บทที่ 273 จวินหย่วนโยวหึงหวง

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 273 จวินหย่วนโยวหึงหวง

หยุนถิงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน คิดอยู่ว่าควรจะอธิบายกับซื่อจื่ออย่างไร

“ก็คือในคืนวันหนึ่ง หยุนถิงมอบมันให้ข้าด้วยตัวเอง” เป่ยหมิงฉี่กล่าวด้วยความโอ้อวดอย่างยิ่ง

ใบหน้าของจวินหย่วนโยวดำมืดราวกับก้นหม้อในทันใด สายตาเย็นชาดุร้าย ตะเกียบที่อยู่ในมือจู่โจมไปทางเป่ยหมิงฉี่อย่างรวดเร็ว

เป่ยหมิงฉี่รีบหลบออกไปทันที เพียงแต่เขาเพิ่งหลบไปด้านหนึ่ง ตะเกียบของโม่เหลิ่งเหยียนก็จู่โจมเข้ามาเช่นกัน จนกระทั่งถึงลำคอของเขา

เป่ยหมิงฉี่ตกใจจนตัวสั่น: “พวกเจ้าแต่ละคนทำอะไรกันน่ะ ข้าเป็นถึงไท่จื่อ กล้าดีอย่างไรมาปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ ระวัง——”

“ระวังเจ้าจะออกจากลานนี้ไม่ได้” เสียงที่เย็นยะเยือกของโม่เหลิ่งเหยียนดังมา

“ข้าผิดไปแล้วตกลงไหม ก็คือหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปที่หยุนถิงมอบให้ข้าเมื่อหลายวันก่อน” เป่ยหมิงฉี่กล่าวด้วยความหดหู่และความคับข้องใจ

โม่เหลิ่งเหยียนเลิกคิ้ว หม้อไฟกึ่งสำเร็จรูป ก่อนหน้านั้นหยุนถิงเคยให้เขากินแล้ว ดังนั้นโม่เหลิ่งเหยียนจึงเก็บตะเกียบกลับมา บนใบหน้ายังมีความได้ใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย

“อะไรคือหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูป?” จวินหย่วนโยวถาม

“เจ้าไม่เคยกินหรือ?” ครั้งนี้โม่เหลิ่งเหยียนเป็นคนเอ่ยปาก

“เจ้าเคยกิน?” เสียงของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

“เมื่อสองวันก่อน——”

“พวกท่านทำอะไรกันน่ะ จะให้คนกินข้าวดีๆไม่ได้หรือไง เป่ยหมิงฉี่ท่านไสหัวกลับไปที่แปรพระราชฐานของท่านเลย อย่ามาขวางหูขวางตาที่นี่ ต่อไปไม่มีธุระอะไรไม่ต้องมาที่จวนซื่อจื่อ” หยุนถิงรีบตัดบทพวกเขาทันที

หากให้ซื่อจื่อรู้ว่าตัวเองให้เป่ยหมิงฉี่กับซวนอ๋อง แต่กลับไม่ให้แค่เขาคนเดียว จะไม่โกรธจนพังขื่นบ้านทิ้งเลยหรือ

ฉลาดหลักแหลมอย่างจวินหย่วนโยวย่อมดูออกอยู่แล้วว่าหยุนถิงจงใจขัดจังหวะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เป่ยหมิงฉี่เบะปาก เห็นหยุนถิงโกรธขึ้นมาจริงๆ ก็ไสหัวไปอย่างรวดเร็ว

ซวนอ๋องกินข้าวเสร็จ ก็กลับไปเช่นกัน

ห้องโถงด้านข้างที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงจวินหย่วนโยวและหยุนถิงเท่านั้น

“ซื่อจื่อ ความจริงแล้วข้าอยากจะหาเงินจากเป่ยหมิงฉี่ ดังนั้นเมื่อสองสามวันถึงได้มอบหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปให้เขาไปสองกล่อง คิดเอาไว้ว่าถ้าหากเขาคิดว่ามันดี เช่นนั้นก็เท่ากับเปิดเส้นทางการค้าของทั่วทั้งแคว้นเป่ยลี่เลย” หยุนถิงรีบร้อนอธิบาย

“เจ้าก็เคยให้โม่เหลิ่งเหยียนด้วย?” จวินหย่วนโยวถามด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก

นางรู้อยู่แล้วไม่สามารถปิดบังซื่อจื่อได้: “ข้าให้พวกเขากินตอนที่ดื่มสุรากับองค์ชายสี่ และซวนอ๋องที่หอชุนเฟิงครั้งก่อน ก็เพราะว่าอยากจะขายมันให้กองทัพไม่ใช่หรือ?”

หยุนถิงรีบหยิบหม้อไฟกึ่งสำเร็จรูปหนึ่งกล่องออกมาจากมิติทันที เปิดออก เทน้ำลงไป ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

จวินหย่วนโยวมองดูนางเช่นนี้ สักพักหนึ่ง จนกระทั่งหยุนถิงบอกว่าเสร็จแล้ว สามารถกินได้แล้ว สีหน้าของจวินหย่วนโยวก็ยังคงดำมืดอย่างมาก

“เจ้าป้อนข้า”

ใครใช้ให้หยุนถิงเหตุผลเป็นรอง รีบหยิบตะเกียบมาคีบเนื้อชิ้นหนึ่งส่งไปถึงปากของจวินหย่วนโยว จวินหย่วนโยวถึงได้อ้าปากกินเข้าไป

“ไม่อร่อยเลย”

“ซื่อจื่อ ก็เพราะว่ามันไม่อร่อยข้าถึงไม่ได้ให้ท่าน นี่คืออาหารกึ่งสำเร็จรูป ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการอะไร และเนื้อกับผักที่อยู่ข้างในก็ไม่สดใหม่ ไหนเลยจะอร่อยเท่าอาหารที่ทำใหม่ๆ

เหตุผลที่ข้าเสนอขายให้กับเป่ยหมิงฉี่ ก็แค่รู้สึกว่าเหล่าทหารสู้รบอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี ไม่สะดวก ไม่ได้กินไม่ได้ดื่ม อันนี้อย่างไรก็ดีกว่าหมั่นโถวแห้งๆใช่ไหม ยังมีผักมีเนื้อด้วย

สำหรับทหารที่ออกรบ หรือว่าคนที่เร่งเดินทางแล้ว หม้อไฟอันนี้สะดวกสบาย แต่สำหรับซื่อจื่อ ไม่จำเป็น ดังนั้นข้าจึงไม่ได้ให้ท่าน” หยุนถิงอธิบาย

“องครักษ์เงามังกรออกไปปฏิบัติภารกิจข้างนอก ก็ไม่ได้กินไม่ได้ดื่มบ่อยๆเช่นกัน” จวินหย่วนโยวเบะปาก

“เช่นนั้นข้าให้องครักษ์เงามังกรก่อน ให้คนของซื่อจื่อ”

“ที่ข้าโกรธ ไม่ใช่เพราะเจ้าไม่ได้ให้ข้า แต่เพราะเจ้าให้ชายอื่นก่อน แต่สุดท้ายกลับมีเพียงข้าเท่านั้นที่ไม่รู้” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

มองดูท่าทางหึงหวงโมโหของเขา หยุนถิงยิ้มออกมาอย่างกระอักกระอ่วน: “ข้ารับรอง หากมีของดีอะไรอีกข้าจะให้ซื่อจื่อของข้าก่อน ซื่อจื่อรังเกียจ ไม่ชอบแล้ว ข้าค่อยขายให้คนอื่น”

“อย่างนี้ยังพอได้อยู่” จวินหย่วนโยวฮึออกมา

………..

พระราชวัง ตำหนักด้านข้าง

ฮ่องเต้ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ ผ่านการชี้แนะของหยุนถิงเมื่อคืนนี้ เขาก็ส่งองครักษ์ที่ไว้ใจไปแสร้งทำเป็นจะปิดปากเจ้ากรมอู๋เมื่อคืนนี้แล้ว เจ้ากรมอู๋ไม่สามารถทนต่อการข่มขู่ได้เลย ใช้เวลาไม่นานก็ให้การยอมรับทั้งหมดแล้ว

ฮ่องเต้ไม่ได้ลงโทษฮองเฮาในทันที แต่สั่งให้คนคุ้มกันเจ้ากรมอู๋เอาไว้ จากนั้นก็เรียกพบหลีอ๋องและหยุนเฉิงเซี่ยงในคืนนั้นเลย ให้พวกเขาตรวจสอบอย่างลับๆว่าหลายปีมานี้ฮองเฮากับตระกูลมู่ทุจริตคอร์รัปชั่นไปมากน้อยเท่าไหร่กันแน่ จากนั้นก็ส่งม่อเหยียนคนสนิทของตัวเองออกไป ให้เขาไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลมู่เอาไว้

ในตอนเช้าตรู่ หลีอ๋องก็เข้าวังแล้ว และนำสมุดบัญชีของวังหลังในช่วงหลายปีนี้มาถวาย ล้วนเป็นสมุดบัญชีที่แต่ละตำหนักส่งมอบให้กับฮองเฮาทั้งนั้น ในนั้นมีบัญชีสกปรกที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ซ่อนเอาไว้มากมาย

และหลังจากที่หยุนเฉิงเซี่ยงกลับไปแล้วก็กำลังคิดอยู่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรดี แต่แล้วบนโต๊ะหนังสือในบ้านก็มีสมุดบัญชีหลายเล่มปรากฏขึ้นมา ล้วนเป็นหลักฐานที่หลายปีมานี้ตระกูลมู่แบ่งพรรคแบ่งพวกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ทุจริตรับสินบน ยักยอกเงินบรรเทาภัยพิบัติ และเห็นชีวิตคนเสมือนต้นหญ้า

หยุนเฉิงเซี่ยงตกใจแทบแย่ ดูท่ามีคนเห็นตระกูลมู่ขัดตามานานแล้ว หยุนเฉิงเซี่ยงให้คนเตรียมรถม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวังทันที นำสมุดบัญชีถวายให้กับฝ่าบาทไปตามความจริง

ฮ่องเต้พลิกดูสมุดบัญชีพวกนั้น โกรธจนเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุ้บๆ สายตาดุร้ายราวกับจะกินคน โหดเหี้ยมและกระหายเลือด

“ตระกูลมู่ที่สมควรตาย หลายปีมานี้ถึงกับเบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัว แถมยังยักยอกเงินที่ข้าใช้ซ่อมแซมเส้นทางการเดินเรือทางน้ำและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอีก แค่เมืองหนานหยวนเพียงแห่งเดียวก็ถูกยักยอกเงินไปหลายแสนตำลึงในทุกปี มิน่าชาวบ้านเหล่านั้นถึงได้อดตายตามท้องถนน ศพเกลื่อนกลาดไปทั่ว” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความกริ้ว

หลายปีมานี้ ถึงแม้ฮ่องเต้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อการกระทำของตระกูลมู่ แต่ก็ให้คนแอบตรวจสอบตระกูลมู่อย่างลับๆเช่นกัน แต่ตระกูลมู่เจ้าเล่ห์เกินไป ไม่ได้มีหลักฐานที่ประจักษ์ชัดแจ้งจริงๆ

เวลานี้มองดูสมุดบัญชีเหล่านี้ มีการเขียนวันที่ วัตถุประสงค์ เวลาของเงินทุกก้อนเอาไว้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เกี่ยวพันกับราชสำนักไปกว่าครึ่ง ฮ่องเต้ถึงได้ทรงกริ้วเช่นนี้

“ฝ่าบาท ฮองเฮาเสด็จแล้ว!” ขันทีน้อยที่ไปแจ้งข่าวสารนอกประตูเอ่ยปาก

“ให้นางเข้ามา!”

ฮองเฮาเดินเข้ามา ก็สังเกตได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติของตำหนักด้านข้าง รีบร้อนคำนับทันที: “หม่อมฉันคำนับฝ่าบาท”

สายตาที่เย็นชาดุร้ายของฮ่องเต้จ้องมองมาอย่างโกรธเกรี้ยว: “เจ้าเป็นฮองเฮาที่ดีของข้าจริงๆ ช่วยข้าดูแลจัดการวังหลัง สุดท้ายก็ทุจริตทั้งหมดเข้าไปในกระเป๋าของเจ้า ข้าต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อเจ้าจริงๆ”

หนังสือที่อยู่ในมือฮ่องเต้โยนมาบนใบหน้าของนางอย่างแรง ฮองเฮาเจ็บจนสีหน้าซีดขาว

นางแต่งงานกับฮ่องเต้มานานหลายปี ไม่เคยเห็นฝ่าบาทกริ้วขนาดนี้มาก่อน ฮองเฮาไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวด รีบย่อตัวลงไปเก็บสมุดบัญชีที่อยู่บนพื้นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นสิ่งที่เขียนอยู่ข้างใน สีหน้าของฮองเฮาซีดขาว คนทั้งคนก็ชะงักงันไป

“ฝ่าบาทหม่อมฉันถูกปรักปรำ ต้องมีคนใส่ความหม่อมฉันแน่นอน ขอฝ่าบาทโปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย!” ฮองเฮาคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที

“ใส่ความ เจ้าเป็นคนแนะนำเจ้ากรมอู๋ให้ข้าใช่หรือไม่ เขารับสารภาพด้วยตัวเองว่ามอบเงินให้เจ้าทุกปี นี่ก็เป็นการใส่ร้ายเจ้าด้วยหรือ!” ฮ่องเต้โกรธจัด

“ฝ่าบาทโปรดให้เจ้ากรมอู๋มายืนยันกับหม่อมฉันต่อหน้าเถิด หม่อมฉันไม่เคยรับเงินของเขาเลย” ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย

“ยืนยันต่อหน้า หากเจ้าไม่ได้ใช้ชีวิตของคนทั้งครอบครัวของเขามาข่มขู่ เขาคงยอมรับไปนานแล้ว เด็กๆ ในฐานะที่เป็นฮองเฮา ทุจริตรับสินบน รู้ทั้งรู้ว่าผิดก็ยังจงใจละเมิด พฤติกรรมเสื่อมเสียน่าเอือมระอา ยกเลิกสิทธิ์ในการปกครองตำหนักทั้งหกของฮองเฮา สำนึกผิดที่ตำหนักเฟิงอี้ ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกจากประตูตำหนักแม้แต่ครึ่งก้าว!” ฮ่องเต้คำรามด้วยความโกรธ