บทที่344 ใครโหดร้ายขนาดนี้
หลังจากที่ทั้งสองคนรีบไปที่โรงพยาบาล ก็พบว่าท่านปู่ลี่กับคนตระกูลลี่อยู่กันหมดแล้ว
ถึงลี่จุนถิงจะบอกตลอดว่าถวนจื่อเป็นลูกแท้ๆ ของเขา ถึงแม้ว่าจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่คนของตระกูลลี่ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจถวนจื่อมากกว่าเดิม
เจียงหยุนเอ๋อเองก็ไม่ได้สนใจที่จู่ๆ คนของตระกูลลี่ก็สนอกสนใจถวนจื่อขึ้นมาขนาดนี้ ตอนนี้เธอคิดถึงเพียงถวนจื่อคนเดียว
“ตอนนี้ถวนจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?” เจียงหยุนเอ๋อปรี่เข้าไปหาถวนจื่อที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะถามขึ้นด้วยความร้อนใจ
ถวนจื่อที่อยู่บนเตียงยังหลับตาสนิท สีหน้าซีดเซียว
เมื่อเห็นถวนจื่อที่อ่อนแรง เจียงหยุนเอ๋อก็น้ำตาตก
ตอนแรกมันไม่ง่ายเลยที่จะพาถวนจื่อออกมาจากอันตราย คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองออกไปเพียงคืนเดียว ถวนจื่อจะกลายเป็นแบบนี้……
เจียงหยุนเอ๋อถามอยู่นาน แต่ก็ไม่มีใครตอบได้ เธอเลยเงยหน้าขึ้นมามอง ก็พบว่าหลันเยว่เฉินไม่อยู่
ในตอนนั้นเอง ลี่จุนถิงเองก็สังเกตเห็นเหมือนกัน เลยรีบถามขึ้น: “หลันเยว่เฉินล่ะ?”
ในห้องพักผู้ป่วยมีพยาบาลคนหนึ่งรู้อาการของถวนจื่อนิดหน่อย แต่เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อร้อนใจขนาดนั้น เลยไม่กล้าพูดออกมา
เมื่อได้ยินลี่จุนถิงพูดถึงหลันเยว่เฉิน เลยพูดขึ้นเสียงเบาว่า: “ฉันจะไปเรียกหมอหลันมา”
พยาบาลออกไปจากห้องพักผู้ป่วย เมื่อเห็นพยาบาลออกไป เจียงหยุนเอ๋อเลยขบริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็กลั้นความร้อนใจในเอาไว้
ตอนนี้ร้อนใจไปจะมีประโยชน์อะไร?ทำได้เพียงรอหลันเยว่เฉินมาถึงจะถามให้รู้เรื่องได้
เมื่อคิดแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็ก้มหน้าลงมองถวนจื่อ พลางเอามืออังหน้าผากของถวนจื่อเอาไว้
หน้าผากของถวนจื่อเย็นจริงๆ
เจียงหยุนเอ๋อคิดแบบนั้น ในใจก็เริ่มปวดขึ้นมาอย่างรุนแรง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?ทำไมถวนจื่อต้องมาลำบากไปกับตัวเองด้วย?เรียกเธอว่าแม่ไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะมักจะทำให้ลูกตัวเองตกอยู่ในอันตรายประจำ
เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อทนต่อความเจ็บปวดแบบนี้ ลี่จุนถิงก็รีบจับมือของเธอ: “เจียงหยุนเอ๋อ คุณอย่ากังวลเลย เดี๋ยวหลันเยว่เฉินก็มาแล้ว ถวนจื่อไม่เป็นอะไรหรอก”
“อือ” ถึงเจียงหยุนเอ๋อจะพยักหน้าตอบรับแล้ว แต่ในใจก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
ในช่วงนี้ หลันเยว่เฉินยุ่งมากจริงๆ แต่หลังจากที่ได้ยินว่าถวนจื่อถูกส่งเข้าโรงพยาบาล เขาก็ใส่ใจถวนจื่อขึ้นมาทันที
มันไม่ง่ายเลยที่จะรอให้ถวนจื่ออาการปกติ หลันเยว่เฉินอยากจะไปพักสักหน่อย แต่ยังไม่ทันไร ก็ได้ยินพยาบาลบอกว่าญาติของถวนจื่อมาเรียกตัวเองไป
หลันเยว่เฉินถอนหายใจอยู่บนเก้าอี้ จากนั้นก็ลุกขึ้นมา แต่เมื่อคิดถึงอาการของถวนจื่อ ก็จริงจังขึ้นมาในทันที ก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องพักผู้ป่วยของถวนจื่อ
หลันเยว่เฉินเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์มากมาย เพราะคนในห้องพักผู้ป่วยมองมาทางเดียวกันพอดี
เมื่อเห็นแบบนี้ หลันเยว่เฉินก็กระแอมเบาๆ ยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็เห็นว่าแววตาของเจียงหยุนเอ๋อมีน้ำตาออกมา ก่อนจะเดินมาด้านหน้าเขา แล้วถามขึ้นด้วยความร้อนใจ: “หมอหลัน อาการของถวนจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลันเยว่เฉินมองเธอ จากนั้นก็อดไม่ได้ เลยพูดขึ้น: “คุณวางใจเถอะ ตอนนี้ถวนจื่อถูกล้างท้องแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”
“งั้นทำไมเขายังไม่ฟื้น?” เจียงหยุนเอ๋อเห็นถวนจื่อที่ยังไม่ฟื้น ก็สงสารจับใจ
หลันเยว่เฉินเองก็มองถวนจื่อ แล้วก็มองถวนจื่อที่สีหน้าดูไม่สบายเท่าไหร่ เขาลังเลสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “อือ……เพราะกินยาเข้าไปมาก ดังนั้นเลยยังไม่ฟื้นแบบนี้แหละ”
ลี่จุนถิงที่อยู่ด้านข้างมองหลันเยว่เฉิน ก็รู้ว่าเขามีสิ่งที่อยากพูดแต่ไม่พูดออกมา เลยคิดว่าเรื่องนี้มันคงไม่ง่ายเหมือนที่หลันเยว่เฉินพูด
“แล้วถวนจื่อจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่?” เจียงหยุนเอ๋อจับแขนเสื้อของหลันเยว่เฉิน เหมือนกับว่าตอนนี้เขาเป็นความหวังสุดท้ายของตัวเองแล้ว
เมื่อเห็นเจียงหยุนเอ๋อเป็นแบบนี้ หลันเยว่เฉินเองก็อดกลั้นเอาไว้ เพราะเห็นว่าลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมาก เลยวางใจได้เล็กน้อย
ลี่จุนถิงรู้ ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะเป็นแบบนี้ก็เพราะเป็นห่วงถวนจื่อมาก และก็ไม่ได้คิดมากเพราะเรื่องเล็กๆ แบบนี้
เพียงแค่ว่า เพราะเห็นความน่าสงสัยของหลันเยว่เฉินแล้ว ลี่จุนถิงเลยอยากจะรอให้เจียงหยุนเอ๋ออาการดีกว่านี้สักหน่อยค่อยไปคุยกับหลันเยว่เฉินแบบเดี่ยวๆ
หลันเยว่เฉินยังพยายามจะปลอบเจียงหยุนเอ๋อ
“เดี๋ยวรอยาหมดฤทธิ์ ตอนนี้เขายังไม่ได้สติ แต่ก็ไม่มีอะไรหรอก”
เมื่อได้ยินหลันเยว่เฉินบอกว่าถวนจื่อจะไม่เป็นไรแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋อก็วางใจลงได้ เลยพูดกับหลันเยว่เฉินเบาๆ ว่า “ขอบคุณ”
เธอคิดว่าตัวเองไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว เลยไปนั่งข้างๆ เตียงของถวนจื่อ และเหม่อมองถวนจื่อ
ลี่จุนถิงมองเธอด้วยความเป็นห่วง พลางจับไหล่ของเธอ: “เจียงหยุนเอ๋อ คุณต้องเชื่อนะ ว่าถวนจื่อจะต้องฟื้นขึ้นมา”
“อือ” เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้าเบาๆ ถือเป็นการตอบรับ แต่ก็ยังไม่มีแรงอยู่ดี
หลังจากปลอบเจียงหยุนเอ๋อแล้ว ลี่จุนถิงก็เงยหน้าขึ้นมามองหลันเยว่เฉิน แล้วส่งซิกให้เขา เพื่อบอกให้เขาออกไปกับตัวเองหน่อย
เมื่อออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ลี่จุนถิงก็ถามขึ้นหน้านิ่ง: “อาการของถวนจื่อ……ไม่ค่อยดีใช่ไหม?”
“ก็ไม่ใช่ไม่ค่อยดีหรอก……ตอนนี้ก็ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว……แต่ว่า……”
หลันเยว่เฉินมองห้องพักผู้ป่วย ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาถูกวางยาอย่างหนัก ถ้าส่งมาช้ากว่านี้อีกหน่อย อาจจะช่วยเอาไว้ไม่ได้”
ตอนนั้น หลันเยว่เฉินช่วยถวนจื่อสำเร็จแล้วแต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
และก็ไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนวางยา ถึงได้มาทำกับเด็กตัวเล็กๆ แบบนี้
ต้องรู้ด้วย ว่าหลันเยว่เฉินนั้นเป็นหมอที่มีประสบการณ์มามาก และก็เพราะว่าส่งมาทันเวลา เลยช่วยถวนจื่อเอาไว้ได้
ถ้าเกิดรู้ว่าอาการของถวนจื่ออันตรายขนาดนี้ก่อนหน้านี้ ไม่แน่ว่าตอนแรกหลันเยว่เฉินอาจจะไม่กล้าเข้าไปรักษาในครั้งนี้ก็ได้