บทที่ 271 เจียวเจียวของข้า (2)
คืนนี้จวงไทเฮาหลับไม่ค่อยสนิท พอนางหลับตาลงก็เป็นแววตาน้อยอกน้อยใจของเด็กสาวคนนั้น นางพลิกตัวไปมาอยู่ค่อนคืน กว่าจะเข้าสู่นิทราได้ แต่ก็ฝันเห็นเจ้าเณรน้อยคนนั้นอีก
เจ้าเณรน้อยน้ำตานองหน้าถามนาง “เหตุใดท่านย่าต้องมาเป็นไทเฮาอยู่ที่นี่ด้วย ท่านไม่กลับไปกับพวกเราแล้วหรือ”
ไม่กลับไปกับพวกเราแล้วหรืออย่างนั้นรึ
ท่านเป็นท่านย่าของพวกเรานะ…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น บรรดาขุนนางต่างรู้สึกว่าจวงไทเฮาที่อยู่หลังม่านมีบรรยากาศไม่ให้ใครมายุ่งด้วยมิฉะนั้นจะประหารพวกเจ้าทั้งโคตร พวกขุนนางต่างเงียบกริบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว ไม่กล้าหายใจแรงเลย
หลังเลิกประชุมเช้า จวงไทเฮาก็เรียกราชครูจวงไว้
บนระเบียงนอกตำหนักด้านข้าง ราชครูจวงคำนับให้จวงไทเฮา “ไทเฮา”
จวงไทเฮา “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
ราชครูจวง “ไทเฮาโปรดว่ามา”
จวงไทเฮา “วันที่ข้าหายตัวไปหนึ่งปีกว่า ข้าไปอยู่กับใครกันแน่”
ราชครูจวงตกใจ “เหตุใดจู่ๆ ไทเฮาจึงถามเรื่องนี้เล่า”
จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าตอบคำถามข้ามาก็พอ”
“พ่ะย่ะค่ะ” ราชครูจวงประสานมือเอ่ย “หลังจากที่ไทเฮาหลบหนีจากเขาหม่าเฟิงไป ก็เร่ร่อนอยู่ในหมู่ชาวบ้าน จับพลัดจับผลูไปถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ถูกคนของฝ่าบาทพบเข้า และจับขังไว้ข้างกายชั่วคราว”
จวงไทเฮาเอ่ยอย่างรำคาญ “ข้าถามว่าพวกเขาเป็นใคร”
จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเข้ม “จอหงวนคนใหม่เซียวลิ่วหลัง”
“เซียว ลิ่ว หลัง งั้นรึ” จวงไทเฮาขมวดคิ้ว ชื่อนี้คุ้นหูเป็นพิเศษ แต่นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินจากไหน ทว่าหากเคยอาศัยอยู่ที่บ้านเขามาก่อนก็สมเหตุสมผลขึ้นมาแล้ว
ราชครูจวงเอ่ยต่อ “เซียวลิ่วหลังเป็นคนของฝ่าบาท ติดต่อกับฝ่าบาทตั้งแต่ในหมู่บ้าน จากนั้นเขาก็เข้าเมืองมาสอบ ทำท่าว่ามาสอบ แต่ความจริงแล้วเพื่อปิดหูปิดตาคน พาไทเฮาเข้าเมืองหลวงมา อันที่จริงเหิงเอ๋อร์เจอร่องรอยของไทเฮาที่เมืองที่เป็นที่ตั้งอำเภอตั้งนานแล้ว ซ้ำยังเคยไปพบไทเฮาถึงที่ด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นไทเฮาจำเหิงเอ๋อร์ไม่ได้ ซ้ำยังตีเหิงเอ๋อร์จนบาดเจ็บ เหิงเอ๋อร์ลูบหน้าปะจมูก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม จำต้องกลับเมืองหลวงมาหารือกับข้า ข้าจึงต้องติดต่อลูกน้อง บีบคั้นฝ่าบาทให้เปิดกั๋วจื่อเจียน เซียวลิ่วหลังจะเข้าเมืองหลวง ไม่มีทางทิ้งไทเฮาไว้ที่หมู่บ้านแน่”
ความจริงในตอนนั้นไม่ใช่แบบนี้ พวกเขาใช้ประโยชน์จากเซียวลิ่วหลังชัดๆ แต่ราชครูจวงรวบรัดตัดตอนช่วงหลังและคิดว่าเซียวลิ่วหลังวางแผนไว้ล่วงหน้านานแล้วจริงๆ
หากราชครูจวงโกหกปิดบังจวงไทเฮา จวงไทเฮาอาจมองออก แต่เขาดันคิดเช่นนี้จริงๆ
จวงไทเฮาดึงสายตากลับจากใบหน้าเขา “ที่บ้านมีคนเพิ่มมาคนหนึ่ง จะไม่มีใครสงสัยเลยรึ”
ราชครูจวงเอ่ย “เดิมทีเซียวลิ่วหลังก็เป็นเด็กยากจนต่างถิ่น อยู่ข้างนอกเขาเรียกไทเฮาว่าท่านย่า แต่ที่บ้านไม่มีญาติคนไหนมาพึ่งพาเขา จึงไม่มีใครสงสัยเลย จู่ๆ ไทเฮาถามถึงพวกเขาขึ้นมา…เพราะพวกเขามาหาไทเฮาหรือ”
เรื่องที่เกิดขึ้นในวังเมื่อวาน จวงเย่ว์ซีให้คนส่งจดหมายให้ราชครูนานแล้ว แน่นอนว่านางไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองกลับไปหากู้เจียว เล่าแค่เรื่องที่เจอในสวนหลวง
ราชครูจวงเอ่ย “พวกเขาวางยาไทเฮา ให้ไทเฮาสูญเสียความทรงจำ และอาศัยโอกาสเข้าใกล้ไทเฮา พิชิตใจไทเฮา ไทเฮาอย่าได้ถูกพวกเขาหลอกเชียว”
ที่เรียกว่าท่านย่านั่นเป็นคำโกหกทั้งเพ พวกเขาเห็นว่านางมีประโยชน์ สิ่งนี้ทำให้จวงไทเฮาปวดใจ
แต่แปลกมากเลยมิใช่หรือไร
นางควรรู้สึกโกรธ รู้สึกอับอายกลายเป็นโกรธแล้วออกราชโองการประหารพวกเขาทั้งบ้านสิ
แต่เพราะเหตุใดในใจจึงเจ็บปวดเช่นนี้เล่า
…
อากาศแจ่มใส ฟากฟ้าไร้หมู่เมฆ
หมู่นี้ท่านโหวกู้ไม่ได้ไปที่ตรอกปี้สุ่ยเลย วันนี้เขาต้องไปคุมงานก่อสร้างเรือนของไทเฮา ผ่านตรอกปี้สุ่ย เขาจึงตัดสินใจไปเยี่ยมแม่นางเหยา
เขาเพิ่งมาถึงหน้าประตูก็เจอเข้ากับกู้เจียวที่อุ้มเสี่ยวจิ้งคงกลับมา
เสี่ยวจิ้งคงหลับอยู่ หมอบอยู่ในอกกู้เจียว ขนตายังมีคราบน้ำตาเกาะอยู่เลย
สีหน้ากู้เจียวเย็นชากว่าเมื่อก่อนสามส่วน
ท่านโหวกู้ไม่ได้พบลูกสาวอกตัญญูคนนี้มาสักพักแล้ว ดูเหมือนจะสูงขึ้น ใบหน้าก็เหมือนแม่นางเหยามากขึ้นด้วย
“ไปไหนมารึ” เขาถามอย่างไม่สบอารมณ์
กู้เจียวไม่สนใจเขา นางสาวเท้าเข้าไปในเรือน
ท่านโหวกู้กัดฟันกรอด “ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ! เจ้าไม่ได้ยินหรือ!”
กู้เจียวมองเขาอย่างเย็นชา “ทางที่ดีวันนี้อย่ายั่วโมโหข้า”
ท่านโหวกู้ถูกนางมองอย่างเย็นชาทำเอาขนลุก มือสั่นเทา กระดาษร่วงลงมา
กู้เจียวไม่สนใจสิ่งของของเขา แต่ของมันวางอยู่ทนโท่ นางไม่อยากก็เห็นไปแล้วอยู่ดี ทันใดนั้นฝีเท้านางก็ชะงัก
ท่านโหวกู้รีบเก็บกระดาษขึ้นมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าปัดๆ ฝุ่นออก แล้วถลึงตาใส่กู้เจียว “มองอะไรอยู่ได้ ไม่ได้สร้างให้เจ้าเสียหน่อย”
เพิ่งจะเอ่ยจบ ก็นึกขึ้นได้ว่าหาได้ยากที่ตนจะวางมาดใส่เด็กสาวหน้าเหม็นตรงหน้าสักหน เขาจึงดีดกระดาษแล้วเอ่ยกับนาง “รู้หรือไม่ว่านี่คืออะไร นี่คือคฤหาสน์ที่ไทเฮาสั่งกรมโยธาสร้างให้คุณหนูจวง”
“นี่คืออะไรน่ะ” กู้เจียวอุ้มเสี่ยวจิ้งคงที่หลับสนิทด้วยมือหนึ่ง อีกมือชี้จุดเล็กๆ บนกระดาษพลางถาม
ท่านโหวกู้เลิกคิ้ว “บ่อน้ำโบราณ”
“นี่ล่ะ”
“ต้นไห่ถัง ต้องเป็นต้นสูงใหญ่ มีเบาะฟางมัดกับลำต้น เห็นว่าจะได้วางเด็กได้”
“ทำไมต้องวางเด็กล่ะ”
“ข้าจะไปรู้รึ มีปัญญาเจ้าก็ไปถามไทเฮาเองสิ!”
เขาได้ตอกหน้ากู้เจียวไปสักหนอย่างหาได้ยาก น้ำเสียงอวดดียิ่ง! แต่พูดจบก็ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเองตามสัญชาตญาณทันที!
ผลสุดท้ายกู้เจียวไม่ได้ชกเขา
นี่…เหนือความคาดหมายไม่น้อย
กู้เจียวถามอย่างสนใจใคร่รู้ต่อ “แล้วนี่คืออะไรรึ”
วันนี้คงเป็นวันที่ตั้งแต่สองพ่อลูกพบปะกันมาพูดคุยได้ยาวที่สุดแล้ว พูดคุยกันหลายประโยคเพียงนี้ นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่ชกเขาด้วย!
ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็กตัญญูแล้วรึ น่าภาคภูมิใจนัก!
“นี่คือไผ่ นี่บ้านหมา นี่เล้าไก่ ตรงนี้มีกรงนกด้วย ตรงนี้แปลงผัก ตรงนี้ห้องปีกข้างตะวันออก ตรงนี้ห้องตะวันตก…”
ท่านโหวกู้เอ่ยด้วยสีหน้าออกรส ทว่าเล่าไปเล่ามาก็สัมผัสถึงความผิดปกติบางอย่างได้
เขามองที่กระดาษ แล้วก็มองไปที่เรือนตรงหน้า
นี่มันอะไรน่ะ
นี่มันเรือนหลังนี้เลยมิใช่หรือไร
กู้เจียวก็มองออกแล้วเช่นกัน
นางหยิบกระเป๋าเงินในอ้อมอกมามองอย่างละเอียดอยู่นาน
ข้าไม่ต้องการเจ้าแล้ว ประโยคนี้นางต้องการฟังจากปากท่านย่าเท่านั้น
วันรุ่งขึ้น กู้เจียวก็ใช้โอกาสที่ไปตรวจรักษาให้ฝ่าบาทเข้าวังอีกหน ครานี้ถึงตานางเล่นหายตัวแล้ว นางไปที่ห้องน้ำแล้วก็หายลับไปทันที
วังหลวงมีองครักษ์ แต่สำหรับนางแล้วไม่ได้ยากที่จะหลบหลีกเลย
นางมาถึงสวนหลวง
อาจเพราะอากาศดี อาจเพราะจวงไทเฮาไม่อยากอยู่ในตำหนักเหรินโซ่ว สรุปแล้วหมู่นี้นางมักจะมานั่งเหม่อลอยในสวนคนเดียวบ่อยๆ
ตอนที่กู้เจียวมา นางกำลังเหม่อกับกระถางต้นไห่ถังอยู่
“ใครน่ะ” ฉินกงกงเหลือบไปเห็นเงาบนพื้น พอหันไปก็เห็นกู้เจียวจึงเอ่ยตักเตือน “เจ้าอีกแล้ว!”
จวงไทเฮาได้ยินก็หันหน้ามา
แวบแรกที่เห็นกู้เจียว นึกไม่ถึงว่าอารมณ์ของจวงไทเฮาพลันปรีดาขึ้นมาทันที แต่ครู่ต่อมา นางนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ใจนางก็เย็นเยียบ
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่” จวงไทเฮาถามเสียงขรึม
กู้เจียวตอบ “ข้ามาหาท่านย่าของข้า”
จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเรียบ “ที่นี่ไม่มีท่านย่าของเจ้า”
“มีสิ” กู้เจียวเอ่ยอย่างน้อยใจ
จวงไทเฮาพลันใจกระตุก นางจิกนิ้วแน่น แล้วเอ่ยเสียงเย็น “อย่ามาเล่นไม้นี้กับข้า ตอนที่ข้าเข่นฆ่าอยู่ในวังหลังเจ้ายังไม่เกิดเลย พวกนี้เป็นสิ่งที่ข้าเล่นมาแล้วทั้งนั้น! คิดว่าข้าจะหลงกลเจ้ารึ!”
กู้เจียวไม่ได้โต้เถียง แต่ยื่นมือออกมา แล้วแบมือเผยให้เห็นกระเป๋าเงินในฝ่ามือ
เดิมทีจวงไทเฮาไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรหายไป แต่วินาทีเห็นกระเป๋าเงิน นางก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่ตัวเองหามาตลอดคือสิ่งนี้
แววตาจวงไทเฮายิ่งเย็นชากว่าเดิม “ของของข้าไปอยู่ในมือเจ้าอย่างไร”
กู้เจียวหลบตาลง เอ่ยอย่างน้อยใจและเชื่องฟัง “มีคนเอามันมาให้ข้า บอกว่าท่านจะคืน บอกว่าท่านไม่ต้องการข้าแล้ว”
ข้าจะไม่ต้องการเจ้าได้อย่างไร เจ้าคือเจียวเจียวของข้านะ…
จู่ๆ ในสมองของจวงไทเฮาก็มีประโยคนี้ผุดขึ้นมา…