ตอนที่ 376 หลิงเทียนจี้ล้มป่วย
ตอนที่ 376 หลิงเทียนจี้ล้มป่วย
“นาย นาย…” หลิงเทียนจี้ชี้ไปที่เขา
จากนั้นเขาก็จามอีกหนึ่งครั้ง
ซูเถาอดไม่ได้ที่ถอยห่างออกไปเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะถูกน้ำลายของเขากระเด็นใส่
“คุณหลิง ผมรู้ สิ่งที่คุณอยากจะบอกผมได้พูดไปหมดแล้ว ว่านี่คือความจริงใจของเราที่อยากจะมอบให้เถาหยาง” จั๋วเอ่อร์เฉิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ในบ่ายวันนั้นซูเถาก็ได้เห็นอาวุธเหล่านั้น ซึ่งพวกมันถูกบรรจุไว้ในท้ายรถของฐานซินตูหลายคัน อาจมีปืนไรเฟิลมากกว่าร้อยกระบอก และกระสุนขนาดใหญ่สองกล่อง
เธอไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ จึงโทรหาเหล่าอวี๋ผอเพื่อตรวจสอบ
เหล่าอวี๋ผอหยิบขึ้นมาดูและโยนมันกลับด้วยความไม่พอใจ “พวกต้มตุ๋น นี่คือพวกอาวุธถูกคัดทิ้งทั้งนั้น ใช้ไม่ได้”
ซูเถาเม้มปากและกำลังจะบอกว่าเธอควรหาที่ทิ้ง แต่แล้วเหล่าอวี๋ผอก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“แต่มันก็น่าจะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ได้ น่าจะไม่แย่กว่าพวกปืนไรเฟิลในปัจจุบัน ให้คนช่วยกันขนไปที่ห้องทำงานของฉันหน่อย”
ซูเถากลืนคำพูดสุดท้ายและรีบหาคนมาลากของไปให้เธอ
ไม่รู้เป็นเพราะว่าหลิงเทียนจี้ร่างกายอ่อนแอเกินไปหรือเป็นเพราะว่าเขาโกรธจั๋วเอ่อร์เฉิงมากจนจู่ ๆ เขาก็ป่วยหนัก คืนนั้นเขาเป็นหวัดและมีไข้สูง ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่คลินิกเถาหยาง
เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะเดินทางกลับ แต่กลับต้องอยู่ต่อที่นี่
บอดี้การ์ดที่มาด้วยกันปากก็บอกว่าพวกเขาเป็นห่วงผู้นำของพวกเขา แต่เมื่อออกจากคลินิก พวกเขาก็กลับมีความคิดที่ว่าหลิงเทียนจี้ควรป่วยให้นาน ๆ หน่อย เพราะว่าในวันที่อากาศหนาวเย็นแบบนี้ พวกเขาต้องการที่จะอาศัยอยู่ในเถาหยางนานขึ้นอีกนิด ซึ่งมันยากเกินไปที่จะเดินทางกลับในวันที่มีอากาศหนาวเย็น
ซูเถาก็ไปเยี่ยมเขาพอเป็นพิธี เมื่อเห็นว่าหลิงเทียนจี้ดูเหมือนจะป่วยจริง ๆ และไม่ได้เสแสร้ง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และอุณหภูมิร่างกายของเขายังคงสูงอยู่ที่ 40 องศา จึงอดไม่ได้ที่จะถามจงเกาอี้
“เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ เพียงแค่เจอลมหนาวก็ทำให้เขาล้มป่วยได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ร่างกายของเขามีบาดแผลเก่าที่ร้ายแรง สาเหตุหลักของโรคเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เนื่องจากอุณหภูมิลดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ร่างกายของเขาปั่นป่วนเนื่องจากเจออากาศร้อนและเย็นสลับกัน ตอนนี้ทำได้เพียงหาวิธีลดอุณหภูมิร่างกายของเขาลง ผมให้เฉินซีไปที่โรงพยาบาลตงหยางเพื่อซื้อยาลดไข้มาแล้ว คืนนี้ติดตามอาการเขาอีกที” จงเกาอี้กล่าว
ซูเถาพยักหน้าและออกจากคลินิก จั๋วเอ่อร์เฉิงที่รออยู่ที่ประตูก็รีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “คุณซู ไม่สิ ผมควรเรียกคุณว่าเถ้าแก่ซู”
“รองจั๋ว มีเรื่องอะไรคุณพูดออกมาตรง ๆ ดีกว่านะคะ” ซูเถามองไปที่เขา
จั๋วเอ่อร์เฉิงถึงกับเอ่ยปากขอโทษ “ผมขอโทษที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ตรวจสอบเรื่องครอบครัวของคุณอย่างถี่ถ้วน ผมเป็นคนขอให้เจียงจิ่นเวยกลับไปสานสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องกับคุณ แต่แล้วมันก็เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้น ตอนนี้ผมเลิกกับเธอแล้ว และตัดขาดการติดต่อกันอย่างสิ้นเชิง”
“พวกคุณเลิกกันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ คุณไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับฉันก็ได้ ฉันได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวนั้นแล้ว มันไม่มีคำว่า ‘ครอบครัวของคุณ’ อะไรทั้งนั้น” ซูเถากล่าว
จั๋วเอ่อร์เฉิงลูบคิ้ว และรู้ว่าตัวเองพูดผิดไปจากนั้นเขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง
“จริง ๆ แล้วหลิงเทียนจี้ต้องการมาขอลดราคาเสบียงลง และอยากที่จะใช้อาวุธเหล่านี้แลกกับการลดราคา มันเป็นความคิดของผมเอง มันเลยทำให้เขาโกรธจนล้มป่วยแบบนี้”
ซูเถามองเขาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมรองจั๋วถึงทำแบบนี้”
“ผมได้บอกเหตุผลกับเขาไปแล้ว ผมต้องการสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเถาหยาง ผมมองจากสถานการณ์แล้ว ไม่ว่าพื้นที่ทางเหนือ ทางใต้ หรือแม้กระทั่งแนวชายฝั่ง มีเพียงเถาหยางเท่านั้นที่สามารถจ่ายเสบียงได้มากมายขนาดนี้ แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็สามารถทำให้คุณแข็งแกร่งได้ในสักวันหนึ่ง ผมไม่อยากที่จะทำให้คุณขุ่นเคือง”
ซูเถาอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมเขา “ทีเรื่องแบบนี้คุณมองขาดเชียวนะ แต่ทำไมกับเรื่องผู้หญิงคุณถึงแยกแยะไม่ได้กัน”
จั๋วเอ่อร์เฉิงรู้สึกอายเล็กน้อย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดกับตัวเองว่า “ผู้ชายมักจะตาบอดในที่ที่คาดไม่ถึง ยกโทษให้ผมด้วย”บราวนี่ออนไลน์
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันไม่ได้ถือสาอะไรคุณหรอก แต่คุณต้องคิดว่าเมื่อคุณหลิงฟื้นขึ้น คุณจะอธิบายให้เขาฟังยังไงและจะอธิบายกับซินตูยังไง” ซูเถาหัวเราะ
“หากคำอธิบายของผมมันไม่มีประโยชน์ แย่ที่สุดผมก็แค่กลับไปที่ฉางจิงแล้วพึ่งพาที่บ้าน แต่ก็จะดีกว่านี้หากว่าเถ้าแก่ซูจะรับผมไว้พิจารณา” จั๋วเอ่อร์เฉิงยักไหล่
“แสดงว่าที่ครั้งนี้คุณเดินทางมากับหลิงเทียนจี้ เพราะคุณต้องการเป็นคนทรยศหรอกเหรอ” ซูเถาเอ่ย
“คนเราก็ควรพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอยู่เสมอไม่ใช่เหรอ” จั๋วเอ่อร์เฉิง
“คุณควรกลับไปที่ฉางจิง” ซูเถาปฏิเสธ
จั๋วเอ่อร์เฉิงไม่เข้าใจ การที่พี่สาวไร้สมองสร้างปัญหาให้เธอเพียงเล็กน้อย ทำให้เธอรังเกียจเขาถึงขนาดนี้เลยเหรอ
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
“เถ้าแก่ซูไม่พิจารณาผมหน่อยเหรอ คุณอย่าตัดสินผมเพียงเพราะเรื่องส่วนตัวสิ ผมมีความสามารถและประสบการณ์การบริหารมากมาย อีกอย่างผมมีคอนเนคชั่นที่ฉางจิงนะ…”
“ถ้างั้นคุณก็ไปจัดการปัญหาชีวิตส่วนตัวของคุณให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ตอนนี้ฉันไม่ว่าง ถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็ไปติดต่อผู้จัดการจวงได้เลย” ซูเถา
เธอรอจนถึงเวลาฟ้ามืด จึงบอกเล่าเรื่องของซินตูให้สือจื่อจิ้นฟัง แต่ความสนใจของสือจื่อจิ้นกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“คนแซ่จั๋วคิดจะมาเกาะคุณหรือไง”
“ก่อนที่คุณจะพูดออกมา คุณคิดหรือยัง” ซูเถาแทบจะพ่นน้ำออกมา
หลังจากที่เขากลายเป็นร่างวิญญาณ เขาก็พูดมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีแม้แต่ความละอายใจใด ๆ
“แล้วมันไม่จริงเหรอ ผมกำลังพูดถึงตรรกะให้คุณฟังอยู่นะ คุณน่ะดีกว่าผู้หญิงที่เขาเคยคบมา คุณยังสาวและสวย แถมยังรวยและมีอำนาจ ในด้านการวิเคราะห์สถานการณ์ จั๋วเอ่อร์เฉิงค่อนข้างถนัด การที่เขามาหาคุณน่ะ เป็นเพราะเขาต้องการหาทางลัด เขาต้องมีแผนการไม่ดีแน่ ๆ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ขอให้หลิงอวี่ปิดทีวี
ทำไมมองไปทางไหนเขาก็เจอแต่หัวขโมย
หัวขโมยคนเก่าก็มีถึงสองคน แล้วนี่ยังจะมาเพิ่มอีกคนเหรอ
ถ้าซูเถาสัมผัสผู้ชายคนนี้ได้ เธอคงอยากที่จะจับไหล่ของเขาแล้วเขย่าเพื่อปลุกเขาอย่างแน่นอน
“บทสนทนาจบลงแล้ว ไปนอนไป”
สือจื่อจิ้นทำได้แค่เฝ้าดูเธอกลับไปที่ห้องนอนโดยไม่สามารถรั้งไว้ได้
เขาอยากจะตามเธอเข้าไป แต่เธอก็โผล่ศีรษะออกมาเพื่อย้ำเตือนเขา “หยุดอยู่ตรงนั้น นี่คือเขตหวงห้าม กรุณามีสามัญสำนึกด้วย”
สือจื่อจิ้นไม่กล้าที่จะข้ามเขตแดนอีกต่อไป และยืนนิ่งไม่ไหวติงอย่างเชื่อฟัง
เมื่อเห็นเธอปิดประตู เขาก็ลอยไปมาในห้องอยู่สองรอบ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเกาะประตูแล้วถามว่า “แล้วพรุ่งนี้คุณยังยุ่งอยู่ไหม รีบกลับมาแล้วคุยกับผมสักสองประโยคได้ไหม?”
“ยังมีที่ดินอีก 5,000 ตารางเมตรที่รอให้ฉันสร้าง คุณไปคุยกับหลินฟางจือเพื่อฆ่าเวลาก่อนได้” ซูเถาตอบ
“…” หลินฟางจือที่เพิ่งกลับมาจากการทำงาน
สือจื่อจิ้นมองไปที่เขา
หลินฟางจือเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้วงมิติและผล็อยหลับไป
วันนี้เขาเหนื่อยมาก เอาไว้วันหลังแล้วกันนะ
ซูเถาเอนกายพิงเกาอี้ด้านหลัง ใช้มือลูบศีรษะแล้วถามว่า “พี่เผย การซ่อมแซมกำแพงเมืองในเขตซีซานเป็นยังไงบ้างคะ”
การเริ่มก่อผนังปูนก็ไม่น่าจะมีอะไรคืบหน้ามากนัก
ซูเถาถามและเปิดระบบเพื่อตรวจสอบร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ป้องกันและสิ่งก่อสร้าง
ไม่เพียงมีกำแพงไฟฟ้าแรงสูงเท่านั้น แต่ยังมีกระจกกันกระสุน อุปกรณ์ตรวจจับควันไฟ ถังดับเพลิง และกล้องวงจรปิดที่เธอต้องการ
โดยกำแพงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าแรงสูงนั้นเป็นรุ่นเดียวกับเถาหยางมีราคาเพียง 50 เหลียนปังต่อหนึ่งเมตรซึ่งราคาถูกจนน่าตกใจ
ซูเถาคำนวณคร่าว ๆ ตามพื้นที่ของตงหยาง…ให้ตายเถอะ เธอเอาความคิดก่อนหน้านี้ของเธอกลับคืนมาได้ไหม
ในการสร้างกำแพงล้อมรอบตงหยาง ตีราคาทั้งหมดนั้นต้องใช้เงินมากกว่าหนึ่งล้านเหลียนปัง
“สร้างได้เพียงหนึ่งในหกเท่านั้น และตอนนี้งานก็หยุดลงแล้ว เพราะวัสดุการก่อสร้างหมดลง ต้องรอกัปตันสือกลับมาจัดการเรื่องนี้” เผยตงเผยสีหน้าอันแสนเศร้าออกมา