บทที่ 274 หากไม่อยากถูกทารุณก็ไสหัวไป

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 274 หากไม่อยากถูกทารุณก็ไสหัวไป

คนทั้งคนของฮองเฮาตะลึงงันไป ต้องการจะอธิบาย แต่เมื่อเห็นสมุดบัญชีที่อยู่บนพื้นสองสามเล่มนั่น นางไม่สามารถแก้ตัวได้เลย

เห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังวางแผนทำร้ายนาง และหลักฐานชิ้นนี้ก็จริงแท้แน่นอน ถึงแม้ฮองเฮาจะยืนกรานไม่ยอมรับ แต่ในใจของนางกลับตื่นตระหนกขึ้นมาแล้ว

ฝ่าบาทได้สมุดบัญชีพวกนี้มาได้อย่างไร เจ้ากรมอู๋ผู้สมควรตาย รู้อย่างนี้นางน่าจะฆ่าปิดปากเขาไปซะ

เพียงแต่ว่าสมุดบัญชีพวกนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฝ่ายพระราชวังเท่านั้น ยังมีของฝ่ายอื่นๆอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว จะต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็ว มิเช่นนั้นนางจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้ยากมากแล้วจริงๆ

มองดูฮองเฮาจากไป สีหน้าของฮ่องเต้เย็นชามืดมนราวกับน้ำแข็ง: “หลีอ๋อง เจ้านำสมุดบัญชีไปตรวจสอบ จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับสมุดบัญชีทั้งหมด แล้วสอบสวนด้วยตัวเอง”

ถึงแม้บนสมุดบัญชีจะเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนมาก แต่อย่างไรก็มีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน มีเพียงการสืบหาความจริงเท่านั้นถึงจะแตะต้องตระกูลมู่ได้

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่” หลีอ๋องหันหลังจากไป

หยุนเฉิงเซี่ยงรีบร้อนคำนับ: “ฝ่าบาท หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กระหม่อมก็ขอทูลลา”

“รอเดี๋ยวก่อน หยุนเฉิงเซี่ยงสมุดบัญชีเหล่านี้จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาที่บ้านเจ้าจริงหรือ?” ฮ่องเต้ตรัสด้วยความสงสัย

จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างหยุนเฉิงเซี่ยงผู้นี้ คงจะไม่ได้เห็นตระกูลมู่ขัดตามานานแล้ว เลยรวบรวมหลักฐานมาโดยตลอด พอช่วงเวลาสำคัญก็เอาออกมาหรอกใช่ไหม

“ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าปิดบัง กระหม่อมยังคิดอยู่ว่าใครกันแน่ที่สามารถเข้าออกจวนตระกูลหยุนโดยที่ไม่ถูกสังเกตได้เช่นนี้ ถ้าหากอีกฝ่ายต้องการจะลอบสังหารกระหม่อม กระหม่อมไม่มีกำลังจะตอบโต้เลยแม้แต่น้อย

ขอฝ่าบาทโปรดส่งองครักษ์ไปคุ้มกันกระหม่อมด้วย กระหม่อมยังอยากทำงานด้วยความรอบคอบและทุ่มเทสติปัญญาทั้งหมดจนกว่าชีวิตจะหาไม่เพื่อฝ่าบาท ตอบแทนราชสำนัก กระหม่อมยังไม่อยากตาย” หยุนเฉิงเซี่ยงทำเป็นน่าเวทนาเพื่อเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจทันที ท่าทางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว

สายตาที่เย็นชาดุร้ายของฮ่องเต้ชำเลืองมองทางเขาครู่หนึ่ง: “ดูท่าทางขี้ขลาดของเจ้าสิ ยังเป็นเฉิงเซี่ยงอยู่หรือ อยากจะให้องครักษ์ของข้าปกป้องเจ้า ฝันไปเถอะ เวลานอนลงกลอนประตูให้ดีก็พอแล้ว”

“ฝ่าบาท หากเกิดอะไรขึ้นกับกระหม่อม ขอฝ่าบาทโปรดทรงเมตตาครอบครัวของกระหม่อมด้วยเถิด กระหม่อมขอทูลลา” หยุนเฉิงเซี่ยงถอยออกไปด้วยความอเนจอนาถอย่างยิ่ง

“นี่คือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าเขาจงใจแกล้งทำ” ฮ่องเต้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา

ไม่ว่าคนที่อยู่ในที่ลับมีจุดประสงค์อะไร สามารถล้มล้างตระกูลมู่ได้คือเจตนาของฮ่องเต้ หลายปีมานี้ตระกูลมู่อาศัยว่าเป็นพระประยูรญาติ อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็ทำตัวโอหัง วางอำนาจบาตรใหญ่ เบียดบังผลประโยชน์ใส่ตัว ถึงขั้นไม่เห็นฮ่องเต้อย่างเขาอยู่ในสายตา ถึงเวลาต้องกำจัดแมลงมอดตัวนี้ออกไปแล้ว

………….

จวนซื่อจื่อ

หยุนถิงเขียนจดหมายที่ยาวมากขึ้นมาฉบับหนึ่ง ให้ซูหลินไปมอบให้กับกัวอวิ๋นโหรว จากนั้นก็ให้นางไปเฝ้าดูลานที่ฮ่องเต้พระราชประทานให้ ต่อไปลานสองแห่งนี้จะผลัดกันส่งสินค้า

ซูหลินไปส่งจดหมายทันที หยุนถิงไปตรวจดูบาดแผลให้รั่วจิ่งอีกครั้ง เปลี่ยนยาเสร็จ กล่าวปลอบโยนสองสามคำถึงได้ออกไป

“รั่วจิ่งเป็นอย่างไรบ้าง?” จวินหย่วนโยวถามด้วยความเป็นห่วง

“บาดแผลของเขาพอใช้ได้ อยู่ในช่วงฟื้นตัว ใจร้อนไม่ได้ ตอนนี้ข้าต้องการตัวยาสมุนไพรหนึ่งชนิด เรือนไผ่ของท่านลั่วไม่มี ข้าอยากไปดูที่ร้านขายยาตรงตลาดหน่อย” หยุนถิงตอบ

“ข้าไปกับเจ้า”

“ตกลง”

จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงขึ้นรถม้าไป หลิงเฟิงกับหลงเอ้อติดตามไปด้วย มุ่งหน้าไปยังร้านขายยาตรงตลาด

เพียงแต่ว่าสมุนไพรที่หยุนถิงต้องการหายากเกินไป ร้านขายยาหลายร้านติดต่อกันก็ยังไม่มี อย่างไรเสียยาสมุนไพรชนิดนั้นนางเคยเห็นแค่ในตำราแพทย์เท่านั้น ไม่เคยเห็นมาก่อน

ทั่วทั้งเมืองหลวงมีร้านขายยาทั้งหมดสี่ห้าสิบร้านล้วนเข้าไปถามหาหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่มี ทีนี้หยุนถิงรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาแล้ว

“ฮูหยิน ถ้าอย่างไรลองไปดูที่หอประมูลดีไหม ข้าได้ยินมาว่าวันนี้หอประมูลมีการประมูลยาสมุนไพรพอดี ส่วนจะเป็นยาสมุนไพรอะไรไม่มีใครรู้ได้ ทางนั้นจะเปิดเผยตอนที่เริ่มต้นการประมูล” หลงเอ้อเสนอแนะ

“เช่นนั้นก็ไปดูหน่อยแล้วกัน” หยุนถิงเอ่ยปาก

หอประมูลทั่วไปก็มีแต่ของแปลกประหลาดไม่ใช่หรือ ไม่แน่ว่าอาจจะมีจริงๆก็ได้

หลิงเฟิงขับรถม้าตรงไปยังหอประมูลทันที เมื่อผู้จัดการเห็นจวินหย่วนโยวกับหยุนถิง ก็ให้ความเคารพนบนอบอย่างยิ่ง พาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวด้วยตัวเอง

ห้องส่วนตัวของชั้นสองใช้ต้อนรับแขกคนสำคัญโดยเฉพาะ เห็นห้องโถงประมูลชั้นหนึ่งในมุมกว้างพอดี เป็นสถานที่ที่มีทัศนวิสัยในการมองเห็นดีที่สุด

การประมูลเริ่มต้นขึ้น ล้วนเป็นพวกภาพเขียนพู่กันโบราณภาพวาดวรรณกรรม ฯลฯ หยุนถิงไม่ได้มีความสนใจอะไร

“รายการประมูลชิ้นต่อจากนี้ คือยาสมุนไพรพันปี ล้ำค่าและหายากมาก เก็บลงมาจากหน้าผาสูงชัน มีเพียงต้นนี้ต้นเดียวเท่านั้น” ผู้จัดการที่ทำการประมูลกล่าวพร้อมเปิดฝากล่องออก

“หรือว่านี่ก็คือหญ้ากิเลนในตำนาน?” ชั้นหนึ่ง คนผู้หนึ่งอุทานเสียงดังด้วยความประหลาดใจ

ทันทีที่หยุนถิงได้ยินเสียงนี้ ก็รีบมองไปทางชั้นล่างทันที ตอนที่เห็นกล่องใบนั้นใส่หญ้ากิเลนที่เปล่งแสงสีน้ำเงินไปทั้งต้น หยุนถิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง

“ซื่อจื่อ ที่ข้าต้องการก็คือยาสมุนไพรอันนั้น ยาสมุนไพรนั่นสามารถช่วยให้รั่วจิ่งฟื้นฟูขึ้นมาได้”

จวินหย่วนโยวเหลือบมองหญ้ากิเลนนั่นครู่หนึ่ง: “ตกลง เช่นนั้นก็ประมูลมา”

“ทุกท่าน นี่ก็คือหญ้ากิเลนในตำนาน สามารถฟื้นฟูเส้นเอ็นและกระดูก ไม่ว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแค่ไหน ขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่กินหญ้ากิเลนนี้แล้ว ก็จะสามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้ ตอนนี้เริ่มการประมูล เริ่มต้นการประมูลที่หนึ่งแสนตำลึง เพิ่มราคาขั้นต่ำเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นตำลึง”

ชั้นสอง หลิงเฟิงรีบยกป้ายขึ้นมาทันที: “หนึ่งแสนตำลึง”

ทันทีที่ทุกคนที่อยู่ชั้นล่างได้ยิน ก็มองมาทางนี้กันหมด เมื่อเห็นว่าเป็นหลิงเฟิง และมองไปที่จวินซื่อจื่อกับคุณหนูหยุน บรรดาผู้ที่เดิมทีอยากจะเสนอราคาก็ไม่กล้าเอ่ยปากทันที

ใครจะกล้ารนหาที่ตายไปแย่งของกับจวินซื่อจื่อ พวกเขายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายร้อยปี ถึงแม้ยาสมุนไพรนี้ล้ำค่า แต่ชีวิตก็สำคัญนี่นา

ผู้จัดการเห็นทุกคนไม่เพิ่มราคาเสียที ก็หยิบค้อนขึ้นมา: “หนึ่งแสนตำลึงหนึ่งครั้ง หนึ่งแสนตำลึงสองครั้ง หนึ่งแสนตำลึง——”

“สองแสนตำลึง!” เสียงผู้หญิงที่คมชัดดังมา ซึ่งดังออกมาจากห้องส่วนตัวในแนวทแยงตรงข้าม

ทุกคนต่างก็สะดุ้งตกใจ หญิงสาวคนไหนไม่มีตาเช่นนี้ ถึงกับแย่งของกับจวินซื่อจื่อ

“สามแสนตำลึง!” หลิงเฟิงเอ่ยปากต่อไป

“ห้าแสนตำลึง!” อีกฝ่ายเสนอราคาตามอีกครั้ง

“เจ็ดแสนตำลึง!”

“แปดแสนตำลึง!”

หยุนถิงเหลือบมองไปที่ห้องส่วนตัวของอีกฝ่ายครู่หนึ่ง: “หนึ่งล้านตำลึง!”

ยานี้สามารถรักษารั่วจิ่งได้ เงินมากแค่ไหนนางก็ต้องซื้อไว้ให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่ได้ขาดแคลนเงินเลย

คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวตรงข้ามไม่ได้เสนอราคาอีก หญิงสาวในชุดขาวคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน หน้าตาสวยงาม รูปลักษณ์ดูดี เพียงแต่ว่าหว่างคิ้วของนางแฝงความอวดดีและกำเริบเสิบสานเล็กน้อย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าถูกตามใจจนเสียคน

ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ เห็นหยุนถิงหน้าตางดงามน่าทึ่งเช่นนี้ ดวงตาคู่สวยมีความอิจฉาและความโกรธแว๊บผ่านไปเล็กน้อย: “พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร ถึงกับขึ้นราคาตามเราตลอด วันนี้ข้าจะซื้อหญ้ากิเลนต้นนี้ให้ได้ หากพวกเจ้าไม่อยากล่วงเกินหอเทพเซียน ก็ยอมแพ้ไปตั้งแต่เนิ่นๆ!”

น้ำเสียงแสดงสีหน้า อวดดีอย่างยิ่ง

หยุนถิงเลิกคิ้วมองมา: “หอเทพเซียน คือหอเทพเซียนที่กำลังจะจัดการคัดเลือกศิษย์ที่ต้าเยียนหรือ?”

มู่ว่านว่านเห็นนางรู้แล้ว เต็มไปด้วยความโอหังอวดดีและได้ใจทันที: “ถูกต้อง รีบยอมแพ้อย่างรู้ความ มิเช่นนั้นล่วงเกินหอเทพเซียนของเรา จะให้พวกเจ้ารับผิดชอบผลที่ตามมาด้วย”

มุมปากของหยุนถิงเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน: “แค่หอเทพเซียนข้าไม่เห็นในสายตาหรอก วันนี้หญ้ากิเลนต้นนี้ข้าจะซื้อให้ได้ หากเจ้าไม่อยากจะถูกทารุณ ก็ไสหัวไปไกลๆ”