ตอนที่ 374 ฤดูหนาวมาอย่างกะทันหัน

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 374 ฤดูหนาวมาอย่างกะทันหัน

ตอนที่ 374 ฤดูหนาวมาอย่างกะทันหัน

ซูเถารู้สึกผิดมากกับเรื่องนี้ เธออาศัยอยู่ที่เถาหยางมาแล้วครึ่งปี เดิมทีเคยคิดว่าจะกลับมาเยี่ยมคุณครูไป๋ แต่ว่าเธอต่อต้านครอบครัวซูจริง ๆ

เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวเดิม และโบกมือลาตัวเองในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แต่กลับลืมไปว่ายังมีใครบางคนที่ควรค่าแก่ความทรงจำของเธอ

“หนูจะกลับมาค่ะ ครูไป๋ อีกไม่นานหนูจะกลับมาที่นี่อีก” ซูเถาพยักหน้าอย่างแรง

เมื่อเห็นซูเถาเดินจากไป ไป๋เหล่าอี๋ก็ยังรู้สึกสะเทือนใจ ซูเถาเป็นเด็กดีที่เกิดมาในสภาพครอบครัวที่ย่ำแย่

“ไป๋เหล่าอี๋ นั่นคือลูกสาวคนเล็กของครอบครัวซูหรือเปล่า” เพื่อนบ้านอีกคนที่จำซูเถาได้ปรี่เข้ามาถาม

ไป๋เหล่าอี๋ตอบรับในลำคอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้

ในขณะที่เพื่อนบ้านคนนั้นกำลังจะถามว่าเธอกลับมาขอบ้านพ่อแม่ของเธอคืนหรือเปล่า เพราะตอนนี้ที่อยู่อาศัยในเขตซีซานกำลังเป็นที่ต้องการ

แต่ก็ได้แค่คิด เพราะเธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามด้วยซ้ำ รถตู้คันหนึ่งก็หยุดลงในระยะไกล จากนั้นร่างที่คุ้นเคยก็ก้าวลงมาจากรถอย่างรีบร้อน พร้อมกับกล่าวทักทายซูเถาอย่างสุภาพ จากนั้นเขาก็เปิดประตูแล้วเชิญเธอขึ้นรถ

มีบางคนตั้งคำถามด้วยความประหลาดใจว่า “หัวหน้าเขตเซี่ยเหรอ ดึกดื่นขนาดนี้แล้วเขาก็ยังมาดูเขตซีซานด้วยตัวเองเหรอ? แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใครน่ะ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเหมือนกัน”

“ตอนกลางคืนแบบนี้มองอะไรก็ไม่ค่อยถนัด แต่เหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นยังเด็กอยู่เลย คงเป็นลูกสาวของหัวหน้าเขตเซี่ยมั้ง”

……

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง และหันหน้าขวับไปมองไป๋เหล่าอี๋ แต่ไป๋เหล่าอี๋กลับหมุนกายเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งเพื่อนบ้านที่เกิดความสงสัยไว้ตรงนั้น

เด็กหญิงที่ดูเหมือนจะไม่มีอนาคตมากที่สุดของครอบครัวซู จะไปรู้จักกับหัวหน้าเขตเซี่ยได้ยังไง อีกทั้งหัวหน้าเขตเซี่ยยังมีท่าเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ?

……

ในขณะเดียวกัน หลิงเทียนจี้และจั๋วเอ่อร์เฉิงจากซินตูหลังจากเดินทางมาหลายวันก็มาถึงตงหยางแล้ว ภารกิจเดียวที่พวกเขาตั้งใจมาที่นี่คือเพื่อเกลี้ยกล่อมเถาหยางให้ลดราคาของเสบียงลง เพราะว่าตอนนี้ราคาของเสบียงนั้นสูงมาก

หากว่าต้องการซื้อของจำนวนมากเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ก็ต้องชำระเพิ่มด้วยผลึกนิวเคลียส เช่น ซื้อน้ำได้ครั้งละ 50 ลัง หากต้องการซื้อมากกว่านั้นก็ต้องชำระด้วยผลึกนิวเคลียส 1 อันต่อน้ำ 100 ลัง และซื้อได้ทุก ๆ สามเดือนเท่านั้น!

ฐานใหญ่ขนาดนี้ น้ำ 50 ลังมันจะไปพอได้ยังไง?! ไหนจะต้องเอาผลึกนิวเคลียสมาแลกอีก

หากซื้อตามปริมาณปกติ จะต้องใช้ผลึกนิวเคลียสหลายพันอันเพื่อซื้อน้ำเพียงอย่างเดียว ส่วนเสบียงอื่น ๆ ก็จะมีการคำนวณต่างหาก

มันทำให้ฐานทางใต้ที่ไม่ร่ำรวยยิ่งแย่ลงไปอีก

หลิงเทียนจี้ถอดแว่นและเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก จากนั้นก็ใส่แว่นกลับเข้าไปใหม่ ทันใดนั้นก็มองเห็นผ่านกระจกรถว่ามีอาคารสูงหลายแห่งทางเขตซีซานของตงหยางในระยะไกล ซึ่งเป็นอาคารสูงตระหง่านในตอนกลางคืน ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ

เขาถามจั๋วเอ่อร์เฉิงที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยความงุนงง “เอ่อร์เฉิง ตงหยางสร้างอาคารสูงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

จั๋วเอ่อร์เฉิงขอให้คนขับหยุดรถ จากนั้นก็ก้าวลงจากรถและมองผ่านกล้องส่องทางไกล อาคารต่าง ๆ ก็ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขาราวกับเข็มปลายแหลม

“เป็นไปได้มากว่าเถาหยางเป็นผู้สนับสนุนการก่อสร้างตงหยาง ไม่เช่นนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสร้างอาคารสูงอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้” เขาวางกล้องส่องทางไกลลง

เมื่อหลิงเทียนจี้ได้ยินดังนั้นเขาก็หายใจติดขัดเหมือนโดนบีบรัดที่ลำคอ

“ตงหยางโชคดีจริง ๆ …ทำไมพวกเราในซินตูถึงไม่มีโชคแบบนี้บ้าง ทำไมเราถึงไม่เจอธนาคารเลือดอย่างเถาหยาง”

จั๋วเอ่อร์เฉิงคร้านจะคุยกับอีกฝ่าย เขาจึงกลับไปที่รถพลางนวดขมับตนเองและครุ่นคิดอยู่นาน หรือว่าเขาควรที่จะยอมแพ้

เขากำลังคิดว่าตอนนี้สายเกินไปที่จะเปลี่ยนงานหรือไม่?

หัวน้าเขตเซี่ยขับรถพาซูเถากลับไปที่เถาหยาง เมื่อมีคนมารายงานเขาว่า มีคนที่เขตซีซานจำซูเถาได้ เขาจึงรีบขับรถไปหาเธอทันที

เขาต้องคอยมาอำนวยความสะดวกต่อเธอ

ส่วนรถจี๊ปของซูเถา ก็ได้รับการจัดการโดยให้คนขับไปให้เธอที่เถาหยางในเช้าวันรุ่งขึ้น ซึ่งถือว่ามีน้ำใจมาก

แม้ว่าคืนนี้จะเป็นอีกวันที่นอนดึก แต่ซูเถารู้สึกว่ามันคุ้มค่า และค่ำคืนนั้นเธอก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

ในขณะที่สือจื่อจิ้นลอยกลับมาคนเดียว เดิมทีอยากจะนอนกับเธอสักพัก แต่เมื่อเขากลับมาก็เห็นเธอกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝันอันแสนหวาน ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้

เป็นอีกคืนที่เขากลายร่างเป็นวิญญาณผู้โดดเดี่ยว

ซูเถาตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปประชุมที่ตงหยาง แต่ทันทีที่เธอออกจากประตูเขตเถาหยาง อากาศหนาวเย็นอันน่าสะพรึงกลัวก็ปะทะใส่ร่างกาย ทำให้เธอถอยหลังกลับไปและซ่อนตัวอยู่ในความอบอุ่นของเถาหยาง

เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมข้างนอกถึงหนาวจัง

ผู้เช่าที่กำลังจะไปทำงานในตงหยางก็กลับเข้ามาทีละคน ทุกคนต่างมองไปข้างนอกด้วยความประหลาดใจ

แผนกรักษาความปลอดภัยภายใต้คำสั่งของชีอวิ๋นหลันได้ออกประกาศอย่างทันท่วงทีว่า ฉางจิงประกาศเตือนว่าฤดูหนาวมาถึงก่อนกำหนดในกลางดึกของคืนที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ความถี่ของการปรากฏตัวของซอมบี้ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องเตรียมการในทุกด้านเพื่อป้องกันศัตรู

หลังจากอ่านประกาศแล้วหัวคิ้วของซูเถาก็ขมวดเข้าหากัน เธอมองออกไปข้างนอกอย่างงุนงง จู่ ๆ อุณหภูมิก็ลดลงเหลือ 8 องศา

อุณหภูมิสูงสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ 42 องศา

มันลงลงมากขนาดนี้ได้ยังไง

เสิ่นเวิ่นเฉิงรีบวิ่งออกไปสัมผัสอากาศเย็น จากนั้นเขาก็หดตัวด้วยความหนาวแล้วกระชับเสื้อที่ใส่อยู่ พูดกับซูเถา “ตอนนี้สภาพอากาศปั่นป่วนไปหมด ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะค่อย ๆ ลดลง เช่นเดียวกับในครึ่งปีแรกที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อครึ่งปีหลังไปถึงต้นปีหน้าจะมีอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษ”

“ฉันจะกลับไปใส่เสื้อผ้าเพิ่ม” ซูเถาตัวสั่น

ผู้เช่ารอบ ๆ ที่กำลังจะไปทำงานก็รีบกลับบ้านเพื่อหาเสื้อผ้าหนา ๆ ใส่

ออกจากอุณหภูมิคงที่ของเถาหยางไปข้างนอกที่เกือบจะกลายเป็นฤดูหนาว หากไม่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างเหมาะสมอาจได้หนาวตาย

กลุ่มของหลิงเทียนจี้และจั๋วเอ่อร์เฉิงก็แทบจะหนาวตายเช่นเดียวกัน

ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเถาหยาง พวกเขาไม่ทราบว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ที่อยู่ ๆ อุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหัน ตอนนี้พวกเขาสวมเพียงกางเกงขาสั้นเสื้อแขนสั้นเท่านั้น แม้แต่หลิงเทียนจี้ก็ยังสวมเสื้อกล้าม

ทุกคนต่างก็ควานเอาเสื้อผ้าที่ตัวเองเตรียมมาสวมใส่ทับ แต่ก็ยังไม่อาจคลายความหนาวได้

หน่วยรักษาความปลอดภัยตงหยางก็สวมเสื้อโคตหนา ๆ เมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดริมฝีปากเริ่มม่วงคล้ำจากความหนาวเย็น หลังจากตรวจสอบบัตรประจำตัวแล้วจึงรีบปล่อยให้พวกเขาเข้าไปด้านในและเตือนพวกเขาด้วยความหวังดี

“ไปที่เขตซีซานก่อน ที่นั่นมีโดมป้องกันและอุณหภูมิเหมาะสม”

————————-