ตอนที่ 384 ฉันพึ่งได้แค่หน้าตา

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 384 ฉันพึ่งได้แค่หน้าตา

หลังเลิกเรียนวันจันทร์ มู่เถาเยากินข้าวกับลู่จือฉิน ลู่หันซู เหลียงจี ปาอิน ถังถัง และตี้อู่หลันฉือ

ลู่จือฉินกับลู่หันซูย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านด้านหลังที่ซื้อต่อจากอาจารย์หลี่แล้ว

เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กัน มู่เถาเยาจึงไม่ให้สองศิษย์อาจารย์ต้องเข้าครัว ให้มากินที่บ้านเธอทุกวัน โดยมีลูกสาวของเชฟเทวดามือหนึ่งที่อาส่งมาคอยทำให้กิน

กินข้าวเสร็จ ในขณะที่นั่งดื่มชามู่เถาเยาก็ถามลู่หันซู “ศิษย์น้อง เรียนลำบากไหม”

“นิดหน่อยค่ะ เสี่ยวอินคอยช่วยอยู่ค่ะ” เธออยู่ห้องเดียวกับปาอิน

ในห้องขาดเจียงเย่ว์ไปคน มีเธอเข้ามาแทน

ไม่อย่างนั้นหากเจียงเย่ว์อยู่ เธอก็ไม่อยากอยู่ชั้นเรียนนี้จริงๆ

ในทางสายเลือด เจียงเย่ว์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธอ และก็เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่แม่ของเจียงเย่ว์เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้แม่ของเธอต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต

จะให้เธอเจอหน้าทุกวันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอทำไม่ได้

“อืม พวกเธอคอยช่วยเหลือกันนะ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามอาจารย์ หรือกลับมาถามศิษย์พี่ก็ได้”

ลู่หันซูกับปาอินพยักหน้าพร้อมกัน

“ศิษย์น้อง คุณตาคุณยายของเธอยังอยู่ที่หมู่บ้านตงจี๋ไหม”

“มาอยู่ตอนช่วงตรุษจีนเพิ่งจะกลับไปค่ะ เห็นบอกว่าจะไปเก็บข้าวของส่งมากะจะอยู่ยาวเลยค่ะ”

“สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านตงจี๋ก็ถือว่าใช้ได้ เหมาะแก่การพักอาศัย มีพ่อแม่แท้ๆ อยู่ดูแล คุณย่าของเธอก็สบายขึ้นมาก”

“ค่ะ คุณตาคุณยายกับย่าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว สภาพจิตใจก็โอเค คนเยอะก็ช่วยกันดูแลได้ ฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากเกินไปด้วยค่ะ” ลู่หันซูยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ

นับตั้งแต่ได้พบอาจารย์กับศิษย์พี่ โชคของเธอก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

“ใช่แล้ว” มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “พวกเธอพยายามสอนน้าเหมียวให้มากๆ นานวันเข้าน้าเหมียวก็จะช่วยเหลือตัวเองได้ แบบนี้พอพวกผู้ใหญ่อายุมากขึ้นก็ไม่ต้องกลุ้มใจแล้ว”

“ค่ะ”

พวกลู่จือฉินดีใจแทนลู่หันซู

ตี้อู่หลันฉือ “น้าเหมียวยังขาดสมุนไพรอะไรเหรอ”

ลู่หันซู “ดอกพันวันค่ะ”

ตี้อู่หลันฉือครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยินสมุนไพรตัวนี้เลย”

งานหลักของพวกเขาหลังจากเรียนนิติเวชก็คือตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุของคดีฆาตกรรม โดยใช้ลักษณะทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติของร่างกายมนุษย์ เพื่อระบุตัวตน หาสาเหตุ เวลา ลักษณะการตาย อนุมานอาวุธที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทำการวิเคราะห์หาวิธีการที่คนร้ายใช้ วินิจฉัยตรวจสอบและระบุการบาดเจ็บ พละกำลังของคนร้าย เพศ สมรรถนะร่างกาย สภาพจิตใจ เป็นต้น

ถึงแม้จะเป็น ‘หมอ’ เหมือนกัน แต่ก็ยังห่างชั้นกับแพทย์แผนโบราณที่ช่วยชีวิตคนได้อีกเยอะ

สองสาขานี้เดิมทีก็มีความแตกต่างกันมากในทางทฤษฎี มีเพียงเส้นใยบางๆ ที่แสดงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันอยู่

ด้วยเหตุนี้ตี้อู่หลันฉือถึงไม่ได้รู้เกี่ยวกับแพทย์โบราณเยอะนัก รู้แค่เพียงพื้นฐาน แล้วจะรู้จักดอกพันวันที่เป็นสมุนไพรวิเศษของโบราณแบบนี้ได้อย่างไร

มู่เถาเยายิ้ม “อย่าว่าแต่พี่ไม่เคยได้ยินเลยค่ะ ต่อให้เป็นตระกูลเก่าแก่ก็คงมีไม่กี่คนที่รู้จัก”

“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอถึงรอบรู้ขนาดนี้” ตี้อู่หลันฉือดวงตาเปล่งประกาย

มู่เถาเยาพูดด้วยความภูมิใจ “ให้มันรู้เสียบ้างว่าอาจารย์ของฉันเป็นใคร!”

ลู่จือฉินอดขำไม่ได้ “ต่อให้อาจารย์ของเธอเก่งขนาดไหน ถ้าตัวเองไม่พยายามก็สำเร็จไม่ได้หรอกนะ พวกเราเปิดกะโหลกเธอแล้วยัดความรู้ใส่ได้ที่ไหนกัน”

พวกเด็กสาวพากันพยักหน้า

มู่เถาเยามีความสุข “หนูก็แค่อ่านหนังสือมาเยอะ”

ปาอิน “เธอไม่ใช่แค่อ่านหนังสือเยอะนะ ยังลงมือทำเยอะด้วย! จริงสิเสี่ยวเยาเยา ได้ใบประกอบโรคศิลปะหรือยัง”

“ไปรับวันจันทร์หน้า”

ถังถัง “เสี่ยวเยาเยา ยังวางแผนสอบอะไรอีกไหม พี่เอาด้วย!”

“คงเป็นใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมค่ะ ก็พอดี เป็นสาขาที่พี่เรียน” หยวนเหยี่ยอาจารย์ใหญ่ของเธอมีทั้งใบประกอบโรคศิลปะและใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม

ถังถังกัดฟัน “ได้ พี่จะไปสอบกับเธอด้วย!”

“ค่ะ พวกเราเรียนด้วยกัน ต้องผ่านแน่นอนค่ะ”

ในมุมมองของสาขาเฉพาะทาง ความรู้ด้านการใช้ยาของเภสัชกรอาชีพเป็นส่วนเสริมให้กับแพทย์อาชีพ ดังนั้นเธอถึงต้องสอบ ยิ่งไปกว่านั้นความรู้หลายอย่างของสองสาขานี้ก็มีความคล้ายคลึงกันมาก

หากได้ใบประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมมาจะเป็นประโยชน์ต่ออาชีพหมอมาก เพราะจะยิ่งใช้ยาได้แม่นย่ำยิ่งขึ้น

การสอบความรู้เฉพาะทางและความรู้พื้นฐานทางเภสัชกรรม เธอไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นการเฉพาะ เอาเวลาไปทุ่มให้กับด้านเคมีเภสัชและการผลิตยาดีกว่า

ด้วยพื้นฐานของเธอ สอบใบอนุญาตของเภสัชกรง่ายกว่าของแพทย์

ปาอินเท้าคาง “ฉันต้องสอบใบประกอบโรคศิลปะก่อน”

ตี้อู่หลันฉือ “ฉันต้องสอบกฎหมาย เรียนจบก็สอบราชการ หรือไม่ก็ไปอยู่สำนักทนายความ เสี่ยวเยาเยา เธอว่าพี่เหมาะจะทำอาชีพไหนดี”

มู่เถาเยา “…แล้วแต่พี่ชอบเลยค่ะ”

เธอไม่ใช่หมอดู ดูดวงเป็นที่ไหนกันล่ะ!

“งั้นสอบก่อนแล้วกัน ยังไงก็คงยังไม่จบเร็วๆ นี้ ยังต้องเรียนดอกเตอร์อีก”

เหลียงจีมองพวกเด็กสาว เอามือเท้าแก้มพลางถอนหายใจ “อยู่กับพวกเธอทำไมพี่รู้สึกด้อยความรู้ไปเลย หรือพี่จะพึ่งได้แค่หน้าตานะ”

พวกเด็กสาวพากันหัวเราะออกมา

ปาอินเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางยิ้มพูด “พี่เหลียงจี พี่ไม่ได้พึ่งได้แค่หน้าตานะคะ ยังมีฝีมือด้วย! ฝีมือพี่ดีที่สุดรองจากอาจารย์ลู่ เสี่ยวเยาเยา พี่หลันฉือ”

เหลียงจีหมดคำจะพูด

คนอื่นๆ ขำคำพูดของปาอิน

เหลียงจีเล่นปลายผมที่ปล่อยลงมา “เสี่ยวอิน หันซูแทบไม่เคยเรียนป้องกันตัว อันที่จริงพี่ก็เก่งกว่าแค่เธอ นี่มัน…ทำร้ายกันเกินไปแล้วนะ!”

พวกเด็กสาวหัวเราะกันใหญ่

ลู่จือฉินยิ้ม “เหลียงจี เธอเป็นทหาร ไม่ด้อยไปกว่าใครเลยสักนิด ส่วนฉัน จบจากมหาวิทยาลัยแพทย์ทั่วไป แต่เธอดูฉันตอนนี้ ชีวิตก็ดีไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าจะเรียนจบจากที่ไหน มันก็แค่จุดเริ่มต้น”

“ฉันก็แค่ไม่รู้ว่าตัวเองยังสามารถทำอะไรได้อีก แต่ฉันก็พอใจชีวิตในตอนนี้นะคะ” ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักความก้าวหน้า แต่มีข้อจำกัดเรื่องสถานะ

เธอเป็นนักบินและบอดี้การ์ดของหัวหน้าเผ่า ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งแต่ก็ไม่ได้ลด

ทว่าสามารถเรียนอะไรเพิ่มได้ วันหน้าไปเยี่ยมประเทศอื่นพร้อมหัวหน้าเผ่าจะได้ไม่ทำเผ่าขายหน้า

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “พี่เหลียงจีอยากทำอะไรฉันก็สนับสนุนทั้งนั้นค่ะ”

“อืม…งั้นพี่เรียนความรู้ทางการทูตแล้วกัน แล้วก็เรียนภาษาต่างประเทศให้เยอะหน่อย”

“งั้นพี่อยากไปเรียนในโรงเรียนหรือลงคอร์สคะ”

“ลงคอร์สแล้วกัน อิสระหน่อย”

“ค่ะ พี่ลองหาดูนะคะแล้วมาเบิกค่าเรียนที่ฉัน”

“ได้เลยจ้ะ”

มู่เถาเยายิ้ม หันไปถามลู่หันซู “ศิษย์น้อง อยากเริ่มสร้างบ้านเมื่อไรเหรอ”

“ได้เอกสารมาแล้วเริ่มลงมือได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”

“งั้นพี่ช่วยหาทีมก่อสร้างนะ รีบสร้างให้เสร็จจะได้รับคนแก่ที่บ้านกับน้าเหมียวมาอยู่ไวๆ”

ลู่หันซูยิ้มบาง “คุณตาคุณยายชอบหมู่บ้านตงจี๋มากเลยค่ะ ย่ากับแม่อยู่บ้านเดิมก็มีความสุข คงไม่มาเมืองเย่ว์ตูในปีสองปีนี้”

ลู่จือฉิน “สร้างให้เสร็จก่อน ไว้วันไหนอยากมาอยู่ค่อยย้ายมา”

ลู่หันซูพยักหน้า “ค่ะ รีบสร้างให้เสร็จก็ดีค่ะ เวลาอาจารย์ไปทำงานที่หอวิจัยพิษจะได้มากินข้าวกับงีบกลางวันที่บ้านได้”

หมู่บ้านแห่งนั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกล ถ้ารถไม่ติดเดินทางไปก็หนึ่งชั่วโมง ถ้ากลางวันกลับมาบ้านไปกลับก็สองชั่วโมง ไม่สะดวกเท่าไร

มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “งั้นศิษย์น้องอยากสร้างบ้านแบบไหน”

“เอาแบบง่ายๆ ค่ะ มีห้องเยอะหน่อย ย่า แม่ คุณตาคุณยาย อาจารย์ ฉัน มีห้องหลักห้าห้อง ห้องนอนแขกอีกนิดหน่อย เวลาพวกคุณน้ามาเยี่ยมจะได้มีที่พักด้วยค่ะ”

มู่เถาเยาพยักหน้า “ได้ เดี๋ยวศิษย์พี่จะลองวาดแบบดู ถ้าเธอชอบก็สร้างตามแบบ ไม่ชอบก็จ้างผู้เชี่ยวชาญให้ออกแบบให้”

ตอนที่เธอเพิ่งมาอยู่ประเทศเหยียนหวง เห็นตึกสูงใหญ่ก็ตะลึงมาก พอโตมาก็เลยเริ่มเรียนพวกความรู้ด้านอาคาร

บ้านในหมู่บ้านเถาหยวนก็สร้างตามที่เธอออกแบบ

อืม ในสองปีนี้เธอคิดจะสอบใบอนุญาตของสถาปนิกด้วย