บทที่ 271 เจียวเจียวของข้า (1)
“ใครน่ะ นึกไม่ถึงว่ากล้ามาขวางขบวนเสด็จของไทเฮา! ยังไม่รีบหลบไปอีก!”
กงกงที่ดูแลรับใช้ข้างกายไทเฮาแซ่ฉิน เขามองไปยังกู้เจียวพลางตวาด
การแต่งตัวของกู้เจียวไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนในวัง จะบอกว่าเป็นนางกำนัลก็ไม่ได้ เสื้อผ้าอาภรณ์ไม่ได้หรูหรา ทว่าท่าทางเยือกเย็น
กู้เจียวไม่ได้หลบหลีก นางมองเกี้ยวหงส์ทองที่โคลงเคลงตรงหน้าห่างจากนางราวๆ สิบก้าว ปักลายหงส์สีทองขนาดใหญ่อร่ามเรืองรองสะดุดตา
หลังม่านผืนบางมีเงาร่างพอให้เห็นเลือนราง เงาร่างตรงกลางนั้นอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำปักลายหงส์ทอง นั่งหลังตรง ท่าทางดุดัน ทั้งแปลกหน้าและคุ้นเคย
“ท่านย่า!”
ในที่สุดเสี่ยวจิ้งคงก็แงะตัวเองขึ้นจากพื้นได้ เขาข่มความเจ็บบนร่างเอาไว้ แล้วกระโดดโหยงๆ ไปหาเกี้ยวหงส์ของไทเฮา
เขากระโดดจากหลังเกี้ยวหงส์มาตรงหน้าเกี้ยวหงส์ ทันใดนั้นก็เห็นกู้เจียวที่ยืนอยู่ตรงกลางทาง เขาร้องอุทานขึ้น “เจียวเจียว”
เจียวเจียวอย่างนั้นรึ
จวงไทเฮาใจพลันสั่นเล็กน้อย
เสี่ยวจิ้งคงมีแต่ดินและเศษหญ้าเต็มตัวไปหมด เขากระโดดไปหาพลางสะบัดเศษหญ้าไปด้วย ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง “เจียวเจียว ข้าไม่ได้วิ่งไปทั่วนะ!”
กู้เจียวได้สติกลับคืน ใช่ เจ้าไม่ได้วิ่ง แต่เจ้ากระโดดแทน
กู้เจียวยกมือไปหยิบเศษหญ้าบนตัวและหัวเจ้าเด็กน้อยออก แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดดินออกจากหน้าเขา
เดิมทีฉินกงกงกะว่าจะดึงตัวทั้งสองคนที่ไม่รู้กาลเทศะออกมา ทว่าพอเขาหันหน้าไปกลับเหลือบเห็นสีหน้าของจวงไทเฮาในซอกม่านผืนบางที่สีหน้าไร้ความไม่พอใจ
ไม่เพียงเท่านั้น ไทเฮายังดูเหมือนจะใจลอยด้วย
จวงไทเฮาไม่ชอบเด็ก นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนในหกตำหนักต่างรู้กันดี ต่อให้เป็นธิดาสองคนของหนิงอ๋องก็น้อยนักที่จะได้เข้าใกล้จวงไทเฮา ทว่ายามนี้จวงไทเฮามองเด็กผู้หญิงคนนั้นและเด็กหัวโล้นตัวมอมแมมคนนั้นอย่างไร้ซึ่งความรำคาญเลยแม้แต่น้อย
ถึงขนาดเบนสายหนีไม่ได้ด้วย
ใจนางพลันเกิดอารมณ์แปลกประหลาดขึ้นมา นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
จวงเย่ว์ซีที่นั่งอยู่ข้างจวงไทเฮาพินิจมองสีหน้าไทเฮาแล้วเกิดความวิตกขึ้นในใจ
กู้เจียวเช็ดให้พอสมควรแล้ว เสี่ยวจิ้งคงก็โคลงศีรษะมองไปยังเกี้ยวหงส์สูงๆ นั่น แล้วครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนเรียกขึ้น “ท่านย่า”
ฉินกงกงสีหน้าพลันเปลี่ยน สาวเท้าไปหาพลางเอ่ย “บังอาจ! ใครเป็นท่านย่าของเจ้ากัน!”
เสี่ยวจิ้งชี้มือไปเอ่ยอย่างจริงจัง “นางน่ะสิ!”
ฉินกงกงขมับพลันเต้นตุบๆ “นั่นมันไทเฮา!”
“ก็คือท่านย่าอย่างไรเล่า” เสี่ยวจิ้งมองไปยังเกี้ยวหงส์ ก่อนถามต่ออย่างไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านย่าต้องมาเป็นไทเฮาที่นี่ด้วย ท่านไม่กลับไปกับพวกเราแล้วหรือ”
จวงไทเฮาโดนคำถามนี้ถามอย่างกะทันหันจึงชะงักไป
นางไม่รู้จักเด็กคนนี้ แต่เพราะเหตุใดคำพูดของเด็กคนนี้จึงทำให้นางตอบยากนัก
อีกทั้งอารมณ์แปลกประหลาดที่พลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ นี่อีก
นางเป็นไทเฮา ทว่าเห็นเด็กสองคนนี้แล้ว จู่ๆ ใจนางก็ปั่นป่วน
นางเลิกม่านขึ้นหมายจะพินิจมองพวกเขาให้ชัดๆ
…
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยกงกงวิ่งเข้ามาตำหนักหวาชิงอย่างร้อนรน
ฮ่องเต้เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “เกิดอะไรขึ้นจึงได้ตื่นตระหนกเพียงนี้”
เว่ยกงกงร้องไอ้หยา “แม่นางกู้กับน้องชายนางถูกไทเฮาขวางไว้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ว่าอย่างไรนะ” ฮ่องเต้ลุกพรวดขึ้น สาวเท้ารวดเร็วราวกับดาวตกออกไป
“ไทเฮา!”
จวงไทเฮาเพิ่งจะเลิกม่านขึ้น ฮ่องเต้ก็เร่งรุดมาถึงอย่างเดือดดาล เขาขวางหน้ากู้เจียวและเสี่ยวจิ้งคงไว้ ก่อนเอ่ยกับจวงไทเฮาด้วยความโมโหเลือดขึ้นหน้า “เราเป็นคนเรียกแขกทั้งสองคนนี้เข้าวังเอง หากไปล่วงเกินเสด็จแม่ตรงไหนก็โปรดอภัยด้วย”
พอได้ยินว่าเป็นคนของฮ่องเต้ จวงไทเฮาก็หมดความสนใจทันที
แววตานางพลันเย็นเยียบขึ้น ปล่อยม่านลง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อเป็นคนของฮ่องเต้ ถ้าอย่างนั้นฮ่องเต้ก็พาไปสิ”
เดิมทีนางก็ไม่คิดจะลงโทษอะไรพวกเขาสองคนอยู่แล้ว แต่ใครจะไปเชื่อกัน ในสายตาของทุกคนนางเป็นปีศาจไทเฮาผู้โหดเหี้ยมอำมหิต ใช้ทุกวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย นำหายนะมาให้บ้านเมือง เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา
จวงไทเฮาไม่ได้อธิบาย
“น้อมส่งเสด็จแม่” ฮ่องเต้ตรัสขึ้น
“ยกเกี้ยว” จวงไทเฮาเอ่ยเสียงเรียบ
เกี้ยวหงส์ค่อยๆ เคลื่อนผ่านข้างกายกู้เจียวกับเสี่ยวจิ้งคงไปอย่างช้าๆ
ทว่าในชั่วขณะที่ผ่านกันไปนั้น จวงไทเฮายังคงทนไม่ไหวจึงเลิกม่านขึ้นมองใบหน้าอ่อนวัยและผอมเรียวภายใต้แสงตะวันดวงนั้น หน้าตากระจุ๋มกระจิ๋ม ผิวพรรณดุจกระเบื้องเคลือบ บนใบหน้าด้านซ้ายมีปานแดง
เด็กคนนั้นไร้อารมณ์บนสีหน้า ใบหน้าเย็นชาแท้ๆ
ทว่าไม่รู้เพราะจวงไทเฮาคิดไปเองหรือไม่ จึงรู้สึกว่าในใจเด็กคนนั้นมีความรู้สึกน้อยอกน้อยใจอยู่
นางน้อยใจอะไร ตนไม่ได้ลงโทษนางเสียหน่อย
จวงไทเฮาปล่อยม่านลง
หลังจากนั้นตลอดทั้งบ่ายในสมองนางก็เต็มไปด้วยใบหน้าของเด็กสาวคนนั้น รวมถึงความน้อยใจที่ทำให้นางกลัดกลุ้มนั่นด้วย
ฮ่องเต้มีความสัมพันธ์ตึงๆ กับไทเฮา พระองค์ห่วงว่ากู้เจียวจะโดนหางเลขไปด้วยเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นจึงได้ระมัดระวังมาก ไม่คิดว่าจวงไทเฮาก็ยังเจอเข้าอยู่ดี
พระองค์ให้เว่ยกงกงไปส่งออกจากวังด้วยตัวเองอย่างรอบคอบ
หลังจากออกจากวังมา กู้เจียวกับเสี่ยวจิ้งคงก็นั่งรถม้ากลับไป
เสี่ยวจิ้งคงอารมณ์ห่อเหี่ยวไม่น้อย “เจียวเจียว ท่านย่าไม่ต้องการพวกเราแล้วหรือ”
กู้เจียวลูบหัวโล้นๆ ของเขาไปมา
นางก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่เหมือนว่าท่านย่าจะไม่สนใจพวกนางแล้ว
เสี่ยวจิ้งคงปีนมาบนตักกู้เจียว ก่อนโผเข้าสู่อ้อมอกกู้เจียวเพื่อหาที่ปลอบ
กู้เจียวกอดเขาพลางลูบหลังเขาเป็นพักๆ เสี่ยวจิ้งคงทั้งเสียใจทั้งน้อยใจแล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น
คนขับรถคือเสี่ยวซานจื่อ
เขาสะบัดบังเหียน รถม้าก็เคลื่อนตัว ทว่าเพิ่งจะไปไม่ทันไรก็ถูกเสียงเรียกอันคุ้นเคยขัดขึ้น
“ช้าก่อน!”
เป็นจวงเย่ว์ซี
นางตามมาขวางรถม้าของกู้เจียวไว้ บังคับให้เสี่ยวซานจื่อจำต้องดึงบังเหียนหยุดรถ
เสี่ยวซานจื่อรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแม่นางคนนี้ แต่ตอนนี้นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
จวงเย่ว์ซีไม่สนใจเขา นางตรงไปข้างหน้าต่างรถ แล้วเอ่ยกับกู้เจียวว่า “แม่นางกู้ ท่านย่าฝากมาบอกเจ้า”
คำว่าท่านย่านี้ นางไม่เคยเรียกลับหลังไทเฮาเลยสักครั้ง แต่เรียกอย่างสนิทสนมต่อหน้ากู้เจียวโดยเฉพาะ
กู้เจียวเลิกม่านขึ้นนิ่งๆ
จวงเย่ว์ซีปรายตามองกู้เจียวอย่างเย็นชาพลางเอ่ย “ท่านย่าหวังว่าเรื่องในวันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อไปนี้พวกเจ้าอย่าได้เข้าวังมาหานางอีก นางเป็นไทเฮา ก่อนหน้านี้เป็นแผนรับมือชั่วคราว เจ้าไม่ต้องคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด”
กู้เจียวจ้องจวงเย่ว์ซีนิ่งๆ
จวงเย่ว์ซีถูกดวงตาคมกริบที่ตรงไปตรงมาจ้องจนขนหัวลุก แต่สีหน้านางกลับไม่ปรากฏสิ่งใด นางตั้งสติ ล้วงเอากระเป๋าใบเล็กออกมาจากแขนเสื้อกว้าง โยนให้กู้เจียว “คืนให้เจ้า!”
นี่เป็นกระเป๋าเงินที่กู้เจียวปักให้ท่านย่าเองกับมือ ฝีเข็มนางไม่ค่อยดีเท่าใดนัก แต่ทนทานมาก ท่านย่าพกไว้ใส่เงินติดตัวตลอด
วันนั้นที่ท่านย่าไป ไม่ได้เอาสิ่งของใดๆ จากตรอกปี้สุ่ยไปเลย มีเพียงเสื้อผ้าเก่าๆ และกระเป๋าเงินที่พกติดกายไป
นี่เป็นความคิดถึงเพียงอย่างเดียวที่กู้เจียวทิ้งไว้ให้ท่านย่า
ยามนี้ท่านย่าส่งคืนมาแล้ว
กู้เจียวลูบรอยยับย่นบนกระเป๋าไปมา นางไม่ได้เอ่ยอะไร แล้วปล่อยม่านลงเงียบๆ
จวงเย่ว์ซีเห็นท่าทางถูกทิ้งของกู้เจียวแล้วเกิดความสุขขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก คนที่ขวางนางไว้ในตรอกข่มกรรโชกทรัพย์นางก็มีวันนี้
พี่ชายเป็นของนาง ท่านย่าก็ของนาง!
จวงเย่ว์ซีกลับมาที่ตำหนักเหรินโซ่ว
จวงไทเฮากำลังจัดการกับเสื้อผ้าเนื้อหยาบชุดนั้นของตัวเองอยู่ นางเป็นไทเฮาแล้ว เสื้อผ้าสามัญชนพวกนี้ไม่เชิดหน้าชูตา ควรทิ้งไปตั้งนานแล้วจึงจะถูก
แต่นางไม่ได้ทิ้ง ซ้ำยังเอากลับวังมาด้วย ใช้หีบใส่เอาไว้อย่างดี
วันนี้นางรื้อเสื้อผ้าออกมากางบนเตียงอันกว้างใหญ่และหรูหรา พลิกในกระเป๋าเสื้อผ้าไปมาเหมือนหาอะไรอยู่
นางกำนัลจึงถาม “ไทเฮา ท่านหาอะไรหรือ”
“ข้าหา…” จวงไทเฮาชะงัก
นั่นสิ นางกำลังหาอะไรอยู่
รู้สึกว่าของสำคัญบางอย่างหายไป
แต่มันคืออะไรล่ะ
จวงเย่ว์ซีเดินเข้ามาด้วยแววตาเป็นประกาย “ไทเฮา”
จวงไทเฮาถามว่า “ตอนที่เจ้าเอาเสื้อผ้ามาให้ เห็นของอย่างอื่นบ้างหรือไม่”
จวงไทเฮาพักอยู่ที่บ้านตระกูลจวงคืนหนึ่ง เสื้อผ้าถูกคนรับใช้ตระกูลจวงซักมาแล้ว และจวงเย่ว์ซีเป็นคนเอามาส่งให้ด้วยตัวเอง
จวงเย่ว์ซีหลบสายตาลง “ไม่มีเพคะ มีแค่เสื้อผ้าชุดนี้”