บทที่ 270.3 พบกันอีกครา (3)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 270 พบกันอีกครา (3)
ดวงตากลมโตของเสี่ยวจิ้งคงกะพริบปริบๆครู่หนึ่ง แล้วก้าวไปหาก้าวหนึ่ง ก่อนกอดแขนนางไว้ เอ่ยด้วยสีหน้าบ้องแบ๊วน่าเอ็นดู “เจียวเจียว เจ้าพาข้าไปด้วยได้หรือไม่ ข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าตั้งหลายวันแล้วนะ ข้าคิดถึงเจ้าม๊ากมาก”

หากฮ่องเต้อยู่ที่นี่ก็คงจะฟังออกว่าเจ้าลูกชายจ้ำม่ำของตัวเองไปเลียนแบบออดอ้อนมาจากใคร

กู้เจียวโดนความน่ารักน่าชังของเสี่ยวจิ้งคงทำลายล้างจนไร้ทางต้านทาน ผนวกกับเสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กดีเชื่อฟัง ไม่เคยสร้างปัญหาให้กู้เจียวเลย กู้เจียวครุ่นคิดว่าพาเขาไปด้วยก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ที่สำคัญวันนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลย

เซียวลิ่วหลังกับจี้จิ่วอาวุโสไปสำนักฮั่นหลินกับกั๋วจื่อเจียน กู้เหยี่ยนกับกู้เสี่ยวซุ่นไปเรียนงานฝีมือ แม่นางเหยากับแม่นมฝางไปขอพรที่วัด

กู้เจียวจึงพยักหน้าตกลง “ก็ได้ แต่เจ้าอย่าวิ่งไปทั่วน่ะ”

เสี่ยวจิ้งคงตบไปที่อกน้อยๆ ของตัวเอง “ข้ารับรองเลยว่าจะไม่วิ่งไปทั่ว!”

กู้เจียวพาเสี่ยวจิ้งคงขึ้นรถม้า เว่ยกงกงเห็นเสี่ยวจิ้งคงหนังตาก็พลันกระตุกยิกๆ เจ้าเด็กน้อยคนนี้มาได้อย่างไร

“คารวะเว่ยกงกง” เสี่ยวจิ้งคงทักทายอย่างมีมารยาท

เว่ยกงกงยิ้มเจื่อน “เอ้อ ดี ดี”

คงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกกระมัง เมื่อก่อนสามคนนี้ช่วยกันก่อเรื่อง วันนี้องค์ชายเจ็ดไม่อยู่วัง ท่านชายน้อยของบ้านเจ้ากรมสวี่ก็ไม่อยู่ เขาที่เป็นเด็กน้อยคนเดียวคงก่อเรื่องอะไรไม่ได้หรอก

อีกทั้งไม่ว่าจะมองอย่างไร เจ้าตุ๊กตาน้อยนี่ก็เป็นเด็กดีที่สุดในบรรดาสามคนนั้นแล้ว เรื่องแย่ๆ อย่างติดกระดาษกับผนังเอย รุมกระทืบเอยล้วนเป็นองค์ชายเจ็ดกับท่านชายน้อยสวี่พาทำแน่ๆ!

เสี่ยวจิ้งคงเป็นเด็กดีมาตลอดทาง นั่งอยู่ข้างกายกู้เจียว น่ารักเสียจนเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง นี่ทำให้เว่ยกงกงวางใจลงได้อย่างสิ้นเชิง

หลังจากเข้าตำหนักชิงหวามา เว่ยกงกงก็เดินนำกู้เจียวไปตรวจให้ฮ่องเต้ แล้วทิ้งเจ้าเด็กน้อยให้เล่นอยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆ เอาขนมกับแตงโมให้เขา และจัดนางกำนัลที่หน้าตาใจดีเฝ้าเขาไว้

พอเว่ยกงกงกับกู้เจียวไป เจ้าเด็กน้อยก็เริ่มซนเลย!

“พี่สาวนางกำนัล พวกเรามาเล่นซ่อนหากันเถอะ!” เขาเอ่ยอย่างน่าเอ็นดู

จากนั้นเขาก็หายลับไปเลย!

หนิวฮู่ลู่เสี่ยวจิ้งคงหัวเราะชั่วร้ายวิ่งออกจากตำหนักหวาชิง

เขาจะไปหาท่านย่า!

วังหลวงกว้างใหญ่เพียงนี้ อันที่จริงเขาก็ไม่รู้หรอกว่าท่านย่าพักอยู่ที่ไหน แต่เขาได้ถามเจ้าเจ็ดไว้แล้ว ไทเฮาพักอยู่วังหลัง เดินผ่านสวนหลวงไปก็เจอแล้ว!

เขารับปากเจียวเจียวแล้วว่าจะไม่วิ่งไปทั่ว ดังนั้นเขาก็ไม่ได้วิ่งจริงๆ เขากระโดดเอา!

เมื่อเขากระโดดเข้าสวนหลวง ก็เห็นเงาร่างอันคุ้นเคย

“เอ๋ เจียวเจียว เจ้าก็อยู่ที่นี่รึ”

เขากระโดดไปกอดขาอีกฝ่ายไว้

อีกฝ่ายตกใจยกใหญ่ แล้วผลักเขาออก!

เสี่ยวจิ้งคงล้มลงบนพื้นหญ้า ไม่เจ็บแต่มึนตึ้บเลย เขาเงยศีรษะน้อยๆ ขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ “เจ้าไม่ใช่เจียวเจียว! เหตุใดเจ้าต้องใส่เสื้อผ้าของเจียวเจียวด้วยเล่า เอ๋ ข้าเคยเจอเจ้า! เจ้าคือพี่สาวที่ถังหูลู่กับข้า!”

จวงเย่ว์ซีได้ยินดังนั้นก็จำเสี่ยวจิ้งคงได้

นี่มันเด็กน้อยที่นางเจอตอนไปหากู้เจียวที่ตรอกปี้สุ่ยครั้งแรกมิใช่หรือ

นางถูกไห่ตงชิงของเจ้าเด็กน้อยจิกคอเป็นแผล เจ็บอยู่หลายวันเชียวล่ะ

เดี๋ยวนะ

เมื่อครู่เขาเรียกนางว่าอะไร

เจียวเจียวรึ

จู่ๆ ในสมองของจวงเย่ว์ซีก็มีเงาร่างของกู้เจียววาบผ่าน…อาภรณ์สีครามตลอดร่าง ใบหน้าด้านซ้ายมีปานแดงเป็นเปื้อน…จวงเย่ว์ซีสีหน้าพลันเปลี่ยน

“คุณหนูจวง คุณหนูจวง!”

นางกำนัลคนหนึ่งถือตะกร้าเดินมาหา “ตะกร้ากับกรรไกรที่ท่านต้องการเจ้าค่ะ”

นางกำนัลคนนี้เป็นคนที่ไทเฮาให้มารับใช้นาง เมื่อครู่ไปเอาเครื่องมือเก็บดอกไม้มาให้นาง มิฉะนั้นนางก็คงไม่อยู่คนเดียวหรอก

เรื่องคาดเดาไร้สาระวาบผ่านเข้ามาในหัวของจวงเย่ว์ซี นางรู้สึกว่าการคาดเดานี้ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่สอดคล้องกับความผิดปกติทุกอย่างหลังจากที่ไทเฮากลับวัง รวมถึงเสื้อผ้าเนื้อหยาบที่ไทเฮาสวมบนร่างตอนที่ไทเฮาปรากฏตัวคืนนั้นด้วย นางขนลุกขึ้นมาทันที

นางไม่ได้รับตะกร้าจากมือนางกำนัลมา แต่ถอยหลังไปหลายก้าวฉับพลัน มองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างหวาดผวา ริมฝีปากสั่นระริก แล้วหันหลังเดินหนีไป!

เสี่ยวจิ้งคงเกาหัว

ทำอะไรน่ะ

จวงเย่ว์ซีเดินโซเซกลับมาที่ตำหนักเหรินโซ่วอย่างอกสั่นขวัญหาย

นางกำนัลหิ้วตะกร้าตามหลังนางมา “คุณหนูจวง คุณหนูจวงไม่เป็นอะไรกระมัง ไม่สบายตรงไหนหรือไม่ หรือว่าตกใจอะไรเข้า”

แม้ว่าสวนหลวงจะมีคนงานดูแล แต่เดือนห้าก็มีพวกหนอนพวกหนูให้พบ

“ไม่มีทาง…ไม่มีทาง…” จวงเย่ว์ซีพึมพำอย่างเลื่อนลอย

คนที่ไทเฮาเอ็นดูคือนาง ไม่มีทางเป็นหมอหญิงต่ำต้อยคนหนึ่งหรอก นางต่างหากที่เป็นหลานสาวแท้ๆ ของไทเฮา หมอหญิงนางนั้นนับเป็นอะไรได้ แค่ถือรองเท้าให้นางยังไม่คู่ควรเลย!

ณ ตำหนักหวาชิง

กู้เจียวตรวจให้ฮ่องเต้เสร็จ ก็เอาเครื่องช่วยฟังลง แล้วเอ่ย “ฝ่าบาทวรกายแข็งแรงดี ปลอดภัยแล้ว”

“คือว่า…” ฮ่องเต้แววตาเป็นประกาย มีอะไรจะพูดแต่ไม่พูด

กู้เจียวจึงเอ่ย “กามโรคก็หายแล้ว ภายในสองปีนี้ต้องมาตรวจซ้ำอย่างสม่ำเสมอ สามารถร่วมเตียงได้แล้ว”

เอาละ เรื่องกังวลหมดสิ้นแล้ว ไม่มีเรื่องให้อาลัยอาวรณ์อีกแล้ว

ฮ่องเต้กระแอมในลำคอ “อะแฮ่ม เราก็ไม่ใช่ว่าจะต้อง…”

เอาละ เสพสุขกับวังหลังได้แล้ว ดีใจยิ่งนัก!

เขาไม่ใช่ชายผิดปกติอีกต่อไป

กู้เจียวเก็บข้าวเก็บของเตรียมออกจากวัง เดินมาถึงด้านนอกพบว่านางกำนัลกำลังตามหาบางอย่างอยู่

แต่เสี่ยวจิ้งคงหายไปแล้ว

“เจ้ากำลังหาอะไรอยู่รึ” กู้เจียวถาม

นางกำนัลตอบ “บ่าวกำลังเล่นซ่อนหากับน้องชายแม่นางอยู่เจ้าค่ะ”

เจ้าโดนแกล้งแล้วแม่นางน้อย

กู้เจียวกวาดตามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเสี่ยวจิ้งคงไม่ได้ซ่อนอยู่ที่นี่ พวกเตา ถังข้าวสารต่างหากที่เป็นที่ที่เขาจะซ่อน

เจ้าเด็กน้อยหนีไปแล้ว

กู้เจียวไม่เคยพูดถึงตัวตนของท่านย่าให้เสี่ยวจิ้งคงฟัง ด้วยเหตุนี้จึงไม่คิดว่าเขาจะไปหาท่านย่า

ทว่าเจ้าเด็กน้อยกระโดดตึงตังไป ทำให้ทิ้งรอยเท้าไว้ตามพื้นหญ้าไม่น้อย

เดิมทีเสี่ยวจิ้งคงก็ยึดมั่นในอุดมการณ์ไม่วิ่งอยู่แล้ว เขากระโดดดึ๋งๆ ไปนอกตำหนักเหรินโซ่วเหมือนกระต่ายน้อย ที่รู้ว่าไทเฮาอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าเป็นเพราะเขาใช้ความสามารถบ้องแบ๊วไร้เทียมทานถามนางกำนัลมาตลอดทางน่ะสิ

แต่สิ่งที่ทำให้เขาโมโหก็คือผู้ใหญ่สองคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก นึกไม่ถึงว่าจะไม่ให้เขาเข้าไป!

เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างโมโหโกรธา “พวกเจ้ามาขวางข้าไม่ได้นะ! ข้าจะไปหาท่านย่า”

ขันทีหนึ่งในนั้นเอ่ย “เจ้ามาจากไหนน่ะ นี่มันตำหนักบรรทมไทเฮา มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!”

ในวังมีสนมชายามากมาย มีญาติมาเยี่ยมเยือนอยู่เป็นระยะๆ หนึ่งในนั้นมักจะมีเด็กน้อยอายุราวๆ เสี่ยวจิ้งคงด้วย หากแต่ที่นี่เป็นตำหนักบรรทมของไทเฮา อย่าว่าแต่ญาติของโฮ่วเฟยคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นองค์ชายเจ็ดก็เข้ามาไม่ได้!

สุดท้ายเสี่ยวจิ้งคงก็เข้าไปไม่ได้ แต่เข้าประตูหลักไม่ได้ ประตูหมาลอดยังมีนี่

เขาได้ยินเจ้าเจ็ดบอกว่าวังหลวงมีรูหมาลอดเยอะมากเลย

บังเอิญจริงๆ ที่บ้านท่านย่าก็มี

เขาคลานกับพื้น กระดึ๊บๆ ไป ผลสุดท้ายขันทีคนนั้นที่เพิ่งขวางเขาไว้กดตาลงมองเขาพร้อมกับยืนอยู่ด้านหลังรูหมาลอด ในมือถือแส้หนังเอาไว้

เสี่ยวจิ้งคง “…”

เสี่ยวจิ้งคลานกลับไปอย่างเงียบๆ

วันนี้อากาศแจ่มใส เสี่ยวจิ้งคงไม่ถอดใจเด็ดขาด!

ดี ในเมื่อข้าเข้าไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะรอท่านย่าออกมาเอง!

อาจเพราะดวงเขาดีไม่น้อย เพราะจวงไทเฮาออกมาหลังจากนอนกลางวันจริงๆ

นางนั่งเกี้ยวหงส์กะว่าจะไปเดินเล่นที่สวนหลวง จวงเย่ว์ซีนั่งในเกี้ยวหงส์อันสบายหรูหราอยู่ข้างกายนาง

เสี่ยวจิ้งคงปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ยืนอยู่บนกิ่งไม้สูงมองเกี้ยวหงส์ที่เคลื่อนตัวอยู่เบื้องล่าง เขาหรี่ตาลง ยื่นแขนน้อยๆ ออกไป จู่ๆ ก็ทิ้งตัวลงไป!

ท่านย่า ข้ามาแล้วววว! รับบบ ข้า ด้วยยยย

จวงไทเฮากำลังนั่งหลับตาพักผ่อนในเกี้ยวหงส์ จู่ๆ ได้ยินเสียงตุ้บดังขึ้น

นางพลันสะดุ้ง ลืมตาโพลง แล้วขมวดคิ้วเอ่ย “อะไรกระแทกพื้นน่ะ”

ถูกต้อง เสี่ยวจิ้งคงคาดการณ์ผิดไปหน่อย เฉียดเกี้ยวหงส์ไปกระแทกบนพื้นหญ้าที่เกี้ยวหงส์เพิ่งเคลื่อนผ่าน เนิ่นนานก็แงะตัวเองออกมาไม่ได้

“เด็กคนหนึ่งน่ะพ่ะยะค่ะ คงเป็นญาติของชายาสนมสักคน” ขันทีนอกเกี้ยวเอ่ยบอก

“ส่งคนไปส่งเขากลับด้วย” จวงไทเฮาไม่สนใจเด็กบ้านอื่น

“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีขานรับ

กู้เจียวเดินตามรอยเท้าของเสี่ยวจิ้งคงไปจนถึงละแวกใกล้ๆ จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงรีบเดินมาทางนี้ แต่เจอเข้ากับเกี้ยวหงส์ของจวงไทเฮาโดยบังเอิญ