บทที่ 380 ประทัดเปาะแปะ ผินซีซี

งานเลี้ยงในวังดำเนินไปเกินครึ่งทาง หลังจากการแสดงร่ายรำของต้าจิ้นจบลง คณะทูตถู่เจียก็ถวายระบำศึกของชาวถู่เจีย โดยบรรดาชายผิวคล้ำจะทาสีน้ำมันหลากสีบนร่างกาย ใบหน้าก็สวมหน้ากากที่ทำจากขนสัตว์และกระดูก ประดับประดาด้วยเครื่องประดับที่ทำจากเขี้ยวสัตว์ ขณะที่เคลื่อนไหวก็ส่งเสียงออกมา

ร่างกายที่สูงใหญ่และมีพลังของพวกเขา เมื่อเจอแสงและเงาขณะเคลื่อนไหวทำให้มองเห็นถึงร่างกายที่แข็งแรง การร่ายรำของชนกลุ่มน้อยไม่มีข้อจำกัด แต่กลับเต็มไปด้วยพลัง

ถูลี่ดื่มเหล้า และเคาะจังหวะช้า ๆ

พวกเด็ก ๆ ถูกบรรดาคนรับใช้ในวังพาออกไปเล่นหมดแล้ว ยกเว้นพระราชนัดดาที่ยังนั่งกับองค์หญิงใหญ่อยู่

เมื่อก่อนตอนที่เผยยวนเดินทัพและทำศึก ก็มักระบำศึกกับเหล่าทหารในค่าย เขาชื่นชอบการร่ายรำเช่นนี้มากกว่า

มีคนตบลงมาบนบ่า เมื่อหันไปมองก็เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของถูลี่ “น้องชาย ดื่มเหล้าหรือไม่?”

เหล้านี่ไม่ดื่มคงไม่ได้แล้ว เผยยวนกำลังจะพยักหน้ารับ ทว่าถูลี่กลับถูกคนห้ามเอาไว้เสียก่อน

จี้จือฮวนใช้สายตาส่งสัญญาณราวกับจะบอกว่า ดื่มเหล้าแล้วไม่แน่ว่าท่านจะยังรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้นะเจ้าคะ

ถูลี่ “!!!”

ร้ายแรงเพียงนี้เชียวหรือ เขาจะคออ่อนเกินไปแล้วกระมัง

จี้จือฮวนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พลางขมวดคิ้ว

คอแข็งหรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือดื่มมาก ๆ แล้วจะเลอะเลือน พี่ใหญ่ ข้ากลัวท่านจะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ไม่ได้น่ะสิเจ้าคะ โดยเฉพาะในงานเลี้ยงเช่นนี้ หากว่าพวกท่านสองคนทำมิดีมิร้ายอะไรขึ้นมา พรุ่งนี้คนในเมืองหลวงเอาไปพูดกันอย่างไรข้าไม่รับผิดชอบนะเจ้าคะ

ร่ายยาวเพียงนี้ จี้จือฮวนที่ใช้สายตาสื่อสารก็รู้สึกเหนื่อยไม่น้อย

เผยยวน “???”

ช้าก่อน เหตุใดฮวนฮวนกับถูลี่ก็สามารถใช้สายตาสนทนากันได้ แต่เขากลับมองไม่ออกเลยว่าพวกเขากำลังพูดอะไรกัน!

ถูลี่กลับสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ก่อนจะผลักเผยยวนที่เข้ามาใกล้

เช่นนั้นไม่ดื่มดีกว่า ครั้งหน้าค่อยหาที่ที่เปลี่ยวหน่อย

จี้จือฮวนรู้สึกว่าคำพูดนี้ดูแปลก ๆ แต่อย่างน้อยก็รู้สึกโล่งอก

เผยยวนทำหน้างุนงง พวกเจ้ากำลังพูดอะไรกันแน่!!!! ในเรื่องนี้มีเพียงข้าคนเดียวที่อ่านสายตาที่คนอื่นสื่อสารกันไม่ออกอย่างนั้นหรือ!

ห้องอุ่นนอกตำหนัก

บรรดาองค์ชายน้อยและองค์หญิงน้อยต่างหลับในอ้อมแขนของขันทีและนางกำนัลนานแล้ว และต่างก็ถูกอุ้มกลับไปที่ตำหนักของตัวเอง ส่วนพวกเด็ก ๆ ที่อายุมากหน่อยแน่นอนว่ายังไม่ง่วง องค์ชายสิบวันนี้มีความสุขมากเป็นพิเศษ ถอดรองเท้าขึ้นไปบนเตียงอุ่นเสร็จก็เรียกอาอินสองคนพี่น้องขึ้นมา

ด้านนอกหิมะตกอีกแล้ว ลมเย็นพัดมาจากทั้งสองฝั่งของทางเดินในวัง อาอินเพิ่งเดินมาถึงประตู ก็เห็นเซียวเซวียนจิ่นถือโคมไฟยืนอยู่ บนกายแม้แต่เสื้อคลุมสักตัวก็ไม่มี ทว่าดวงตาก็ยังคงกระจ่างใส เมื่อเห็นนางนิ่งงันจึงได้ยิ้มออกมา “ทำไม ไม่เจอกันแค่ไม่นานลืมข้าไปแล้วหรืออย่างไร?”

เกล็ดหิมะเกาะบนร่างกายเซียวเซวียนจิ่นร่วงลงมาบนขนตาของอาอิน ทำให้นางรู้สึกเย็นขึ้นมาบราวนี่ออนไลน์

นางกะพริบตาปริบ ๆ พลางเอ่ยด้วยความขัดเขินเล็กน้อย “เจ้าแอบออกมาหรือ?”

เซียวเซวียนจิ่นเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ใช่เสียหน่อย”

เขาก้มตัวลง “ข้าตั้งใจมาหาเจ้าต่างหาก”

อาอินเกาจุกผมบนหัวเล็กน้อย เซียวเซวียนจิ่นจึงยื่นมือออกไปวัด “โอ๊ะ สูงขึ้นแล้ว”

อาอินดวงตาเป็นประกาย “จริงหรือ?”

เซียวเซวียนจิ่นพยักหน้ารับ “ต่อไปเจ้าจะสามารถตัวสูงได้เท่านี้เลยนะ!”

ส่วนสูงที่เขาวัดสูงกว่าตัวเขาเองเสียอีก อาอินจึงพอใจมากทีเดียว “เช่นนั้นต่อไปข้าจะวัดให้เจ้าบ้าง”

เซียวเซวียนจิ่นเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “เด็กโง่ พี่ชายก็ต้องสูงขึ้นเหมือนกัน”

อาอินเคาะหัวตัวเอง ใช่แล้ว เหตุใดเมื่อเห็นหน้าเขา สมองของนางถึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้กัน

“นี่ ๆ ๆ พวกเจ้าอย่ามัวกระซิบกระซาบกันอยู่ตรงนั้นเลย รีบเข้ามา ในนี้อุ่นจะตายไป” เซี่ยห่วงให้ห้องเครื่องนำขนมข้าวเหนียวมาขึ้นโต๊ะ เพราะเขาชอบกินที่สุดแล้ว

“พวกเรามาเล่นที่นี่กัน ในตำหนักมีแต่กลิ่นเหล้า เหม็นจะตาย”

อาอินล้วงของออกมาจากในกระเป๋าใบเล็ก “พวกเราเล่นประทัดเปาะแปะกันเถอะ”

“อะไรคือประทัดเปาะแปะ?” องค์ชายสิบนิ่งงัน!

การที่เขาไม่อยู่หมู่บ้านตระกูลเฉินแค่ไม่กี่วัน มีของใหม่ออกมาอีกแล้วหรือ?

“ใกล้จะปีใหม่แล้วไม่ใช่หรือ แม่ข้าบอกว่าถึงเวลาจะเอามาขาย เป็นประทัดที่ให้พวกเด็ก ๆ เล่นกัน” อาอินคิดไปคิดมา ก่อนจะเปิดหน้าต่างและโยนออกไปข้างนอกหนึ่งอัน

ก่อนจะได้ยินเสียงดังแปะ แล้วประทัดนั้นก็ไม่มีเสียงอีก

องค์ชายสิบนิ่งไปครู่หนึ่ง “หมดแล้วหรือ!?”

“อืม แม่ข้าบอกว่าเด็กเล็กห้ามเล่นอย่างอื่น ยังมีไฟเย็นด้วย เจ้าจะเล่นหรือไม่?”

องค์ชายสิบคว้าก้อนเล็ก ๆ ที่ห่อด้วยกระดาษสีแดงจากมือของนางมา โยนลงพื้นหนึ่งครั้ง ก็มีเสียงแปะดังขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่ใหญ่เท่าประทัดที่จุดในวัง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสนุก

“เอามาให้ข้าอีกหน่อย ไฟเย็นคืออะไร ข้าไม่ใช่น้ำแข็งนะ”

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ท่านแม่เรียกว่าไฟเย็น” อาอินหยิบไฟเย็นรูปดาวดวงเล็ก ๆ ออกมา ก่อนจะเรียกขันทีมาจุดที่จุดไฟ

“ดับเทียนก่อนถึงจะสวย”

บรรดาขันทีเองก็รู้สึกแปลกใหม่และทำตามที่อาอินสั่ง ไม่นานไฟเย็นในมือของอาอินก็มีประกายไฟพุ่งออกมา และเผาไหม้ตามรูปทรงอย่างรวดเร็ว

“ว้าว สวยจังเลย”

“นี่คือของเล่นอะไรหรือ?” นายน้อยคนอื่นที่ยังไม่กลับต่างก็ล้อมวงเข้ามา

“หากพวกเจ้าชอบล่ะก็ เอาไปเล่นเถอะ แต่หากเล่นหมดก็ต้องรอตอนปีใหม่ แล้วก็มาซื้อที่ร้านของชำครอบครัวเราได้เลย”

“เจ้าเป็นลูกสาวของแม่ทัพเผยไม่ใช่หรือ ครอบครัวพวกเจ้าควรจะเปิดเป็นจวนแม่ทัพไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงเป็นร้านขายของชำเล่า?”

อาอินตบหน้าอกตัวเอง “บ้านใครไม่ทำการค้ากัน ครอบครัวเราไม่เพียงจะเปิดร้านของชำเท่านั้นนะ แต่ยังจะมีอีกหลายร้านด้วย หาเงินได้เยอะมากเลยล่ะ”

คนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องร้านค้าเลย เพียงแค่รู้สึกว่าต้องร้ายกาจมากแน่ ๆ

“เช่นนั้นร้านของครอบครัวเจ้าชื่ออะไรหรือ?”

“ผินซีซี”

“ขายทุกอย่างเลยหรือ?”

“อืม!”

“เช่นนั้นถึงเวลาพวกเราจะไปซื้อ”

เจ้าของกิจการตัวน้อยหลังจากป่าวประกาศจบ ก็รีบออกไปเล่นประทัดเปาะแปะต่อ

องค์ชายสิบเล่นสนุกกว่าใคร พร้อมทั้งออกท่าทางต่าง ๆ “ดูข้า ๆ ท่านี้เรียกว่าตะขอทองกลับหัว!”

“ย้าก นกกระเรียนสยายปีก!”

เซียวเซวียนจิ่นก็ออกท่าสองท่า รู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก จากนั้นก็ยืนอยู่ที่เดิม มองดูอาอินวิ่งไปหัวเราะไป

เป็นแบบนี้ก็ดีมากแล้ว นางสามารถยิ้มไปได้ตลอด ช่างดีจริง ๆ

ภายในตำหนัก

เซี่ยวั่งซูให้คนนำรายการของขวัญที่ถู่เจียร่างมาส่งไปให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินก่อน ให้เขาจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจ ก่อนที่ถูลี่จะกลับไปต้องให้จี้จือฮวนและเผยยวนแต่งงานกันก่อน พวกเขาก็จะได้สบายใจด้วย

อย่างไรเสียก็เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น คนเขาต้องการเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานขององค์หญิง นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว

หากว่าเซี่ยเจินอ้างนู่นอ้างนี่ นั่นก็เท่ากับว่าไม่อยากเป็นพันธมิตรกับถู่เจียอีก

หมวกทรงสูง*กดเอาไว้ กุยช่าย**ในปากของฮ่องเต้เซี่ยเจินก็ต้องกลายเป็นน้ำซาวข้าวแล้ว เมื่อคิดว่าเสียเหมืองทองและเหมืองแร่ไปแล้วยังต้องมาชดเชยให้เผยยวนอีก เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดใจ

* หมวกทรงสูง (高帽子) หมายถึง คำประจบสอพลอ

** กุยช่าย (韭菜) หมายถึง คนที่ถูกกดขี่

แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ด้านนอกปะปนกันเสียงดัง จึงถามขึ้นมา “ไปดูสิ ด้านนอกเอะอะอะไรกัน”

เจียงเต๋อจึงรีบไปดู ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลับมารายงาน “บรรดานายน้อยกำลังเล่นประทัดเปาะแปะกันพ่ะย่ะค่ะ โยนลงพื้นก็จะมีเสียงดังหนึ่งที ครู่เดียวก็เงียบไปพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นมันของเล่นอะไรกัน?”

“เห็นว่าคล้ายประทัด และฮู่กั๋วฮูหยินจะเอามาขายตอนปีใหม่พ่ะย่ะค่ะ”

“เหลวไหล เด็กโตแค่ไหนกันถึงปล่อยให้เล่นประทัด!”

เจียงเต๋อจึงพูดอย่างลำบากใจว่านั่นเป็นของเล็กน้อยจริง ๆ ทว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินกลับจะไปดูให้ได้

ทันทีที่เขาลุกขึ้น เหล่าข้าราชบริพารก็ย่อมต้องตามไปด้วย ก่อนจะเห็นกลุ่มคนยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะในตำหนักใหญ่ ด้านล่างบันไดมีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นประทัดเปาะแปะกันอยู่

“ของเล่นเล็ก ๆ นี่น่าสนุกจริง ๆ ให้เด็ก ๆ เล่นก็ไม่อันตรายด้วย ในวังคงตั้งใจทำให้พวกองค์ชายได้เล่นสนุกกันกระมัง”

.