บทที่ 311 เผาไหม้ตนเองเพื่อนางสนมแสนรัก

ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี

บทที่ 311 เผาไหม้ตนเองเพื่อนางสนมแสนรัก
บทที่ 311 เผาไหม้ตนเองเพื่อนางสนมแสนรัก

ตามคำพิพากษาของยมโลก ไป๋ลี่เป็นจักรพรรดิเซียนองค์แรกแห่งแดนเซียน… จักรพรรดิเซียนองค์แรกตายลงแล้ว

วิญญาณของเขาออกจากร่างมาหลายหมื่นปีแล้ว กระทั่งร่างกายก็มีจิตสำนึกใหม่เพิ่มขึ้น แม้ยังไม่สิ้นลม แต่หากมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปก็ย่อมนำมาซึ่งปัญหา

จิตสำนึกอื่นที่ดำรงอยู่ภายในจะไม่แข็งกระด้าง และมักซ่อนอยู่ภายในร่างกายนั้น เมื่อเวลาผ่านไป จิตสำนึกนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นอันตรายอันใหญ่ยิ่งที่ซ่อนอยู่ วิธีที่ดีที่สุดคือการตัดสินความตาย ขัดเกลาเนื้อหนังและจิตสำนึกร่วมกัน

ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย หากวิญญาณของคนธรรมดาออกจากร่างไปสามวันแล้วไม่กลับมา ยมโลกจะตัดสินความตายให้กับบุคคลนั้น กักขังวิญญาณและทิ้งร่างไว้นับหมื่นปีเช่นเดียวกับไป๋ลี่ ทุก ๆ สองถึงสามทศวรรษ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จะถูกมอบหมายให้ดูแลร่างของเขา ดังนั้นเมื่อเด็กหนุ่มกลับมา ร่างของเขาจึงยังคงเดิม ไม่บุบสลายแม้เพียงนิด ยังคงเป็นจักรพรรดิเซียนผมยาวดังเคย…

หลังได้ยินคำพูดของไป๋ชิวหราน ไป๋ลี่ก็ยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะกล่าว

“ศิษย์ทราบแล้ว”

เขาเป็นจักรพรรดิเซียนคนแรก และวิญญาณก็ถูกแยกออกจากร่างกายเพราะเขาปกป้องโลกแห่งสวรรค์ ตามความรักและสถานะของมนุษย์ เขาควรจะหลีกเลี่ยงความตายได้ แต่ไป๋ลี่รู้ดีว่ากฎของสังสารวัฏแห่งการเกิดและตายไม่อาจบิดเบือนได้ เพราะเป็นจักรพรรดิเซียนองค์แรก และต้องเป็นแบบอย่างแก่ผู้ฝึกตนตนและเหล่าเซียนในโลกแห่งสวรรค์

จักรพรรดินีเหลียน จักรพรรดิเซียนกลาง และเซียนหงเฉินเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างไป๋ชิวหรานและไป๋ลี่ แม้พวกเขาจะเป็นกังวล แต่กลับยังคงไม่กล่าวสิ่งใด

“โอ้ จงอย่าขยาด ด้วยจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิเซียนเช่นเจ้า แม้ต้องดื่มน้ำเบญจรสแปดถ้วย หรือพลังสูงสุดของการกลับชาติมาเกิดทั้งหก ความทรงจำก็จะไม่สูญหาย เจ้าเป็นคนมีบุญมาก ไม่ว่าจะกลับชาติมาเกิดอย่างไร ก็จะไม่ไปเกิดใหม่ในดินแดนอื่น”

ไป๋ชิวหรานตบไหล่และกล่าวปลอบ

“เมื่อถึงเวลา เจ้าจะกลับชาติมาเกิด หากไม่ฝึกฝนให้กลับสู่ขอบเขตแห่งจักรพรรดิเซียนภายในหนึ่งพันปี เจ้าจะทำให้ข้าอับอาย”

ท่านคิดว่าตนคู่ควรหรือ?

ไป๋ลี่ก่นด่าอาจารย์ของเขาที่ยังไม่สามารถสร้างรากฐานมั่นคงได้… เขาเพียงแต่ไม่กล้ากล่าวออกมา

“ข้าทราบแล้ว”

ไป๋ชิวหรานก้าวออกไป ปล่อยให้เด็กหนุ่มมองเห็นจักรพรรดินีเหลียนที่ร่ำไห้อยู่ด้านหลัง

“ไม่ได้พบกันเสียนาน จงไปหาภรรยาและลูกศิษย์ของเจ้าเถิด”

ก่อนที่ไป๋ลี่จะเข้ามาใกล้ จักรพรรดินีเหลียนก็พุ่งเข้าหาเขาทันที

“ฝ่าบาท”

“เสี่ยวเหลียน…”

สามีและภรรยาโอบกอดกันซึ่งทำให้เซียนหงเฉินรู้สึกอึดอัดใจ

ไป๋ชิวหรานเพิกเฉยต่อการแสดงความรักของทั้งคู่ และเดินตรงกลับไปยังเรือหุ้มเกราะ

ในโลกเซียน จักรพรรดิภูตผีที่นั่งอยู่ในวิหารจักรพรรดิภูตผีได้ลุกขึ้นและเดินออกจากวิหารไป

เขามายังสามมหาคฤหาสน์เพื่อพบกับมหาเซียนเลี่ยที่กำลังจัดการเรื่องต่าง ๆ

มหาเซียนเลี่ยประหลาดใจต่อการเดินทางมาเยี่ยมเยียนของเขาอย่างมาก แต่ก็รีบทำการต้อนรับทันที

“เหตุใดวันนี้ท่านถึงทรงงานด้วยตนเอง? หากเกิดเรื่องใดขึ้น ท่านสามารถส่งคนมาเรียกข้าที่สามมหาคฤหาสน์แห่งนี้ได้”

มหาเซียนเลี่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมให้การต้อนรับจักรพรรดิภูตผี และเชิญเขาไปยังที่นั่ง

เป็นที่ทราบกันดีว่า นับตั้งแต่ได้รับพลังทั้งสาม จักรพรรดิภูตผีก็มักใช้เวลาในวิหารจักรพรรดิภูตผี ตามคำบอกเล่าของเหล่าทาสที่นั่น จักรพรรดิภูตผีไม่ได้ย้ายถิ่นฐานมาหลายปีแล้ว

โดยทั่วไปแล้ว หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ มีเพียงจักรพรรดินีและจักรพรรดินีเจียงหลานเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับเขาในยมโลกได้ ดังนั้นมหาเซียนเลี่ยจึงสงสัยถึงสาเหตุที่จักรพรรดิภูตผีเดินทางมายังสามมหาคฤหาสน์ด้วยตนเอง

แต่จักรพรรดิภูตผีไม่สนใจที่จะสนทนาอย่างอื่น เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“จักรพรรดิเซียนองค์แรกฟื้นคืนแล้ว”

“ท่านว่ากระไรหนา?”

มหาเซียนเลี่ยตกใจจนทำให้ตำราในมือหล่นลงพื้น

เขารีบหยิบตำรานั้นขึ้นมาพร้อมปัดทำความสะอาดและถือไว้ในมือแน่น เขาดูลนลานราวกับไม่ใช่มหาเซียน จากนั้นจึงถามอย่างเร่งรีบ

“ที่ท่านกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือ?”

“แล้วข้าต้องโป้ปดต่อท่านด้วยเหตุใด?”

จักรพรรดิภูตผีเหลือบมองเขา

“ข้าจะไปยังแดนเซียนกลาง ท่านจะไปด้วยหรือไม่?”

“แล้วกิจการของยมโลก…”

“ข้าจะให้จื่อถงเป็นผู้ดูแล”

“เมื่อส่งมอบให้จักรพรรดินีแล้ว ข้าเชื่อว่าจะไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น”

มหาเซียนเลี่ยนำตำรานั้นตามจักรพรรดิภูติผีออกไปนอกประตู

“ครานี้ต้องไปยังแดนเซียนกลาง นอกเหนือจากการช่วยเหลือจักรพรรดิเซียนองค์แรกแล้ว ยังต้องแก้ไขความโกลาหลในแดนเซียนทั้งห้าทิศ ยังมีงานสำคัญอีกมาก เจ้าต้องเตรียมพร้อม”

“งานอะไรหรือ?”

มหาเซียนเลี่ยวิ่งเหยาะ ๆ ตามจักรพรรดิภูตผีไปพร้อมถามอย่างระมัดระวัง

“ร่างของจักรพรรดิเซียนองค์แรกได้ก่อตัวเป็นศพของจักรพรรดิแล้ว เขาตายแล้วจริง ๆ แต่จักรพรรดิก็ได้รับอนุญาตให้แก้ไขเรื่องราวทั้งหมดในแดนเซียนและจัดการกับงานศพภายในเวลาห้าร้อยปี”

จักรพรรดิภูตผีเหลือบมองมหาเซียนเลี่ยพร้อมกล่าวอย่างใจเย็น

“หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น เราจะรวบรวมวิญญาณของจักรพรรดิเซียนองค์แรกและปล่อยให้เขากลับชาติมาเกิด”

“ท่านว่ากระไรนะ?”

มหาเซียนเลี่ยหยุดลงทันที

“เราต้องเอาวิญญาณขององค์จักรพรรดิผู้นั้นด้วยหรือ?”

“ชีวิตและความตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีข้อยกเว้น”

จักรพรรดิภูตผีตอบขณะเดิน

“ยิ่งเพื่อจักรพรรดิเซียนองค์แรก ยิ่งสำคัญ”

จากนั้นจักรพรรดิภูตผีก็เดินทางไปทั่วยมโลกพร้อมอธิบายให้เชวียหลิง ท่านผู้ทรงเกียรติกุ้ย และเจียงหลานทราบ ก่อนจะมอบหมายให้พวกเขาดูแลยมโลก

หลักจากที่จักรพรรดิภูตผีก็อธิบายสิ่งสำคัญทั้งหมด เขานำมหาเซียนเลี่ยไปยังดินแดนรกร้างพร้อมถาม

“พร้อมหรือไม่? ท่านมหาเซียนเลี่ย”

“กลับไปหาท่านจอมยุทธ์”

มหาเซียนเลี่ยสูดลมหายใจลึก ตั้งจิตให้แน่วแน่

“ข้าพร้อมแล้ว”

“ดี”

จักรพรรดิภูตผียกมือขึ้นเพื่อแยกช่องว่างก่อนจะกล่าว

“ไปเถิด”

“ฝ่าบาท เสวยก่อนเถิด”

นางสนมของจักรพรรดินำถ้วยที่เปี่ยมด้วยน้ำแกงร้อนวางบนริมฝีปากของไป๋ลี่

ไป๋ลี่เหลือบมองพบว่าน้ำแกงนั้นเต็มไปด้วยเก๋ากี่ ปลิงทะเล หอยเป๋าฮื้อ ซี่โครงหมู และต้นโสมอายุหนึ่งหมื่นปี ซึ่งถือเป็นโอสถอันยอดเยี่ยม

“อ้ายเฟย”

เขาถอนหายใจและพูดว่า

“ข้ากินของพวกนี้มาหลายสิบวันแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของข้าคงทนไม่ไหวอีกแล้ว”

“ฝ่าบาทเสวยก่อนเถิดเพคะ”

แววตาของนางสนมเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมดูก้าวร้าวจนทำให้จักรพรรดิเซียนไป๋ลี่สั่นเทา

“เสวยเถิดเพคะ อย่างน้อยก็ช่วยบำรุงร่างกาย เสวยให้หมดเถิด”

ไป๋ลี่รู้สึกผิดเล็กน้อย นับตั้งแต่ที่กลับมา เขาก็ถูกนางสนมลากเข้าไปในฮาเร็มโดยไม่ทันมีเวลาแม้แต่จะทำความเข้าใจเรื่องใด ๆ ในแดนเซียน!

ดังคำกล่าวที่ว่า อยู่ห่างกันช่วงสั้นเพื่อพบกันอีก จะยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน ไป๋ลี่จากไปหลายหมื่นปี แน่นอนว่าเขาห่างหายจากการเป็นเจ้าบ่าวไปหลายคืน ดังนั้นจักรพรรดิเซียนกลางและเซียนหงเฉินจึงไม่กล้ารบกวนเขา

เป็นเวลาหลายสิบวันติดต่อกัน จักรพรรดิเซียนองค์แรกรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

เหล่านางสนมแสนรักทำให้เขารู้สึกราวกับซากศพที่หวนคืนสู่มหาอำนาจ…

ไป๋ลี่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อหาข้ออ้างที่จะเลิกรา ทว่าทาสผู้หนึ่งปรากฏขึ้นหน้าประตูพร้อมตะโกนด้วยความตื่นตระหนก

“องค์เหนือหัว จักรพรรดิภูตผีเสด็จลงมา รอคอยท่านอยู่ในแดนเซียนกลางขอรับ”

“จักรพรรดิภูตผี…”

ไป๋ลี่รู้เรื่องนี้อยู่ในใจพร้อมแอบขอบคุณไป๋ชิวหราน จากนั้นจึงตอบ

“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

เขามองไปที่นางสนมของเขา

“อ้ายเฟย ดูเถิด…”

“ไม่มีทางเลือก ไม่ว่าอย่างไรท่านก็ต้องไป”

นางสนมของจักรพรรดิถอนหายใจ แต่ทันใดนั้นก็ยิ้มเจ้าเล่ห์และขยิบตาให้

“แต่ท่านอาจารย์สัญญากับท่านไว้ห้าร้อยปี เวลาของเรายังมีอีกมากใช่หรือไม่เพคะ? ฝ่าบาท”