ค่อนข้างเสียความรู้สึกไปไม่น้อยที่กรมอาญาไม่อาจจะมีผลงานที่โดดเด่นขึ้นมาได้

“แต่จะว่าไปแล้ว พี่ภรรยาของข้าก็ทำงานได้ดีจริงๆ” เว่ยฉิงชื่นชมเขา เว่ยฉิงรู้ว่าถังหลี่เป็นบุตรสาวตระกูลกู้ กู้หวนเนี่ยนจึงกลายเป็นพี่ภรรยาของเขาอย่างชอบธรรม

ถังหลี่พยักหน้า นางย่อมเห็นด้วยกับเว่ยฉิงอยู่แล้ว