บทที่ 289 ไม่ได้ท้อง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นวิยาฟังความไม่พอใจในน้ำเสียงของเขาออก ในใจก็เสียใจและโมโห

ที่เสียใจก็คือ จู่ๆเขามาใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเธอ ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยมี

ทั้งหมดนี้ ต้องโทษวารุณี!

ในใจของนวิยานั้นแค้นสุดๆ ใบหน้ากลับทำท่าเหมือนสำนึกผิดไป“ขอโทษนะนัทธี ฉันพูดผิดไป คุณอย่าโกรธฉันเลยนะ?”

เธอกอดแขนของเขาไว้ เขย่าอย่างออดอ้อน

นัทธีก็ไม่ได้จะโกรธเธอจริงๆ ตอนนี้ได้ยินเธอสำนึกแล้ว เขาไม่ใช่คนที่แค้นฝังลึก ริมฝีปากบางๆนั้นค่อยๆพูดออกมา“ครั้งต่อไปอย่าทำอีก!”

“อือๆ”นวิยาพยักหน้าอย่างดีใจ

ตอนนี้เอง ประตูของแผนกสูตินรีเวชก็เปิดออก วารุณีกุมท้องออกมาจากด้านใน เห็นนัทธีกับนวิยานั่งอยู่ด้วยกัน นวิยายังคล้องแขนของนัทธีไว้ด้วย สีหน้าจึงอดไม่ได้ที่จะหม่นลงไป

“เป็นไงบ้าง?”นัทธียังไม่สังเกตเห็นว่าอารมณ์ของเธอนั้นไม่ดีเท่าไหร่ จึงยืนขึ้นมาแล้วถาม

วารุณีส่ายหน้า“ฉันก็ไม่รู้ เดี๋ยวสักพักผลถึงจะออกมา”

นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย สื่อว่าเข้าใจ“งั้นก็รอก่อนละกัน”

วารุณีตอบอือ จากนั้นมองนวิยาที่อยู่ข้างๆเขา“คุณนวิยาทำไมมาอยู่ตรงนี้คะ?”

“ฉันได้ยินว่านัทธีมา ก็เลยมาดูหน่อย คุณวารุณีไม่ถือสาใช่ไหมคะ?”นวิยายิ้มไปตอบไป

ถึงปากเธอจะพูดแบบนี้ แต่กลับไม่ยอมปล่อยแขนของนัทธี กลับยังรัดแขนของนัทธีอย่างไม่สังเกตเห็นง่ายๆด้วย

วารุณีมองออกว่า นวิยากำลังยั่วใส่ตัวเอง ก็โมโหสุดๆ

จริงด้วยครั้งที่แล้วที่ผู้หญิงคนนี้พูดอวยพรในสาย ก็ปลอมทั้งหมด ถ้าปล่อยแล้วจริงๆ ตอนนี้ก็ไม่คล้องแขนของนัทธีหรอก มาแสดงต่อหน้าเธอ จงใจทำให้เธอหึง

แต่ในเมื่อผู้หญิงคนนี้ทำแบบนี้กับเธอ งั้นก็อย่าหาว่าเธอไม่ไว้หน้าละกัน

คิดแบบนี้ วารุณีก็ยกมุมปากขึ้นมา ดูจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ตอบกลับไปด้วยแววตาที่มีความเย็นชาแฝงไว้อยู่:“ฉันถือสาสิคะ”

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณวารุณี……อะไรนะ?คุณพูดอะไรน่ะ?”หน้าของนวิยาแข็งทื่อทันที หลังจากนั้นได้สติคืนมาว่า คำตอบของวารุณีไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้

วารุณีมองนวิยาที่สีหน้าดูแย่อย่างไม่ชอบใจนัก ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที เสยผมพูดไปว่า:“ฉันบอกว่า ฉันถือสา!”

พูดจบ สายตาของเธอชำเลืองมองไปที่แขนของพวกเขาที่กอดกันอยู่

นัทธีเข้าใจทันที หลังจากขมวดคิ้วแล้ว ก็ดึงมือออก

ในอ้อมแขนว่างทันที นวิยาจึงร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า“นัทธี……”

จากนั้นนัทธีไม่สนเธอเลยสักนิด มองไปที่วารุณีแล้วพูดว่า:“ขอโทษนะ”

เมื่อก่อนนวิยาชอบกอดแขนของเขา ทำอยู่นานจนเขาเองก็ชิน

ดังนั้นเขา จึงไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองผลักเธอออกไปในทันที

“ไม่เป็นไรค่ะ”วารุณีส่ายหน้า เลือกที่จะให้อภัย

เพราะเธอเข้าใจเขา รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ

จากนั้น วารุณีก็เอาสายตามองกลับไปที่นวิยา“คุณนวิยา กรุณาจำไว้นะคะ ตอนนี้นัทธีมีแฟนแล้ว ก็คือฉัน คุณรู้ว่าเขามา อยากมาดูเขาไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่ห้าม เพราะนี่คืออิสระของคุณ แต่ว่า!”

เธอใส่น้ำเสียงลงไป นัยน์ตาดอกท้ออันสวยงามก็หรี่ลง“ฉันหวังว่าคุณจะรักษาระยะห่างกับเขาหน่อยนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางที่ดีอย่ามีการสัมผัสทางกายภาพโดยไม่จำเป็นเลยค่ะ แบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนเข้าใจผิด แต่ทำให้ฉันไม่พอใจด้วย ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ คุณนวิยา”

ได้ยินคำประกาศแสดงอำนาจแล้ว ริมฝีปากบางๆของนัทธีก็ยกขึ้นมา ดีใจมากกับการแสดงความเป็นเจ้าของของเธออย่างชัดเจน

ส่วนนวิยาก็ไม่พอใจ เธอมองเขา เห็นเขาไม่ใช่แค่ไม่ช่วย แต่ยังชอบที่วารุณีพูดด้วยอีก ในใจก็ทั้งเจ็บทั้งแค้น แต่ใบหน้ากลับฝืนฉีกยิ้มออกไป“ฉันเข้าใจแล้ว ครั้งหน้าฉันจะระวังค่ะ”

“งั้นก็ดี”วารุณีพูดตอบพร้อมรอยยิ้ม

นวิยาก้มหน้าลง ทำให้มองไม่เห็นอาการที่ใบหน้าชัดๆ“นัทธี ฉันไม่รบกวนคุณกับคุณวารุณีแล้ว ฉันกลับก่อนนะ”

“โอเค”นัทธีพยักหน้าเห็นด้วย

นวิยาหันกลับ เดินไปที่ทางที่มาทีละก้าว

แป๊บเดียว ร่างของเธอก็หายไป

วารุณีเดินมานั่งตรงที่นวิยานั่งเมื่อกี๊“นัทธี คุณคงไม่คิดหรอกนะ ว่าคำพูดฉันเมื่อกี๊ มากเกินไปหน่อยกับคุณนวิยา?”

“เปล่าเลย”นัทธีหันไปมองเธอเล็กน้อย“คุณกลับเตือนพวกเราต่างหากว่า ไม่ควรมีการสัมผัสที่ไม่จำเป็นพวกนั้น”

“เหรอ”ในที่สุดวารุณีก็โล่งอก

เธอกลัวนัทธีจะคิดว่า คำพูดของเธอเมื่อกี๊นั้นเกินไป จะส่งผลกระทบต่อนวิยาได้

แต่ตอนนี้ดูแล้ว เธอน่าจะกังวลมากไป

รอไปอีกสักพัก ประตูแผนกสูตินรีเวชก็เปิดออกอีกครั้ง

ครั้งนี้ พิชิตถือเอกสารฉบับหนึ่งเดินออกมา

นัทธีกับวารุณีเห็นแบบนี้ ก็ยืนขึ้นมาทันที

“คุณหมอพิชิต”วารุณีกำฝ่ามือไว้ มองเอกสารในมือพิชิตอย่างกังวลสุดๆ

ถ้าไม่ใช่คำว่ามารยาทล่ะก็ เธอก็อาจจะแย่งเอกสารมาอย่างทนไม่ไหวแล้ว

“เป็นไงบ้าง?”นัทธีก็ถาม

พิชิตแสดงออกอย่างผิดปกติเล็กน้อย มองเขา แล้วมองไปที่วารุณี

สุดท้าย เขาก็ถอนหายใจ ยื่นเอกสารให้วารุณี

ไม่รู้ว่าทำไม มองสภาพของพิชิตแล้ว ในใจวารุณีถึงรู้สึกไม่สบายใจ มือที่ยกขึ้นมา สั่นเล็กน้อย

เธอรับเอกสารไป ไม่ได้เปิดทันที แต่ถามไปว่า:“คุณหมอพิชิต เด็กมีปัญหาเหรอคะ?”

พอได้ยิน รูม่านตาของนัทธีจึงหดลง จ้องไปที่พิชิต

พิชิตส่ายหน้า“ไม่ได้มีปัญหาครับ แต่คุณไม่ได้ท้องอยู่แล้ว!”

นี่ก็เป็นเพราะว่า ทำไมตอนเขาออกมา ถึงได้ดูแปลกใจ

“อะไรนะ?”ดวงตาวารุณีเบิกโต พูดเสียงสูง“ฉันไม่ได้ท้องเหรอ?”

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มแน่น หยิบเอกสารในมือของเธอไป จากนั้นเปิดดู อ่านรายละเอียดของสถานการณ์

วารุณีก็ยื่นหน้าไป ดูกับเขา

เห็นผลลัพธ์ท้ายสุดแล้ว เธอก็ตะลึงงันไปหมด

“จะเป็นไปได้ไง……”ริมฝีปากของวารุณีสั่น

นัทธีปิดเอกสารลง สายตานั้นมองไม่ออกว่าปีติหรือโมโห

พิชิตจับแว่น มองทั้งสองคน ถึงแม้ในใจจะทนไม่ไหว แต่ก็พูดว่าไป:“ทำไมพวกคุณ ถึงคิดว่าท้องล่ะ!”

วารุณีมองเขา แล้วคลำหน้าท้องของตัวเอง พูดไปอย่างเศร้าสร้อย:“เพราะว่าฉันมีอาการของคนตั้งท้อง และประจำเดือนฉันก็ไม่มา ดังนั้น……”

คำพูดจากนั้น เธอไม่ได้พูด

เดิมทีเธอคิดว่าตัวเองท้องจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่ ตอนนั้นดีใจและเฝ้าคอยมาก ตอนนี้เสียใจสุดๆ

“ที่แท้ก็ท้องลม”พิชิตผายมือออก

วารุณีไม่พูด แต่ก้มหน้าลง

นัทธีรู้สึกถึงความผิดหวังของเธอ จึงเก็บความเสียใจของตัวเองไว้ จากนั้นกอดเธอไว้ในอ้อมแขน“ไม่เป็นไร ครั้งนี้ไม่ท้อง ครั้งหน้าอาจจะท้องก็ได้นะ”

“ไม่แน่นอนหรอก!”จู่ๆพิชิตก็พูดบั่นทอนออกมา

นัทธีหรี่ตาลงอย่างอันตราย มองเขาอย่างเย็นชา

วารุณีก็มองพิชิต“คุณหมอพิชิต คุณหมายความว่าไงคะ หรือว่าร่างกายฉันมีปัญหาเหรอคะ?”

“เปล่าครับ ร่างกายคุณไม่มีปัญหา”พิชิตส่ายมือไปมา

“งั้นคุณ……”

“โอเค ตอนนี้คุณรอที่นี่สักพักนะครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับนัทธี”พิชิตหัวเราะให้เธอ

วารุณีมองนัทธี ในใจยังมีคำถามมากมาย แต่ก็พยักหน้าตอบรับไป

พิชิตส่งสายตาให้นัทธี สื่อว่าให้เขาตามมา

หลังจากนัทธีเอาเอกสารในมือให้วารุณีแล้ว ก็ตามไป

ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องทำงาน

“แกอยากบอกอะไรฉันกันแน่?”นัทธีเข้าไปก็ถาม เสียงนั้นทุ้มต่ำ