ตอนที่ 373 นำตงหยางก้าวไปข้างหน้า

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 373 นำตงหยางก้าวไปข้างหน้า

ตอนที่ 373 นำตงหยางก้าวไปข้างหน้า

หลังจากพูดประโยคนั้นจบ ไป๋เหล่าอี๋ก็โบกมือให้สือจื่อจิ้น “พ่อหนุ่ม มาให้ฉันเห็นใกล้ ๆ หน่อยสิ”

ร่างวิญญาณของสือจื่อจิ้นแข็งทื่อ

ซูเถากวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อพบว่าเริ่มมีสายตาจากคนรอบข้างจับจ้องมา เธอก็รีบพูดขึ้นทันที

“ครูไป๋คะ จู่ ๆ หนูก็รู้สึกกระหายน้ำ ขอรบกวนไปดื่มน้ำที่บ้านครูสักแก้วได้ไหมคะ?”

“โถ่ หนูก็น่าจะรีบบอก ทำเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ ขึ้นไปข้างบนกับฉันสิ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นะ ตั้งแต่เถาหยางได้เข้าครอบครองเขตซีซานของเราแล้ว เรื่องน้ำกินน้ำใช้สะดวกกว่าเดิมมากเลย หนูรู้ไหมว่าบ้านเก่าของฉันก๊อกน้ำน่ะชำรุดบ่อยมาก การใช้น้ำก็มีอย่างจำกัดอีกด้วย…” ไป๋เหล่าอี๋รีบพูด

หลังจากพูดคุย ซูเถาก็ได้ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสิบสอง

ต่อหนึ่งชั้นจะมีอยู่หกครัวเรือน ตอนที่ขึ้นมาเธอเห็นมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันทั่วระเบียงทางเดิน ซึ่งมีเด็กอยู่สองคนที่ซูเถาคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขา พวกเขาเป็นหลานชายและหลานสาวของไป๋เหล่าอี๋

ไป๋เหล่าอี๋ส่งเสียงเรียกหลานชายหลานสาวตัวเอง แต่แล้วเด็กทั้งสองก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นซูเถาอยู่ข้างหลัง “พี่เถาเหรอ?”

“พี่เถา พี่สวยขึ้นมากเลย” หลานสาวของไป๋เหล่าอี๋พูดโดยไม่ปิดบังความประหลาดใจ

เมื่อได้ยินแบบนี้ซูเถาก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา

อันที่จริงไม่ใช่ว่าเธอสวยขึ้น เพียงแต่เธอแค่กินดีอยู่ดี เลือดลมก็เลยไหลเวียนดี พาลให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอสวยขึ้น เพราะตอนที่เธออยู่บ้านครอบครัวซู เธอไม่สามารถกินอิ่มหรือนอนหลับได้สนิท อีกทั้งเธอยังต้องทำงานหนักมากมาย ไม่มีเวลาได้ดูแลตัวเอง

ไป๋เหล่าอี๋ส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ “เสี่ยวเถาเข้ามาข้างในก่อนสิ มาดูว่าการตกแต่งในบ้านเป็นยังไง หากพ่อแม่ของเราตั้งใจมุ่งมั่นทำงานและไม่สร้างปัญหา บ้านก็คงไม่ถูกยึดอย่างนี้หรอก”

หลังจากที่เธอพูดจบก็ถอนหายใจและส่ายหัว จากนั้นก็รินน้ำให้ซูเถา

หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นที่ค่อนข้างจะกว้างขวางตรงหน้า ภาพที่เห็นนี้ซ้อนทับกับภาพห้องนั่งเล่นที่มืดและคับแคบในบ้านของคุณครูไป๋ ภาพเหล่านั้นยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ

ในเวลานั้น ห้องนั่งเล่นในบ้านของไป๋เหล่าอี๋สามารถวางโต๊ะได้เพียงสองโต๊ะ โต๊ะหนึ่งใช้สำหรับวางของจิปาถะที่กองพะเนินเทินทึก และของมักจะหล่นลงมาจากด้านบนเนื่องจากการวางทับซ้อนกันที่มากเกินไป

ส่วนอีกโต๊ะใช้สำหรับให้เด็กไว้นั่งอ่านเขียน และกินข้าว นอกจากนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ

แต่ในห้องนั่งเล่นปัจจุบันนี้ ไม่ได้มีเพียงโซฟาผ้าและโต๊ะกาแฟที่มีคุณภาพที่ออกแบบอย่างสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีโต๊ะทำงานขนาดเล็ก 2 ตัวใกล้กับระเบียงอีกด้วย

ซูเถาก้าวเข้าไปด้านในสองก้าว และได้ยินไป๋เหล่าอี๋ที่อยู่ในครัวพูดขณะรินน้ำ

“จะว่าไปฉันก็ยังไม่ชินเลย เมื่อกี้ฉันกำลังจะก้มตักน้ำในถังที่วางอยู่ใต้ตู้ เกือบลืมว่าตอนนี้สามารถดื่มน้ำประปาได้แล้ว”

ไป๋เหล่าอี๋ยื่นแก้วน้ำให้ซูเถา “ดื่มได้เลยนะ น้ำของเถาหยางผ่านเกณฑ์ ไม่มีกลิ่นแปลก ๆ และไม่ทำให้ฝืดคอ”

ขณะที่เธอพูดนั้น ไป๋เหล่าอี๋ก็หยิบจานใบเล็กอีกใบออกมาจากห้องครัวพร้อมกับสตรอว์เบอร์รีสองลูก

จากนั้นเธอก็มาคะยั้นคะยอซูเถา “รีบกินเข้าสิ อย่าให้เด็กสองคนข้างนอกเห็นเชียวนะ ตอนนี้การดำรงชีวิตดีขึ้นมาก ถ้าเป็นเมื่อครึ่งปีก่อนไม่มีผลไม้กินด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สามารถซื้อได้ด้วยเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่ามันถูกปลูกในพื้นที่เพาะปลูกของเถาหยาง หากคนที่อยู่นอกฐานต้องการกิน พวกเขาจะไม่สามารถซื้อได้”

ภายใต้สายตาที่ใจดีของไป๋เหล่าอี๋ ซูเถาจึงหยิบสตรอว์เบอร์รีเข้าปาก มันหวานกว่าในเถาหยางเสียอีก และมันก็หวานชื่นใจมาก

“ครูไป๋ ครูชอบบ้านหลังนี้ไหมคะ”

“ยังต้องตอบอีกเหรอ! ฉันไม่เคยกล้าคิดมาก่อนว่าจะได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ดูสิ วิวที่นี่สวยมาก ฉันเดาว่าฉางจิงก็คงไม่มีบ้านที่ดีขนาดนี้”

ไป๋เหล่าอี๋เปิดม่านห้องนั่งเล่น ภาพด้านนอกเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สว่างไสว ราวกับว่าดวงดาวทุกดวงส่องแสงด้วยความหวัง

“ดีใจที่ครูชอบนะคะ” ซูเถาเม้มปากแล้วยิ้ม

ไป๋เหล่าอี๋มองดูเธอกินเสร็จด้วยความพอใจ และพูดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ต่อบราวนี่ออนไลน์

“บ้านเก่าของฉันทรุดโทรมมาก ใครจะรู้ว่าหลังจากทางหน่วยงานสัญญาว่าจะเปลี่ยนบ้านหลังใหม่ให้หลังการรื้อถอน ตอนแรกฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องโกหก และฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อยู่ในที่แบบนี้จริง ๆ แต่นั่นเป็นเพราะเถ้าแก่ของเถาหยางมีความสามารถและใจกว้าง เถาหยางพัฒนาแล้ว เธอก็ไม่ลืมที่จะนำตงหยางก้าวหน้าไปด้วยกัน”

หลังจากพูดจบก็เอ่ยถามซูเถา “ที่ผ่านมาหนูอยู่ที่ตงหยางตลอดเลยหรือเปล่า หรือว่าย้ายไปอาศัยที่ฐานอื่นแล้ว? ก่อนหน้านี้ฉันถามแม่ของหนู คำพูดที่พูดออกมาไม่น่าฟังสักนิด เธอเอาแต่พูดว่าหนูหนีไปกับผู้ชายคนหนึ่งและไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี”

“หนูไม่ได้ไปอยู่ที่ฐานอื่นหรอกค่ะ ในเวลานั้นพวกเขาต้องการให้หนูเข้าร่วมกองทัพแทนเจียงจิ่นเวย แต่ว่าหนูไม่ยอม หนูก็เลยย้ายออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวค่ะ ไม่มีเรื่องการหนีตามผู้ชายอะไรทำนองนั้นหรอกค่ะ” ซูเถาส่ายหัวอย่างอับจนหนทาง

ไป๋เหล่าอี๋ตบต้นขาของตัวเองแล้วจ้องมองไปที่ซูเถา “หลี่หรงเหลียนพูดจาไร้สาระเกินไปแล้ว! มันจะมีคนดี ๆ ที่ไหนที่พูดจาใส่ร้ายลูกตัวเองให้เพื่อนบ้านเข้าใจผิด? ตอนนี้เห็นว่าอาการของเธอดีขึ้นมาก แต่พระเจ้าก็คงตาสว่างแล้ว ชีวิตของเธอหลังจากนี้คงเลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย นี่แหละคือผลกรรม”

“ครูคะ ไม่ต้องพูดถึงเธอแล้วล่ะค่ะ หนูได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวซูแล้ว ตอนนี้หนูมีชีวิตที่ดีจริง ๆ แม้ว่าตอนนี้หนูต้องทำงานอย่างหนักและยุ่งทุกวัน แต่หนูก็รู้สึกมีแรงผลักดันและมีแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าชีวิตของครูกำลังดีขึ้น…” ซูเถากล่าว

ไป๋เหล่าอี๋พยักหน้า “ใช่ คิดถูกแล้วแหละที่ตัดความสัมพันธ์ไปน่ะ สามีของหนูปฏิบัติต่อหนูเป็นอย่างดีใช่ไหม ใช้ชีวิตอยู่กับเขาอย่างมีความสุขเถอะ ในอนาคตตงหยางก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หนูสามารถกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านในเขตซีซานได้นะ ชีวิตของหนูจะสงบสุขและมั่นคง หรืออาจจะมีลูกสักคน อ้าว ทำไมพ่อหนุ่มคนนั้นไม่ขึ้นมานั่งพักกับหนูที่นี่ล่ะ?”

“พอดีเขามีธุระน่ะค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะครูไป๋ ที่เขาไม่ได้เข้ามาทักทายครู” ซูเถาพูดด้วยความลำบากใจเล็กน้อย

ไป๋เหล่าอี๋โบกมือ “ไม่ต้องคิดมาก ฉันแค่อยากจะพูดกับเขาสองสามคำ อยากดูว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นยังไง”

ไป๋เหล่าอี๋และซูเถาพูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นซูเถาจึงกล่าวอำลา ก่อนจากไป ซูเถาก็บอกไป๋เหล่าอี๋ว่าเถาหยางกำลังรับสมัครครูโรงเรียนประถม

“ฉันอายุจะ 60 แล้วนะ ใครจะอยากจ้างไปเป็นครูล่ะ?” ไป๋เหล่าอี๋ยิ้มและส่ายหัว

“แต่ครูมีประสบการณ์ ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ?” ซูเถากล่าว

เด็กที่เซิ่งอวี๋หลันต้องรับผิดชอบก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ถือว่ากำลังขาดแคลนครู ถ้าไม่ใช่ว่ากลัวไป๋เหล่าอี๋ตกใจ เธอคงจะพาไปที่เถาหยางเสียวันนี้เลย

ไป๋เหล่าอี๋ไม่มีความมั่นใจเป็นอย่างมาก

“ในวันสิ้นโลกแบบนี้ คนวัยฉันน่ะไม่มีค่าขนาดนั้นหรอก เถาหยางเป็นสถานที่ที่ดี สามารถจ้างครูที่อายุน้อยและมีประสบการณ์ได้ ฉันคงไม่เหมาะหรอก ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงฉัน รีบกลับบ้านเถอะ นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวฉันไปส่งด้านล่าง”

เมื่อเราลงไปข้างล่าง ไป๋เหล่าวอี๋ยังคงรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะแยกทางกับเธอ

“เสี่ยวเถา ฉันน่ะเฝ้าดูหนูเติบโตมา เห็นหนูเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง ถ้ามีเวลาก็มาหาฉันที่เขตซีซานนะ แต่ไม่ต้องมาบ่อยหรอก แค่มาปีละครั้งหรือสองครั้งก็พอ ฉันแค่อยากรู้ว่าหนูยังสบายดีเท่านั้น”

————————-