บทที่ 310 ทำเสื้อผ้าให้เจ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 310 ทำเสื้อผ้าให้เจ้า

บทที่ 310 ทำเสื้อผ้าให้เจ้า

“สิ่งนี้ราคาเท่าไร? ข้าชอบมันมาก ข้าจะซื้อมัน!” หนึ่งในนั้นจ้องมองตุ๊กตาอย่างไม่วางตา และหยิบขึ้นมาหนึ่งตัว

ในตอนที่กู้เสี่ยวหวานมาถึง นางก็คิดราคาของตุ๊กตาพวกนี้มาแล้ว ชูนิ้วและกล่าวว่า “ตัวละสิบตำลึงเงิน”

เมื่อนางได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจ ทำไมถึงแพงเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้ทำมาจากผ้าไหมและใยฝ้ายที่ซื้อไปในครั้งที่แล้ว ดูเหมือนว่าจะทำออกมาได้สิบห้าตัว แต่ราคาสิบตำลึงเงินต่อตัวก็แพงเกินไปจริง ๆ!

แต่สิ่งที่ทำให้พี่ฝูประหลาดใจกว่านั้นก็คือหญิงสาวกลุ่มนั้นไม่คิดว่าแพงและทั้งหมดก็นำเงินออกมา หญิงคนหนึ่งซื้อมากสุดห้าตัว และน้อยที่สุดก็ซื้อไปสองตัว ภายในพริบตาตุ๊กตาก็ขายหมดไปสิบตัวแล้ว บนตู้จึงเหลือตุ๊กตาเพียงห้าตัว

แค่ไม่นานกู้เสี่ยวหวานก็รับเงินมาแล้วหนึ่งร้อยตำลึงเงิน นางจึงมีความสุขมาก

คนที่ทำกิจการมานานนับสิบปีอย่างพี่ฝูยังไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวเหล่านั้นจะเต็มใจซื้อสิ่งนี้ในราคาสิบตำลึงเงิน

แต่กู้เสี่ยวหวานเข้าใจความคิดของพวกนางเหล่านี้ ในอดีตตราบใดที่สภาพครอบครัวยังดีอยู่ เด็กผู้หญิงคนไหนที่ไม่มีตุ๊กตาเจ็ดสิบถึงแปดสิบตัว แค่มีห้าตัวก็ถือว่าดีแล้ว

กู้เสี่ยวหวานอาศัยช่วงเวลาที่ไม่มีคนแอบคุยกับพี่ฝูว่า ในอนาคตตุ๊กตาที่กู้เสี่ยวอี้ทำจะมาฝากขายที่นี่

“พี่ฝู ในอนาคตข้าจะมาซื้อวัสดุในการทำตุ๊กตาเหล่านี้ที่นี่ และหลังจากที่ทำตุ๊กตาเสร็จก็จะมาฝากขายที่นี่เช่นกัน ในตุ๊กตาหนึ่งตัวข้าจะให้ค่าฝากขายตัวละหนึ่งตำลึงเงิน ท่านว่าอย่างไรบ้าง?” กู้เสี่ยวหวานปรึกษากับพี่ฝู

ครั้งที่แล้วที่มาซื้อผ้าไหมและฝ้ายที่นี่ รวมทั้งชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นในการทำตุ๊กตา ต้องใช้เงินทั้งหมดสี่สิบตำลึงเงิน และทำตุ๊กตามาได้สิบห้าตัว ตุ๊กตาทั้งสิบห้าตัวนี้จะขายได้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน เมื่อนำค่าวัสดุมาลบออกจะเหลือหนึ่งร้อยสิบตำลึงเงิน

นอกจากนี้ยังรวมถึงการออกแบบของกู้เสี่ยวหวาน และทำอย่างอดหลับอดนอนของกู้เสี่ยวอี้ด้วย

ค่าฝากขายตัวละหนึ่งตำลึงเงิน สิบห้าตัวก็สิบห้าตำลึงเงิน ถือว่ากู้เสี่ยวหวานให้ราคาที่สูงมาก

ในเวลาที่นางลำบาก พี่ฝูก็คอยอำนวยความสะดวกให้นาง จากนั้นก็ยังสอนกู้เสี่ยวอี้ปักผ้าโดยไม่คิดเงิน แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะรู้สึกเกรงใจ จึงขอให้กู้เสี่ยวอี้นำเนื้อหมูหรือขนมไปด้วย แต่พี่ฝูก็ไม่เคยกล่าวถึงเรื่องเงินเลย

ยิ่งไปกว่านั้น พี่ฝูยังคอยสอนกู้เสี่ยวอี้อย่างไม่คิดจะปิดบัง ด้วยเหตุนี้กู้เสี่ยวหวานจึงรู้สึกว่านางไม่สามารถเอาเปรียบพี่ฝูได้

เดิมทีพี่ฝูไม่ได้ต้องการเงินค่าฝากขายของ

นี่คือสิ่งที่เด็ก ๆ ช่วยกันทำอย่างยากลำบาก นางจึงจะช่วยขายโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานกล่าวว่าจะจ่ายค่าฝากขาย นางจึงปฏิเสธ “ไม่ได้ ข้ายินดีที่เจ้านำสิ่งนี้มาฝากขายที่ร้านของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่รับค่าฝากขาย!”

“พี่ฝูสมควรได้รับมัน ถ้าท่านไม่ได้เห็นถึงความสามารถของกู้เสี่ยวอี้ พวกเราคงไม่ได้ทำเงินกับงานฝีมือชิ้นนี้!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างรวดเร็ว นางไม่ใช่คนเนรคุณที่ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน นางจะตอบแทนพระคุณของผู้อื่นแน่นอน

ถึงแม้ว่านางจะไม่มีความสามารถนี้ แต่นางก็ไม่สามารถให้คนอื่นมาช่วยเหลือนางตลอดเวลาได้

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานไม่สามารถทำให้พี่ฝูหวั่นไหวได้ พี่ฝูเป็นคนตรงไปตรงมา เดิมทีนางเพียงสงสารครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน หลังจากนั้นมาก็ชอบครอบครัวนี้ ในตอนสุดท้ายหลังจากที่รับกู้เสี่ยวอี้เป็นศิษย์ นางก็คิดว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว

เงินนี้นางจึงไม่สามารถรับได้

“เสี่ยวหวาน หากเจ้ายังเรียกข้าว่าพี่ฝูอยู่ และหากข้ายังเป็นอาจารย์ของเสี่ยวอี้อยู่ เงินนี้ข้าไม่สามารถรับได้ ข้าไม่สามารถแบ่งเงินมาจากพวกเจ้าได้ แค่พวกเจ้ามีชีวิตที่ดี พี่ฝูผู้นี้ก็มีความสุขแล้ว!” พี่ฝูมีสีหน้าประทับใจ

กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ แต่นางรู้สึกขอบคุณพี่ฝูมากและสาบานว่า ในอนาคตถ้านางสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ นางจะไม่มีวันลืมคนที่ช่วยเหล่านี้อย่างแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานทำได้เพียงยอมแพ้ นางนำของไปวางไว้ในร้านขายผ้าจี๋เสียง จากนั้นจึงเลือกผ้าและวางแผนจะกลับไปคิดแบบตุ๊กตาอีกสองสามตัว

“พี่ฝู ท่านช่วยข้าเลือกผ้าที่ผู้ชายสามารถใส่ได้ทีเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานที่จู่ ๆ ก็นึกอะไรได้จึงกล่าวขึ้นมา

พี่ฝูคิดว่ากู้เสี่ยวหวานคงต้องการจะทำเสื้อผ้าใหม่ให้กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงจึงรีบตอบรับและไปช่วยเลือกผ้า แต่ผ้าที่พี่ฝูเลือกมากู้เสี่ยวหวานกลับไม่ถูกใจ พี่ฝูเห็นว่าปกติเวลาที่ทำเสื้อผ้าให้น้องชายทั้งสองกู้เสี่ยวหวานจะชอบมาก แต่ทำไมวันนี้นางถึงไม่ชอบล่ะ

กู้เสี่ยวหวานมองซ้ายมองขวา และในที่สุดก็เจอผ้าสีขาวนวล

เมื่อลองนึกภาพคนผู้นั้นสวมผ้าสีนี้ก็คงจะเหมาะมากทีเดียว

นางยิ้ม ชี้ไปที่ผ้าผืนนั้นพลางกล่าวว่า “พี่ฝู เอาผ้าชิ้นนั้นมาให้ข้าเจ้าค่ะ”

พี่ฝูหยิบผ้าออกมาด้วยความประหลาดใจและเต็มไปด้วยความสงสัยพลางกล่าวกับกู้เสี่ยวหวานว่า “เสี่ยวหวาน ผ้านี้สกปรกง่าย ถ้าใส่ไปเรียนก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าใส่ทำงานที่บ้านมันจะสกปรก”

แม้พี่ฝูจะไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะทำเสื้อผ้าใหม่ให้น้องชายคนใด แต่ก็ต้องบอกกับนางให้ชัดเจน

แต่กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจ นางเลือกผ้าสีสว่างดั่งดวงพระจันทร์และผ้าสีน้ำเงินเข้ม

ในตอนที่พี่ฝูกำลังจะถามว่าจะให้ผู้ใดทำเสื้อผ้า กู้เสี่ยวหวานก็วิ่งออกไปอย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นก็ดึงใครบางคนเข้ามา

ชายผู้นั้นมีรูปร่างสูงและผอมเพรียว แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเขา พี่ฝูก็ประหลาดใจอย่างมาก

ชายผู้นี้มีใบหน้างดงามราวกับเทพเจ้า จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ตาเรียวยาวมีความหมายลึกซึ้งที่ผู้คนไม่อาจเข้าใจ เขามีลักษณะที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองข้ามได้ แม้ว่าเสื้อผ้าสีดำบนร่างกายของเขาจะเก่าแล้ว แต่เสื้อผ้าที่ปักด้วยดอกไม้สีเข้มนั้นอยู่เกินเอื้อมของคนทั่วไป

พี่ฝูก็ประหลาดใจอย่างมาก และต้องการถามว่าคนผู้นี้คือใคร

กู้เสี่ยวหวานก็พาชายคนนั้นมาหานางและกล่าวว่า “พี่ฝู ข้าจะทำชุดให้เขา ท่านช่วยวัดตัวให้เขาหน่อยเจ้าค่ะ”

“เขาคือ …” พี่ฝูมองคนที่เข้ามาที่เขาอีกครั้ง แต่นางไม่เคยเห็นกู้เสี่ยวหวานพาเขามาที่นี่

“พี่ฝู นี่คือพี่ชายคนใหม่ของข้า” กู้เสี่ยวหวานอธิบาย นางไม่ได้วางแผนที่จะปิดบังความจริงจากพี่ฝู อย่างไรก็ตามฉินเย่จือก็เป็นคนที่เข้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว