ตอนที่ 601 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (8) / ตอนที่ 602 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (9)
ตอนที่ 601 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (8)
ใบหน้าของหนานกงซวี่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขารายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างละเอียดแก่อาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับวิธีที่ทั้งสองจัดการกับปัญหา แต่มันก็อยู่นอกเหนืออำนาจที่เขาจะเข้าไปก้าวก่ายได้
หนานกงซวี่พยายามคิดอย่างเอาเป็นเอาตายว่าจะให้คำตอบอย่างไรดีถึงจะเหมาะสม แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่ามือของหลงฉีที่จับอยู่รอบด้ามดาบที่ห้อยอยู่ตรงสะโพกนั้นเกร็งขึ้น และดาบเหล็กแวววาวก็เผยออกมาจากปลอกสองนิ้ว!
ท่าทางบอกใบ้นั้นชัดเจนมาก
หนานกงซวี่กลืนน้ำลาย
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดตามความเป็นจริงต่อหน้าทุกคน เล่าซ้ำแบบเดียวกับที่เขารายงานไปก่อนหน้านี้แบบคำต่อคำชนิดไม่มีตกหล่นไปแม้แต่คำเดียว
ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ที่หนานกงซวี่พากลุ่มของเขาเข้าไปในป่าประลองวิญญาณเพื่อค้นหาลู่เว่ยเจี๋ย และตอนที่ลู่เว่ยเจี๋ยเปิดเผยความจริงแก่เขา รวมถึงช่วงที่เขาคุ้มกันลู่เว่ยเจี๋ย หนิงซิน และคนอื่นๆ กลับมาที่สำนักศึกษาเฟิงหัว โดยไม่ลืมที่จะพูดถึงการปรึกษากันระหว่างท่านอาจารย์ใหญ่และรองอาจารย์ใหญ่อีกด้วย
ไม่มีรายละเอียดใดตกหล่นเลยสักนิด ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
สีหน้าของฟ่านฉีเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ขณะที่หนิงซินหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
บรรดาศิษย์ที่อยู่รอบๆ พวกเขาพากันกระซิบกระซาบ ก่อให้เกิดเสียงพึมพำอย่างต่อเนื่องทำให้จิตใจของผู้คนวุ่นวาย
“ศิษย์พี่ลู่เป็นแพะรับบาปจริงๆ ด้วย ชัดแล้วว่าหนิงซินเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมด แต่ศิษย์พี่ลู่กลับต้องรับโทษ”
“ก็นะ หนิงซินเป็นบุตรีของท่านรองอาจารย์ใหญ่ นางมาจากตระกูลที่รุ่งเรือง ศิษย์ธรรมดาจะไปเทียบกับนางได้อย่างไร”
“นางไม่มีความละอายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร ถึงกับพยายามฆ่าและจะขโมยของจากศพอีกด้วย! มีปัญหากับกองทัพรุ่ยหลินและยอดเขาเทียมเมฆาพร้อมกันเช่นนี้นางแย่แน่”
“ท่านรองอาจารย์ใหญ่สร้างภาพลักษณ์ว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด ไม่คิดเลยว่าเขาจะกระทำการต่ำช้าได้เช่นนี้…”
คำประณามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ชื่อเสียงของหนิงรุ่ยและหนิงซินก็ดิ่งลงสู่เหวลึก
หนิงรุ่ยอยากจะตอบโต้ แต่เขาก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้ มันเกิดขึ้นกะทันหันมาก ถึงแม้เขาจะมีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ปัญหา แต่ก็มีหลายอย่างที่เขาไม่สามารถกลบเกลื่อนได้
และตอนนี้จวินอู๋เสียก็ใช้พวกมันมาตอบโต้เขา มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่เขาจะกลับมาคุมสถานการณ์ได้
“นี่คือคำตอบที่สำนักศึกษาอันทรงเกียรติของพวกท่านให้กับเราอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียหัวเราะอย่างเย็นชาอีกครั้ง สายตาของนางมองผ่านฟ่านฉีตรงไปที่หนิงรุ่ย
“เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว! นั่นเป็นแค่การใส่ร้ายของลู่เว่ยเจี๋ยเท่านั้น เขาโกรธที่ถูกไล่ออก!” หนิงรุ่ยพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายเมื่อเห็นสีหน้าซีดขาวของบุตรีตน หัวใจของเขาเจ็บปวดที่เห็นนางอยู่สภาพน่าสังเวชเช่นนั้น
“เข้าใจผิด เจ้ากำลังบอกข้าว่าคนจากกองทัพรุ่ยหลินและยอดเขาเทียมเมฆาใส่ความพวกเจ้าด้วยอย่างนั้นสิ หรือเจ้าคิดว่านอกจากเจ้ากับบุตรีของเจ้าแล้ว ทุกคนสมคบคิดกันเพื่อสร้างปัญหาให้กับพวกเจ้า” ครั้งนี้จวินอู๋เสียไม่คิดที่จะปล่อยหนิงซินไปง่ายๆ นางหันไปทางฟ่านฉี
“ท่านอาจารย์ใหญ่จะพูดถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร”
ฟ่านฉีเหงื่อออกจนชุ่ม เขารู้ความจริงทั้งหมดดี ที่เขายอมปกปิดให้ก็เพราะหนิงรุ่ยอ้อนวอนเขาหนักมาก บัดนี้จวินอู๋เสียเปิดเผยทุกอย่างต่อหน้าทุกคนที่นี่แล้ว เขาพบว่าตัวเองพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
“ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้าจริงๆ! เป็นอิ่นเหยียน! อิ่นเหยียนเป็นคนที่ล่อสัตว์วิญญาณตัวนั้นให้เข้ามา! ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!” เมื่อตระหนักว่านางกำลังถูกเปิดโปงความผิด หนิงซินก็หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และชี้ไปที่อิ่นเหยียนที่ขดตัวอยู่อย่างหวาดกลัวและสิ้นหวัง แล้วกรีดร้อง
อิ่นเหยียนหวาดกลัวและสิ้นหวังจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เมื่อเขาได้ยินคำกล่าวหาของหนิงซิน เขาก็เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด
เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าหนิงซินจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้เขาเช่นนี้
“อิ่นเหยียน ตอนนั้นข้าเห็นว่าเจ้าน่าสงสารมากจึงขอให้ท่านพ่อข้าช่วยปกป้องเจ้า ข้าไม่คิดว่ามันจะทำให้ท่านพ่อข้าต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย ข้าใจอ่อนเกินไป เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้าและท่านพ่อของข้าเลย” หนิงซินตัดสินใจโยนความผิดทั้งหมดให้อิ่นเหยียนทันที แววตาของนางกลายเป็นแววตามุ่งร้ายหมายชีวิต
ตอนที่ 602 ตบหน้าครั้งที่เจ็ด (9)
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ขณะที่มองดูหนิงซินพยายามดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย
อิ่นเหยียนทรุดนั่งลงบนพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไม่อยากจะเชื่อ เขามองหนิงซินอย่างเหม่อลอย ดูคล้ายกับว่าเขาไม่รู้จักหนิงซินมาก่อน
สตรีที่ดูราวกับกำลังจะเสียสติอยู่ตรงหน้าเขานี้ คือศิษย์พี่หนิงที่เคยฉุดเขาขึ้นมาจากนรกจริงๆ น่ะหรือ
ทุกคำที่หนิงซินกล่าวหาเขาคือการผลักอิ่นเหยียนไปที่ขอบเหว
ตอนนั้นเอง หลงฉีเห็นสายตาของจวินอู๋เสียที่มองมา เขาจึงก้าวไปข้างหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อคว้าตัวอิ่นเหยียน
อิ่นเหยียนได้สติอย่างรวดเร็ว และถีบตัวไปข้างหลังด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด
“ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้า! ศิษย์พี่หนิง ทำไมทำกับข้าเช่นนี้ ข้าเชื่อฟังท่านเสมอมา ท่านให้ข้าเที่ยวไปกระจายข่าวลือร้ายๆ เกี่ยวกับจวินเสีย และยังบอกให้ข้ายุยงให้หลี่จื่อมู่ใส่ร้ายป้ายสีจวินเสีย ข้าก็ทำทุกอย่างที่ท่านสั่งให้ทำ! หลังจากนั้นท่านก็บอกให้ข้าใช้ชื่อที่น่ารังเกียจของจวินเสียมาทำให้ฟ่านจิ่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งข้าก็ทำตามที่ท่านบอกเช่นกัน! แล้วทำไมท่านถึงทำกับข้าอย่างนี้! ข้าภักดีต่อท่านมาตลอดนะ!” อิ่นเหยียนหวาดกลัวจนเกินทน เขาโพล่งทุกอย่างที่หนิงซินได้สั่งให้เขาทำออกไปจนหมด
เขากลัว กลัวมากจริงๆ หลังจากกลับมาที่สำนักศึกษาเฟิงหัว เขาก็พบว่าเขาสูญเสียความกล้าไปจนหมด ทุกครั้งที่เขาเห็นจวินอู๋เสีย ความกลัวที่ไม่อาจบรรยายได้ก็ได้เข้าครอบงำเขา
หลงฉีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก อิ่นเหยียนไม่สงสัยเลยว่าถ้าเขาไม่พยายามปกป้องตัวเองจากข้อกล่าวหา ชายร่างยักษ์คนนี้จะต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน!
“เป็นท่าน…ท่านคือคนที่ต้องการกำจัดฟ่านจิ่น ท่านคือคนที่ต้องการฆ่าคนของกองทัพรุ่ยหลินกับคนของยอดเขาเทียมเมฆา ข้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย ข้าแค่ทำตามคำสั่งของท่าน”
หนิงรุ่ยรู้ตั้งแต่วินาทีที่หนิงซินโยนความผิดทั้งหมดให้อิ่นเหยียนแล้วว่า นั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่เขาไม่มีเวลาจะหยุดมัน และอิ่นเหยียนที่ถูกความกลัวเข้าครอบงำก็เปิดเผยทุกสิ่งออกมาจนหมด
หนิงรุ่ยหน้าซีดในทันที!
จบแล้ว! ทุกอย่างมันจบสิ้นแล้ว!
หลังจากอิ่นเหยียนโพล่งทุกอย่างออกมาจนหมด เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรหนิงซินได้อีก!
คำพูดของอิ่นเหยียนไม่เพียงแต่ทำให้สองพ่อลูกสกุลหนิงหน้าเผือดสีเท่านั้น แต่มันเกือบทำให้ฟ่านฉีที่พยายามปกป้องพวกเขาอย่างเต็มความสามารถต้องเซถอยหลังด้วยความตกใจ
“จะ…เจ้าพูดว่าอะไรนะ…กำจัดฟ่านจิ่น…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!” ฟ่านฉีมองอิ่นเหยียน เขาสั่นไปทั้งตัว
อิ่นเหยียนรู้ว่าเขากับหนิงซินไม่อาจปรองดองกันได้อีกแล้ว ถ้าเขายังช่วยนางปิดบังความจริงต่อไป เขาจะเป็นคนที่ถูกฆ่าเสียเอง เขาจึงรีบคลานไปหยุดแทบเท้าของฟ่านฉีและคร่ำครวญว่า “หนิงซินขอรับ! หนิงซินอิจฉาศิษย์พี่ฟ่าน! ตั้งแต่จวินเสียเข้ามาเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว นางก็แพร่ข่าวลือร้ายๆ เกี่ยวกับเขาไม่หยุด นางต้องการใช้ข่าวลือของจวินเสียมาลากศิษย์พี่ฟ่านให้แปดเปื้อนไปด้วย! ในงานล่าวิญญาณ นางยังสั่งให้คนมาลอบสังหารศิษย์พี่ฟ่าน! ท่านอาจารย์ใหญ่! ข้าจะพูด! ข้าจะบอกทุกอย่างแก่ท่าน! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าถูกหนิงซินล่อลวง! ท่านเชื่อหรือว่าแค่ศิษย์ธรรมดาอย่างข้าจะสามารถกระทำการโหดร้ายและบ้าคลั่งเช่นนั้นได้!”
ฟ่านฉีเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและไม่อยากจะเชื่อขณะมองไปที่หนิงซิน
พูดได้ว่าเขาเห็นหนิงซินมาตั้งแต่นางยังเป็นทารกจนกระทั่งเติบโตเป็นสาวงามในวันนี้ นางกับฟ่านจัวมีอายุไล่เลี่ยกัน พวกเขาจึงหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็ก ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฟ่านฉีปฏิบัติต่อหนิงซินเหมือนเป็นบุตรีแท้ๆ ของเขาเอง ดังนั้นความคิดเช่นนี้จึงไม่เคยผ่านเข้ามาในหัวของเขาเลยสักครั้ง
หนิงซินอิจฉาฟ่านจิ่นมากจนกลายเป็นความเกลียดชัง และนางไปไกลจนถึงขั้นพยายามเอาชีวิตของฟ่านจิ่น!
“จิ่นเอ๋อร์ ที่เขาพูดนั่น…เป็นความจริงหรือ…” ฟ่านฉีไม่อาจเชื่อได้ว่าเกิดเรื่องทั้งหมดนั้นขึ้นจริงๆ เขาได้แต่หันกลับมามองบุตรชายของตัวเองที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา