บทที่ 310 รางวัลเพิ่มขึ้น

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 310 รางวัลเพิ่มขึ้น

บทที่ 310 รางวัลเพิ่มขึ้น

ฮั่วซิวเฉิงสังเกตเห็นท่าทีของฉืออี้หย่วนก็อดหัวเราะไม่ได้ ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้มีจุดประสงค์ต่อเด็กหญิงคนนี้นะ

แต่อายุเพิ่งจะเท่านี้ก็มีความคิดเช่นนี้แล้ว

โตเกินตัวจัง

แต่พอมองเสี่ยวเถียน จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ไม่เข้าใจหรอกนะ ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ถ้าเป็นเขาเองก็คงปกป้องไว้ใต้ปีกเหมือนกัน

แต่ละคนต่างก็มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่อาหารอร่อยจริง ๆ นะ บรรยากาศในการกินจึงกลมกลืนกันมาก

เพราะบรรยากาศพวกนั้นทำให้ทุกคนรอบตัวน้ำลายไหล

แต่ตอนนี้อยู่ในรถ และทุกคนก็อายเกินกว่าจะเอ่ยถาม

ตรงกันข้ามกับฮั่วซิวเฉิงที่อิ่มแปล้ หลังจากกินเสร็จเขายังคงคร่ำครวญอย่างสบายใจในขณะที่ลูบท้องอยู่

“แป้งทอดไส้กุ้ยช่ายของพวกคุณอร่อยมากเลย น่าเสียดายที่มันมีเยอะขนาดนี้ แต่พรุ่งนี้ก็ไม่เหลือแล้ว”

ฉืออี้หย่วนได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างมีน้ำโห “ดูคุณพูดสิ มันยังมีอยู่ แต่ถ้าไว้กินพรุ่งนี้มันจะเสีย!”

ฮั่วซิ่วเฉิงคิด คำพูดนี้ถูกต้องเลย มันจะต้องเสียแน่นอน

“โชคดีที่ผมช่วยพวกคุณกิน ไม่งั้นคงเสียดายแย่ถ้ามันเสียไปโดยเปล่าประโยชน์!”

ซูเสี่ยวเถียนไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้เลย นี่เป็นข้อแก้ตัวสินะ

ฉืออี้หย่วนร้องเหอะ “แต่มันเป็นแป้งทอดไส้กุยช่ายของเรานะ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย ห้าเหมาไม่ใช้ตั๋ว มีหลายคนที่รอแย่งนะ!”

จะเสียเปล่าไหม? เพราะของมันไม่มีอยู่แล้วนะ

ได้ยินเช่นนั้น ฮั่วซิวเฉิงก็รีบเอากระเป๋าออกมา แล้วคุ้ยหาของอยู่รอบนึง “ชิ้นละห้าเหมาน้อยเกินไปนะ ฉันกินไปห้าชิ้นก็น่าจะสี่หยวน”

ว่าจบก็หยิบเงินออกมาจริง ๆ แล้วมอบให้เสี่ยวเถียน

เสี่ยวเถียนคิดจะปฏิเสธ แต่ฉืออี้หย่วนรับเงินมาและรีบยัดใส่กระเป๋าของเสี่ยวเถียน

“เขากินอาหารของเรานะ ควรจะให้เงินหน่อยน่ะถูกแล้ว ไม่เอาตั๋วก็ดีเท่าไรแล้ว!”

ฉืออี้หย่วนไม่ให้โอกาสเสี่ยวเถียนเอ่ยคัดค้าน

“สาวน้อย ใส่ลงไปเถอะ ถ้าไม่ใส่…”

ฮั่วซิวเฉิงไม่ได้พูดต่อ

เขาแค่รู้สึกว่าในกระเป๋าพวกเขาต้องมีอาหารมากกว่านี้ และการให้เงินก็เพื่อที่เขาจะได้กินต่อในวันพรุ่งนี้

หลังจากที่อาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าก็มืดไวมาก

มีหลายคนที่เพิ่งจะกินอิ่ม และไฟในรถก็สว่างขึ้น

เสี่ยวเถียนพยุงฉือเก๋อไปยืดเส้นยืดสายในรถหลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว

“คุณปู่ฉือ วันนี้ปู่ควรเข้านอนแต่หัวค่ำนะคะ ถึงจะไม่ได้ทำอะไร แต่ก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดีนะ”

ฉือเก๋อขยับแขนขาเล็กน้อย และรู้สึกถึงข้อต่อที่มันฝืดเคือง

“ก็จริงค่ะ ที่มันเล็กไป คนเยอะด้วย!”

หลายปีที่อยู่ชนบทมา พื้นที่มันกว้างขวางมาก

นอกจากไปทำงานแล้วยังได้เดินไปเดินมาทุกวันด้วย

“โชคดีที่เราอยู่ตู้นอน ถ้าอยู่ตู้นั่งคงขยับลำบากแน่” เสี่ยวเถียนเอ่ยเบา ๆ

ระหว่างที่พูดเธอก็พาเดินวนตู้นอนอยู่หลายรอบ ก่อนจะช่วยพยุงฉือเก๋อให้นั่งลง

“ไม่รู้ว่าผู้หญิงสองคนนั้นจะเป็นยังไงหลังจากนี้นะ” เสี่ยวซื่อว่า

หลังจากที่เสี่ยวเถียนตื่น เธอไม่ได้สนใจเรื่องคนสองคนนั้นแล้ว

ฉือเก๋อเป็นฝ่ายตอบ

“ตอนบ่ายเจ้าหน้าที่มาบอกว่าสองคนนั้นไม่ได้ซื้อตั๋ว ไม่ได้ออกตั๋วด้วย เลยถูกส่งลงไปตอนสถานีก่อนหน้านี้แล้ว”

ผลสรุปดังกล่าวทำให้เสี่ยวเถียนประหลาดใจ

คนที่แม้แต่ตั๋วยังไม่ได้ซื้อใครจะไปเชื่อ แถมยังปล่อยให้พวกเธอแย่งเตียง แบบนี้จะไม่โดนดูถูกได้อย่างไร?

“โลกกำลังใหญ่ขึ้นทุกวัน มีคนหลากหลายประเภท และสองแม่ลูกสะใภ้คู่นั้นก็ควรโดนร่วมกันอยู่แล้ว”

การปล่อยให้คนบ้าบิ่นแบบนั้นอยู่พร้อมกับความรู้สึกที่ว่าตนเหนือกว่า คิดว่าตนเองเก่งที่สุดในโลก

กระทั่งคิดว่าคนบนโลกควรมอบทุกอย่างกับพวกเธอเสีย

แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเธอจะบ้าบิ่นขนาดนี้ และไม่รู้ว่าถ้าเคยทำไปครั้งนึงแล้ว หลังจากนั้นจะมีครั้งต่อไปอีกหรือไม่

“ถูกไล่ลงไปก็สมควรแล้วนะ” เสี่ยวซื่อไม่ได้รู้สึกเห็นใจ

“บนรถไฟมีคนแบบนี้เยอะ หลากหลายประเภท เวลาที่หลับต้องวางของมีค่าไว้ข้างตัวนะ”

ฮั่วซิวเฉิงเป็นคนพูด แน่นอนว่านี่น่าจะเป็นประสบการณ์ของเขา

จากคำพูดและการกระทำของอีกฝ่าย เห็นได้เลยว่านี่เขาเป็นคนที่เดินทางไปไหนมาไหนบ่อย ถ้าเดินทางบนรถไฟก็ควรมีประสบการณ์เยอะอยู่แล้ว

เสี่ยวเถียนยิ้มอย่างขอบคุณฮั่วซิวเฉิง

ฉืออี้หย่วนไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนปู่ หลังจากแปรงฟันเสร็จก็พาปู่ไปนอน

เสี่ยวเถียนก็แปรงฟันเหมือนกัน จากนั้นก็ล้างหน้าและปีนขึ้นเตียงไป

ตอนบ่ายงีบหลับไปแล้ว ตอนนี้จึงไม่รู้สึกง่วงเลย

เสี่ยวเถียนหยิบหนังสือออกมาจากระบบอีกครั้ง และเริ่มอ่านอย่างจริงจัง

แต่มันเป็นหนังสือรูปแบบเสมือน คนอื่นจึงไม่สามารถมองเห็นได้ และเพราะเสี่ยวเถียนนอนตะแคง คนอื่น ๆ จึงไม่เห็นสีหน้าของเธอ

แม้แต่เสี่ยวซื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็คิดว่าเสี่ยวเถียนกำลังหลับอยู่

เดิมทีคิดจะชวนน้องสาวคุย แต่พอเห็นแบบนั้นก็หยุดพูด ไฟในตู้นอนสว่างไสว เสี่ยวซื่อหยิบหนังสือออกมาอ่านอย่างระมัดระวัง

หลายปีมานี้เขาเรียนตามน้องมาตลอด แล้วรู้สึกดีกับการเรียนมากขึ้นเรื่อย ๆ

คนทั้งสองที่นอนเตียงล่างยังคุยกันต่อ แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่เหมือนเป็นเพื่อนกันมานานเลย มีเรื่องให้พูดเยอะแยะ

สำหรับฉืออี้หย่วน คำพูดของฮั่วซิวเฉิงมีแรงจูงใจซ่อนเร้น

แต่คุณปู่ชอบคุยกับเขา หลานชายเช่นเขาก็ทำอะไรไม่ได้

เขานอนอยู่บนเตียงชั้นบนด้วยความโกรธ อ่านหนังสือก็ไม่ได้ นอนก็ไม่หลับ ได้แต่พลิกตัวไปมา

แม้ชายชราจะรู้สึก แต่ไม่ได้พูดอะไร

ไม่นานไฟบนรถไฟก็ดับลง

ในความมืด เสี่ยวซื่อเก็บหนังสือและเตรียมเข้านอน

มีเพียงเสี่ยวเถียนที่ยังอ่านหนังสืออย่างจริงจัง แต่หนังสือที่ปรากฏต่อหน้าเธอราวกับภาพลวงตานั้นทำให้เธอมองเห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องใช้แสงใด ๆ

พอถึงห้าทุ่ม ระบบเตือนเสี่ยวเถียนว่าอ่านหนังสือของวันนี้ครบสิบชั่วโมงแล้ว

เสี่ยวเถียนรู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน จึงเก็บหนังสือเข้าที่ดังเดิม

จากนั้นช่วงเวลาที่แสนศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของวันก็มาถึง

เธอเอื้อมมือไปกดสุ่มในระบบ และในไม่ช้าก็ได้รับเงินกับตั๋วออกมา เด็กหญิงสอดของพวกนี้ไว้ใต้หมอน ก่อนจะหลับตาลงด้วยความสบายใจ

ไม่รู้ว่าระบบให้ตั๋วน้อยลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่เมื่อไร แต่กลายเป็นว่ามันให้เงินมากขึ้นเรื่อย ๆ แทน

เสี่ยวเถียนสงสัยว่ามันอาจเกี่ยวกับความจริงที่ว่า ในอนาคตเธอจะต้องใช้เงินน้อยลงเรื่อย ๆ หรือเปล่า

อันที่จริงหลังจากคิดคำนวณอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนว่าตั๋วจะไม่น้อยลงนะ แค่เงินที่ได้มันเยอะขึ้น จำนวนตั๋วเลยดูน้อยลง

เสี่ยวเถียนตั้งใจเรียนมากในช่วงหลายปีมานี้ และคอยกระตุ้นให้พี่ ๆ อ่านหนังสือ ถึงความเร็วในการอัปเกรดจะไม่ได้ช้า แต่ตอนนี้อยู่ระดับสี่แล้ว

พอระบบอัปเกรดเแล้ว เนื้อหาของหนังสือที่เธอจะได้อ่านก็จะล้ำลึกมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ

และรางวัลที่เธอได้รับจากการเรียนก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ทุกครั้งที่เธออ่าน เธอรู้สึกว่าตัวเองหาเงินได้ง่ายกว่าคนอื่นมาก…