ตอนที่ 351 หย่ากับผู้ชายเส็งเคร็ง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 351 หย่ากับผู้ชายเส็งเคร็ง

ขณะเดียวกัน หลินม่ายก็ทำดอกกุหลาบขนาดเท่าถ้วยชาจากผ้าไหมและผ้าซาตินสีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงินเสร็จไปแล้วหลายดอก

จากนั้นก็ทำการติดกิ้บอันเล็ก ๆ ที่ฐานดอก กิ้บติดผมดอกกุหลาบจึงเสร็จสมบูรณ์

เธอหันไปเสียบดอกกุหลาบสีชมพูไว้เหนือเรือนผมของเถาจืออวิ๋น “ไปหย่ากับผู้ชายเส็งเคร็งนั่นด้วยดอกกุหลาบสีสันสดใสกันเถอะ”

ท้ายที่สุด เธอก็ไม่ลืมเสียบดอกกุหลาบสีชมพูให้กับตัวเองด้วย

ทันทีที่หม่าเทามาถึง เขาก็มองเห็นสาวสวยสองคนที่แต่งหน้าบางเบา แต่ยังดูสวยสง่าจนตาค้าง ทำให้ดวงตาสุนัขไร้ค่าของเขาแทบบอด

เขาอยากมองหน้าหลินม่ายต่ออีกสักวินาที

ผู้หญิงคนนี้ช่างสวยจริง ๆ เป็นเหมือนกับดอกโบตั๋นสีขาวที่ทั้งสง่างามและหรูหรา เสื้อผ้าหน้าผมกลมกล่อมไม่ฉูดฉาด ราวกับเทพธิดาลงมาจุติ

แต่เขาไม่กล้ามองเธอนานไปกว่านี้

ผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งเกินไป เขาไม่กล้ายั่วยุเธอ

ถึงเขาจะมีนิสัยเจ้าชู้ แต่ความเจ้าชู้ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย

ผู้หญิงดุ ๆ แบบนี้ ต่อให้สวยแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าทำตัวรุ่มร่ามกับเธอแน่

สายตาของเขาเลื่อนไปจับจ้องอยู่ที่ร่างของเถาจืออวิ๋น อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเหอะออกมา

ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองแต่งตัวสวย แล้วจะได้หัวใจของเขากลับคืนอย่างนั้นหรือ?

อย่าแม้แต่จะคิด!

สวยแล้วจะมีประโยชน์อะไร แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงยังจืดชืดไร้รสชาติ แถมยังแข็งทื่อเหมือนไม้กระดาน

ไม่เหมือนกับรักแรกพบของเขา หล่อนทำให้เขาพึงพอใจได้ในทุกด้าน

ถ้าไม่ใช่เพราะบ้านและเงินเดือนของเถาจืออวิ๋น ก่อนหน้านี้เขาคงยอมหย่าขาดจากหล่อนไปนานแล้ว เขายังอุตส่าห์แสร้งทำเป็นรักใคร่และอ่อนโยนต่อหล่อนมานานหลายปี

ตอนนี้เขาอยู่ในฐานะที่สามารถใช้ฉีฉีมาแบล็กเมล์หล่อนได้ บีบบังคับให้หล่อนต้องทนต่อไป แล้วทำไมเขาต้องทนอยู่กับหล่อนอีก!

หลินม่ายใช้ชีวิตผ่านมาแล้วสองชาติ เถาจืออวิ๋นอาจไม่ทันสังเกตเห็นแรงอารมณ์ที่ฉายวาบผ่านดวงตาของผู้ชายชั่วช้าคนนี้ แต่เธอเห็น

เธอสาดน้ำชาร้อน ๆ ที่เพิ่งรินลงถ้วยใส่หน้าหม่าเทาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

โดยไม่กลัวว่าเขาจะโดนน้ำร้อนลวกหรือไม่

ตอนนี้ในสำนักงานมีแค่เธอ เถาจืออวิ๋น กับหม่าเทาแค่สามคนเท่านั้น

ถ้าหม่าเทาโดนน้ำร้อนลวกขึ้นมาจริง ๆ เธอกับเถาจืออวิ๋นแค่ช่วยกันยืนยันว่านั่นเป็นการป้องกันตัว หม่าเทาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากยอมแบกรับความเจ็บปวดที่ได้รับไปฟรี ๆ!

หลินม่ายจ้องเขม็ง “ถ้านายอยากผายลม งั้นก็ผายลมออกมาทางก้นเถอะ อย่าได้ปล่อยลมตดออกมาจากปากเน่า ๆ ของตัวเอง คิดว่าผายลมทางปากแบบไม่มีเสียงแล้วพวกเราจะไม่รู้งั้นเหรอ? นายมันย่ามใจเกินไปแล้ว ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ คิดว่าพี่เถาอยากเอาชนะใจนายด้วยการแต่งตัวสวย ๆ ใช่ไหมล่ะ? หัดก้มดูสารรูปตัวเองบ้างว่าตัวเองมีดีอะไร! ถ้าไม่ใช่รักแรกพบที่ผ่านผู้ชายมาเป็นพันและพยายามกระเสือกกระสนทุกวิถีทางให้ได้แต่งงานกับนายจนตัวสั่นคนนั้น พี่เถาที่เพิ่งตาสว่างเนี่ยนะจะตกหลุมรักนาย?”

ถึงแม้หลินม่ายจะไม่รู้ว่ารักแรกพบของหม่าเทาคนนั้นเป็นโสเภณีจริงหรือเปล่า แต่เธอก็ด่าทอว่าหล่อนเป็นหญิงขายบริการไปเรียบร้อยแล้ว

คนที่หน้าด้านถึงขั้นทำลายครอบครัวของคนอื่นไม่มีทางเป็นคนดี!

จากนั้นก็พูดต่อ “ที่พี่เถาแต่งตัวสวยเป็นพิเศษในวันนี้ ก็เพราะวางแผนว่าจะตามหาคนรักใหม่ทันทีที่หย่ากับนายต่างหากล่ะ อย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองเชียว!”

หม่าเทากรีดร้องด้วยความแสบร้อน แต่พอได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ

เขาไม่สนใจความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณใบหน้า แต่หันไปด่าทอเถาจืออวิ๋นทันควัน “เธอนี่ไร้ยางอายเกินไปหรือเปล่า? คิดจะหาผัวใหม่ทันทีที่หย่ากับผัวเก่าเลยหรือไง คนอย่างเธอคงขาดผู้ชายไม่ได้เลยสินะ!”

ทันทีที่เขาพูดแบบนั้นออกมา รูปลักษณ์อันน่ารังเกียจของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนในความทรงจำของหลินม่ายพลันโผล่ขึ้นมาซ้อนทับใบหน้าของเขาทันที

ผู้ชายสวะสองตัวนี่เป็นขยะโสโครกชิ้นเดียวกันจริง ๆ

ตัวเองนอกใจในระหว่างแต่งงานแท้ ๆ แต่กลับไม่ยอมหย่าและไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายแสวงหาความสุข

ในชาติที่แล้ว เมื่อใดที่หลินม่ายพูดคุยกับผู้ชายคนอื่นแค่สองสามคำ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะดุด่าเธอด้วยประโยคเดียวกันกับที่หม่าเทาพูดออกมาเมื่อกี้นี้

ด่าว่าเธอไร้ยางอาย เป็นโสเภณีราคาถูก

ทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ดีแก่ใจว่าหลินเพ่ยทำตัวแบบนั้น แต่เขาเลือกที่จะทำตาบอดเสียข้างหนึ่ง

ผู้ชายประเภทนี้ คิดว่าตัวเองสามารถทำตัวสำส่อนกับผู้หญิงคนอื่นในระหว่างแต่งงานได้ แต่กลับต้องการให้ภรรยาปฏิบัติต่อเขาราวกับหยก!

หลินม่ายโกรธจัด หันไปคว้าขวดน้ำร้อนมาเปิดฝา ก่อนจะเทราดลงศีรษะของผู้ชายขี้ขลาดคนนี้โดยไม่พูดอะไร

“นายเป็นฝ่ายมีชู้ก่อน ยังมีหน้ามากังวลว่าหลังพี่เถาหย่าแล้วจะไปคบหากับผู้ชายคนอื่นอีกเหรอ? นายนี่เป็นคนยังไงกัน?”

马涛已经被林麦一杯热水给烫怕了,见她居然拿着一瓶开水来烫他,吓得肝胆俱裂,赶紧闪避。

หม่าเทาโดนน้ำชาร้อน ๆ จากถ้วยของหลินม่ายสาดใส่ก็รู้สึกหวาดกลัวพออยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะสาดน้ำร้อนใส่ตัวเองอีกครั้ง เขาก็ตกใจมาก รีบกระโจนหลบอย่างรวดเร็ว

เขาอาจหนีหลินม่ายได้ แต่ลืมไปว่ายังมีเถาจืออวิ๋นอีกคน

ภายในสำนักงานมีขวดน้ำร้อนมากกว่าหนึ่ง เถาจืออวิ๋นวิ่งตามหลัง ก่อนจะคว้าขวดน้ำร้อนมาเปิดฝาแล้วสาดใส่เขาจากด้านหลัง

ทันทีที่น้ำร้อนสัมผัสโดนแผ่นหลังของหม่าเทา เขาก็เอาแต่กระโดดเหยง ๆ ด้วยท่าทางพิลึกพิลั่น

น้ำร้อนพวกนี้ถูกต้มไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนนี้ถึงน้ำจะยังร้อน แต่อุณหภูมิของน้ำไม่อยู่ในจุดเดือดจนทำให้ผิวหนังของเขาที่โดนลวกเกิดแผลไหม้พุพอง แต่อาจจะแสบแดงประมาณหนึ่ง

เถาจืออวิ๋นสะใจมากที่เห็นผู้ชายสารเลวตรงหน้าดิ้นพล่านด้วยความทุกข์ทรมาน

จากนั้นก็หันไปหาหลินม่าย “เธอไม่ต้องสั่งสอนบทเรียนให้คนเลวอย่างเขาหรอก ฉันทำเองได้!”

เธอไม่อยากให้หลินม่ายต้องมาอารมณ์เสียเพราะตัวเอง

ถ้าอีกฝ่ายอยากสั่งสอนผู้ชายสำส่อนคนนี้จริง ๆ เธอยอมแบกรับมันไว้คนเดียวดีกว่า

หลินม่ายยกมือปราม “ฉันแค่โมโห เมื่อกี้เลยควบคุมอารมณ์ไม่ได้”

เถาจืออวิ๋นพูดเสียงจริงจัง “ถ้าเธอควบคุมไม่ได้ งั้นคงต้องพยายามหน่อย”

ว่าแล้วหล่อนก็รีบถอดรองเท้าส้นสูงข้างหนึ่งออก ก่อนจะใช้มันฟาดไปที่หม่าเทาอย่างแรง “หยุดกระโดดได้แล้ว ไปหย่ากับฉันซะ!”

โชคดีที่เถาจืออวิ๋นเป็นคนตัวสูง รองเท้าส้นสูงที่หล่อนสวมอยู่จึงไม่สูงจนเกินไป แค่ประมาณหนึ่งถึงสองนิ้วเท่านั้น

ถ้าหล่อนเป็นคนตัวเตี้ยจนต้องสวมรองเท้าส้นสูงหรือส้นตึกที่หนาหลายนิ้ว แล้วใช้ส้นรองเท้าทุบหม่าเทาด้วยเรี่ยวแรงเดียวกันนี้แค่ครั้งเดียว ส้นรองเท้าอาจทำให้เขาหัวแตกจนเลือดไหล

หม่าเทาเป็นเหมือนกับถุงที่บรรจุน้ำ ทุกครั้งที่ถุงโดนเจาะ น้ำด้านในก็จะพุ่งกระฉูด ถ้าแทนที่น้ำด้วยเลือด ภาพที่ออกมาคงน่าสมเพชเกินกว่าจะจินตนาการ…

ถึงอย่างนั้น เถาจืออวิ๋นก็ยังระดมทุบหม่าเทาด้วยรองเท้าส้นสูง จนเขาแหกปากร้องเหมือนหมูถูกเชือด วิ่งพล่านไปทั่วทั้งสำนักงาน

ขณะที่วิ่งหนีเขาก็พูดไปด้วยว่า “หย่าก็หย่า แต่ฉันควรมีสิทธิ์ในการเลี้ยงดูฉีฉี เขาเป็นผู้ชาย ต้องสืบทายาทให้กับตระกูลหม่าของเรา”

“ถ้านายอยากมีลูกนัก งั้นก็ทำให้รักแรกพบชู้นายท้องซะสิ ทำไมถึงต้องพรากฉีฉีไปจากฉันด้วย?”

ยิ่งเถาจืออวิ๋นได้ยินแบบนั้น หล่อนก็ยิ่งออกแรงทุบตีผู้ชายสวะคนนี้แรงขึ้นอย่างไร้ความเมตตา

ตอนที่ผู้ชายสวะคนนี้แหกปากร้องเพราะโดนทุบตี เขายังไม่วายยืนกรานว่าจะยอมหย่าก็ต่อเมื่อได้เลี้ยงดูฉีฉี

หลินม่ายคว้าแขนเถาจืออวิ๋นไว้ “อย่าเพิ่งพูดไร้สาระกับเขาตอนนี้เลย ปล่อยให้เขามีชีวิตรอดกลับไปหาชู้รักของเขาเถอะ ถ้าพี่กะจะทุบตีเขาจนตายคามือ งั้นก็ไม่ต้องเซ็นใบหย่าซะเลยไม่ดีกว่าหรือ?”

เถาจืออวิ๋นเพิ่งได้สติ โยนรองเท้าส้นสูงในมือลงกับพื้นแล้วสวมกลับที่

จากนั้นก็หันไปคว้ากระเป๋าหนังบนโต๊ะขึ้นมาถือไว้ แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกเราไปตามหาผู้หญิงที่เขาไปติดพันกันเถอะ!”

ยังไม่ทันที่สองสาวจะเดินไปถึงประตูสำนักงาน หม่าเทาก็ยื่นมือเข้ามาขวางทางไว้ พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าโศกเศร้า “ฉันยอมหย่าก็ได้ แต่ห้ามไปรังควานหล่อนเด็ดขาด!”

หลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นสบถออกมาพร้อมกัน “ชั่ว!”

พวกเธอทำไม่ถูกตรงไหน?

ตัวเองเป็นฝ่ายผิดแล้วยังไม่ยอมรับชะตากรรมโดยดี ต้องให้ด่าทอและทุบตีให้เข็ดหลาบเสียก่อนถึงจะยอมหย่า!

หลินม่ายกับเถาจืออวิ๋นคล้องแขนกัน เดินไปตามถนนด้วยท่าทางสนิทสนมราวกับพี่สาวน้องสาว พร้อมกันนั้นก็สะบัดผมไปมา

ในยุคนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนกระตือรือร้นเรื่องแฟชั่นเป็นพิเศษ กิ้บติดผมดอกกุหลาบสีสันสดใสที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเธอจึงโดดเด่นสะดุดตา

หญิงสาวทั้งสองช่างสูงส่ง แถมยังสวยชวนมองมาก!

ไม่ใช่แค่ผู้ชายที่หันมองตามจนเหลียวหลัง แม้กระทั่งสาว ๆ ยังมองพวกเธอด้วยความชื่นชม

หม่าเทาเดินตามหลังสาวสวยทั้งสองคนด้วยท่าทางห่อเหี่ยวเหมือนสุนัขตายซาก

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ผู้ชายแบบนี้ในชีวิตจริงมีเยอะมากนะคะ ประเภทที่ใช้เจ้าโลกนำชีวิต ตัวเองมักมากได้แต่ผู้หญิงของตัวเองห้ามไปมีคนอื่น เขาจะไปมีชีวิตที่ดีๆ บ้างก็ตามรังควานชีวิตเขา แล้วไอผู้ชายพวกนี้ส่วนหนึ่งมันก็หน้าตาดีด้วย เกิดมาเสียของจริงๆ

หย่าก็หย่าสิ ทำไมต้องเอาลูกไปเป็นตัวประกันด้วย ผู้ชายชั่วช้าอย่างแกไม่ควรได้อะไรไปจากจืออวิ๋นทั้งนั้นแหละ

ไหหม่า(海馬)