บทที่ 438 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 438 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน

บทที่ 438 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน

ไม่รู้ว่าเขาจะรอดไปได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำได้ และนั่นก็คือการโคจรพลังต่อไปเรื่อย ๆ ชายหนุ่มโคจรพลังอย่างบ้าคลั่ง แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป พลังของเขากลับหยุดนิ่ง เห็นได้ชัดว่าฉู่เหินโคจรพลังเปลวเพลิงนี้จนถึงขีดสุดแล้ว แม้ว่าจะฝึกฝนนานกว่านี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร

แต่ที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกแปลกใจก็คือ หลังจากดูดพลังมาโคจรอย่างต่อเนื่อง มันก็ยิ่งทำให้พลังธาตุไฟของเขาบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น อีกทั้งมันยังเก็บสะสมอยู่ในร่างกายให้เขาเอาไว้ใช้ในภายหน้าได้อีก! ซึ่งเดิมทีมันมีอยู่ในร่างกายของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า มันก็ค่อย ๆ เพิ่มขนาดมากยิ่งขึ้น

ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไร เมื่อฉู่เหินลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาตกใจ! เจ้าเปลวไฟนั้นหนีหายไปแล้ว! ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้เป็นอิสระเสียที ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่เขาก็ดีใจสุด ๆ แล้ว!

อย่างไรก็ตาม ตอนที่ฉู่เหินเตรียมจะออกไปนั้น จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงเจ้าเปลวไฟนั่นดังขึ้นจากไหนสักแห่ง พอจับใจความได้ว่า “มารดามันเถอะ ที่นี่ที่ไหน ทำไมมันมืดสนิทแบบนี้ล่ะ พระเจ้า! นี้ฉันอยู่ที่ไหนกันเนี่ย!”

ฉู่เหินได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจสะดุ้งโหยง เสียง ๆ นี้เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยดี เพราะมันก็คือเสียงของเจ้าเปลวไฟน่าตายตัวนั้น ตอนแรกฉู่เหินนึกว่ามันหนีไปแล้ว คิดไม่ถึงว่ามันจะยังอยู่ใกล้ ๆนี้เอง แต่เมื่อมองดูรอบ ๆ ก็ไม่เห็นกลิ่นอายของเปลวไฟอะไรนั่นเลย

ไม่เพียงแค่นั้น ภูเขาที่เดิมทีถูกไฟเผาไหม้ไม่เหลืออะไรเลย จู่ ๆ ก็มีหญ้างอกขึ้นมาจากพื้น เมื่อเห็นฉากนี้ก็รู้ได้ว่าเปลวไฟตัวนั้นได้หายไปแล้ว แต่ทำไมยังได้ยินเสียงมันอยู่ล่ะ

เมื่อคิดถึงตรงนี้อยู่ ๆ ฉู่เหินก็คิดออกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง เขายังจำได้ดีว่าตอนที่โคจรพลังขั้นตอนสุดท้าย ภายในร่างกายของเขาเกิดการรวมตัวของเปลวไฟหลาย ๆ กลุ่มเข้ามาที่จุดศูนย์กลาง พอคิดได้ดังนั้น ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบสำรวจภายในร่างกายตัวเองทันที!

ที่จริงเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบอะไรเลย เพราะว่ามันชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเดาถูก ไม่รู้ว่าทำยังไงเจ้าเปลวไฟนั้นถึงได้มาอยู่ในตัวเขา นี่ทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเปลวไฟที่อยู่ในร่างกายตัวเองจะทำลายตัวเขาจากข้างในได้ไหม แต่แม้จะบอกว่าเขาค่อนข้างกังวลใจ ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่การบ่นเล็กน้อยเท่านั้น ต่อมาเขาก็เข้าสู่สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นอีกรอบ!

แม้ฉู่เหินจะไม่รู้ว่าตัวเองทำยังไงให้เจ้านั้นเข้ามาอยู่ในร่างตัวเองได้ แต่เขารู้ว่าเจ้าหมอนั้นก็คือระเบิดเวลาลูกหนึ่ง ถ้ามันเกิดบ้าทำลายตัวเองขึ้นมา งั้นชีวิตเขาก็คงจบสิ้นไปด้วย! ต้องเข้าใจว่าทัศนคติของเขาและมันไม่ตรงกันเลย!

แต่โชคดีที่เจ้าเปลวไฟนั้นไม่ค่อยฉลาดเท่าไร ออกจะโง่ ๆ ด้วยซ้ำ ถ้าระมัดระวังสักหน่อยน่าจะไม่เกิดเรื่องแย่ขึ้น! ชายหนุ่มทำได้แค่ปลอบใจตัวเองแบบนี้เท่านั้น อย่างคำที่กล่าวว่า อัญเชิญเทพเจ้าเข้าบ้านนั้นง่าย แต่เชิญออกนั้นยาก!* เหมือนตัวเองเอาเปลวไฟเข้าร่างกายตัวเอง แต่ไม่มีวิธีเอามันออก!

*อุปมาถึงคนที่อยู่ในบ้านคนอื่นสุขสบายแล้วไม่ยอมจากไป

หลังจากพูดอย่างจนใจหนึ่งประโยค ชายหนุ่มก็ไม่คิดอยู่ที่นี่ต่อ เขาออกเดินทางทันที ซึ่งตอนแรกฉู่เหินวางแผนว่าจะกลับไปหลอมรวมสามจิตวิญญาณก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่เขาอยากจะรู้ว่าข้างหน้ายังมันของดี ๆ อะไรอีกบ้าง?

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเดินมาได้ไม่นาน ทิวทัศน์รอบด้านก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง จากเดิมที่เป็นภูเขาโล่น ๆ ตอนนี้กลับยิ่งเพิ่มความวังเวงยิ่งขึ้นไปอีก สิ่งที่เห็นให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายความมืดมน! พอเห็นแบบนั้นฉู่เหินก็หยุดนิ่งโดยสัญชาตญาณ เขารู้สึกว่าถ้าเดินต่ออาจจะเจอสมบัติที่แตกต่างจะที่เคยเจอก็เป็นได้

ทว่าอีกใจเขาก็อยากจะหันหลังกลับไปซะ แต่ทว่าสองขากลับควบคุมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าหรือถอยหลังก็ล้วนแต่ควบคุมไม่ได้ทั้งนั้น เป็นแบบนี้จนร่างของเขาเดินมาไกล จนในที่สุดด้านหน้าของชายหนุ่มก็ปรากฏแม่น้ำใหญ่สีดำขึ้นสายหนึ่ง

คลื่นในแม่น้ำซัดสาดอย่างรุนแรง อีกทั้งภายในน้ำยังส่งเสียงแปลกออกมาอีกด้วย เขาหยุดพักที่ริมแม่น้ำก่อนที่จะมองไปด้านหน้าแม่น้ำกว้างนั่น นี่เองจึงทำให้ฉู่เหินพบว่าแม่น้ำแห่งนี้ซัดสาดไปมาอย่างผิดปกติ มันไม่มีรูปแบบอย่างที่ควรเป็นเลยแม้แต่น้อย และเมื่อมองไกลออกไปหน่อย ชายหนุ่มก็เห็นเข้ากับเขตสิ้นสุดดินแดน…

ระหว่างที่จ้องมอง เขาพลันเห็นเข้ากับคลื่นใต้แม่น้ำที่ก่อตัวเป็นใบหน้าของผีร้าย ใบหน้านั้นเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว! ราวกับว่าพวกเขาจมอยู่ในน้ำและส่งเสียงมาขอความช่วยเหลือ

เสียงเหล่านั้นช่างทำให้ผู้คนรู้สึกตกสั่นขวัญแขวนไม่น้อย ฉู่เหินที่ยืนอยู่พอได้ยินก็อ้าปากค้างและอ้วกออกมาเป็นเลือดสด ๆ เพราะว่าจิตใจของเขาก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน!เมื่อเป็นเช่นนี้ชายหนุ่มก็อยากจะรีบ ๆ หนีไปซะ เพราะเขารู้สึกว่าแม่น้ำบ้านี้น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว

แม้แต่เปลวไฟนั่นก็ยังเปรียบไม่ติด ฉู่เหินลองหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่ข้าง ๆ โยนลงไปในน้ำ แล้วเขาก็เห็นท่อนไม้นั้นถูกย่อยหายไปต่อหน้าต่อตา! ต้องเข้าใจว่าภายในท่อนไม้นั้นก็ไม่ใช่ท่อนไม้ธรรมดาหรอกนะ

ท่อนไม้ที่ชายหนุ่มโยนไปนั้นมีระดับที่สูงกว่าอาวุธบางชิ้นของเขาเสียอีก อย่างไรก็ตาม ท่อนไม้ที่ระดับสูงแบบนี้พอตกลงไปในน้ำก็หายไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ ฉู่เหินยิ่งมองเห็นถึงความน่ากลัวของแม่น้ำสายนี้!

เขาเดินไปตามริมแม่น้ำอย่างช้า ๆ ความยาวของแม่น้ำแห่งนี้มีความยาวแค่พันกว่าเมตร ในเวลาไม่นานเขาก็เดินมาถึงต้นน้ำ เมื่อเขามาถึงต้นน้ำ ฉู่เหินก็พบว่าภายในแม่น้ำนั้นมีสิ่งหนึ่งที่คล้ายกับหม้อทองคำสามขาของเขามากอันหนึ่ง เจ้าหม้อนั่นมันนอนนิ่งอยู่ที่ก้นน้ำริมฝั่ง

ที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกไม่ถูกต้อง คือลักษณะภายนอกของหม้อที่จมใต้น้ำนั้นไม่มีสิ่งแปลกประหลาดอะไร นี้จึงทำให้เขาเกิดสนใจกับเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมา! หม้อนี้เปิดอยู่ แต่ทว่าฝาหม้อคล้ายจะถูกของสิ่งหนึ่งพันติดกับตัวหม้อเอาไว้ด้วยกัน

มันคล้ายจะเป็นเชือกเส้นหนึ่ง ไม่ต้องถามก็รู้ว่ามันต้องเป็นของล้ำค่าเช่นเดียวกัน อีกทั้งฉู่เหินยังรู้สึกว่าหม้อเล็กนี้กับระยะห่างจากริมแม่น้ำนั้นไม่ถือว่าไกลกันมาก ไม่แน่ว่าอาจจะดึงมันขึ้นมาได้ แค่คิดถึงตรงนี้ฉู่เหินก็รู้สึกกระตือรือร้น

เมื่อฉู่เหินมาถึงริมแม่น้ำ เขาก็มองลงไปที่หม้อเล็กนั้นพร้อม ๆ กับคิดวิธีการไปด้วย! ระยะห่างของชายหนุ่มกับหม้อเล็ก ๆ นั่นดูแล้วเหมือนจะห่างกันแค่ 2-3 เมตรเอง! ถ้ามีเชือกใหญ่ ๆ สักเส้นมาดึงหม้อนี้ขึ้นมา ไม่แน่ว่าอาจจะทำได้ก็ได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้เขารีบหาของภายในแหวนมิติทันที โชคยังดีที่ภายในนั้นยังมีของที่พอจะใช้ได้อยู่!

ของสิ่งนี้เป็นอาวุธพิเศษมาก ๆ สิ่งหนึ่ง มันเป็นของที่เขารู้สึกสนใจตอนอยู่ที่พรรคหยูหลิน ดังนั้นชายหนุ่มเลยเก็บมา ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ใช้ สิ่งนี้เป็นแส้เส้นหนึ่ง แต่แส้เส้นนี้มีความพิเศษอยู่ตรงที่ไม่คล้ายกับแส้ที่ชาวนาบนโลกเอาไว้ใช้ตอนลากเกวียน

แส้ปกติมีความยาวกว่า 2 เมตร แต่ทว่าเส้นที่อยู่ในมือฉู่เหินกับยาวมากกว่า! วัดแล้วก็คงประมาณ 4 เมตรได้ เพราะแบบนี้เขาเลยเลือกที่ใช้แส้เส้นนี้ดึงหม้อนั้นขึ้นมา

ว่าแล้วชายหนุ่มก็พลันตวัดแส้ ก่อนที่จะเกิดเสียงดัง แกร่ง! ตามมา มันเป็นเสียงที่แส้กระทบกับหม้อ เมื่อรู้ดังนั้นฉู่เหินจึงใช้แรงดึงขึ้นมา หม้อเล็กนั้นค่อย ๆ ขยับมาที่ริมฝั่ง ถึงหม้อใบนี้จะดูเล็ก แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่หนักมากทีเดียว! ฉู่เหินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลากภูเขาอยู่อย่างงั้นแหละ เขาราวกับหอยทากที่ค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ

จนกระทั่งฉู่เหินทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาพูดในใจว่า “หม้อเล็กนี่มันอะไรกัน ทำไมมันถึงหนักได้มากขนาดนี้!” โชคยังดีที่ถึงจะช้า แต่อย่างน้อยมันก็ยังพอได้ผลอยู่บ้าง ทว่าผลที่ตามมาก็คืออาการเจ็บกล้ามเนื้อที่ทำให้เหงื่อท่วมตัวไปหมด

ในจังหวะนั้นเอง อยู่ ๆ ก็เกินเป็นคลื่นพัดหม้อนั้นออกไปอีก!!!!